ปลดปล่อยสัมภเวสี

1764 Words
ตอนที่ 5 ปลดปล่อยสัมภเวสี วิไล กลับมาบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิด ประตูไม้ประดู่ชั้นล่างถูกกระชากเปิดอย่างแรง ก่อนที่เจ้าหล่อนจะกระทืบเท้าขึ้นบันใดขึ้นชั้นสอง ยังหิ้งบูชาที่มีรูปของ ยายสาย แม่ของตนตั้งไว้ รายล้อมด้วยวัตถุรูปร่างแปลกประหลาด “ไหนแม่เคยบอกว่าของเสน่ห์ผัวหลงที่เคยทำกับพ่อมันขลังนักหนา ถึงขนาดว่าพ่อหลงลืมเมียเก่ามาอยู่กับแม่จนมีหนู กระทั่งพ่อตายไป แล้วทำไมคุณภพเขาถึงเริ่มเบื่อหน่ายหนูเร็วจัง” หล่อนย่อกายลงนั่ง และตะโกนใส่รูปนั้นอย่างฉุนเฉียว ปึก!! แจกันที่ปักดอกพุดสีขาว ล้มฟุบจากชั้นที่วางข้างรูปหล่นลงมาและแตกกระจายเต็มพื้น เพล้ง!! “แม่จะมาไม่พอใจอะไรหนู เพราะแม่นั่นแหละเล่นของจนเป็นปอบ และถ่ายทอดเชื้อมาให้หนูทุกวันนี้ รู้ไหมว่ามันทรมานมาก ตอนนี้หนูไม่ได้อยากกินแค่เครื่องในสัตว์เท่านั้น หนูหิวหนูร้อน หนูอยากกินมากกว่านั้น...” มุมปากของ วิไล ยกแสยะและแลบลิ้นออกมาเลียรอบด้วยความทรมาน นับตั้งแต่ยายสายตาย เธอได้เผาบางอย่างตามคำสั่งแม่ แต่ลึกๆแล้ว เธอเองก็ปรารถนาในกิเลสตัณหา อยากได้อยากมี ในบางสิ่งที่ชีวิตนี้ไม่สามารถไขว่คว้ามาได้ คงมีแต่ไสยเวทย์ดำเท่านั้น ที่จะตอบสนองได้ ตำราและของขลังบางอย่าง จึงถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี และหล่อนก็เริ่มศึกษามันอย่างตั้งใจ หลังจากที่ได้เจอกับ ภพ ลูกชายเสี่ยซ้ง และได้ทราบว่า พ่อครูไกรศร ชายหนุ่มที่ตนหลงรักตั้งแต่เด็กกำลังจะแต่งงานกับ จำปา สาวบ้านป่าโนนแฮก จะมีใครช่วยหล่อนได้ หากเผาสิ่งนี้ไปพร้อมกับร่างแม่ ของเสน่ห์แรกที่ทำใส่ภพนั้น เป็นลูกกรอกสวาทกับน้ำมันพรายจากศพผีตายโหงที่ใช้ได้ผลดีพอควร เพราะใช้เพียงนิดผสมกับคาถานิดหน่อย ผสานกับเหงื่อจากกลีบเนื้อส่วนล่าง ภพ ก็หลงหล่อนหัวปักหัวปำ จนได้เสพสังวาสกันหลังจากนั้น โดยไม่สนใจเสียงทัดทานจากบิดามารดาของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ช่วงนี้เหมือนเขาจะเหนื่อยและไม่อยากจะเจอเธอเหมือนในช่วงแรก จนไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใด วี๊ดๆวิ้วๆๆ ปังๆๆ สายลมแรงพัดผ่านหน้าต่างบ้าน จนไม้กระทบกันส่งเสียงปังดังลั่น ทำให้วิไล เดินไปปิดและลงกลอนไม้อย่างแน่นหนา ก่อนจะหันกลับมามองรูปของ ยายสาย “อย่าคิดห้ามหนูเด็ดขาด แม่เองมีส่วนให้หนูเป็นแบบนี้ ถ้าหนูไม่ได้คุณภพ หนูก็ได้ต้องได้พ่อครู หนูจะไม่ยอมเสียเขาไปให้ใครอีกเด็ดขาด ...ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใดก็ตาม” มือทั้งสองของหล่อนกำเข้าหากันแน่น สายตาคู่สวยแดงก่ำฉายแววมุ่งมั่น เมื่อนึกถึงร่างกำยำของพ่อครูไกรศร ที่ยืนเคียงข้างกับจำปา ในงานแต่งงานที่ผ่านมา มีความสุขไปเถอะจำปา ...อีกไม่นานหรอก . . กว่าบ่ายคล้อยจนแสงอาทิตย์สาดส่องมากระทบกับต้นมะขามใหญ่ข้างเรือนใหญ่ของพ่อครู เสียงคร่ำครวญจากห้องพระชั้นสองจึงเงียบสงบลง ไม่นานนักไอ้กล้า กับไอ้เข่ง ก็เดินลงมาด้านล่าง พร้อมขันและห่อผ้าขาวบางอย่างด้วยท่าทีอิดโรย “เป็นไงบ้างพี่กล้า คุณภพเป็นอย่างไรบ้าง” จำปา ที่กำลังตั้งใจดูเส้นไหมเพื่อจะเตรียมทำลายมัดหมี่ไหม ถามอย่างใคร่รู้ ขณะที่ สร้อย และจำปี เดินกลับจากดูปลาและเนื้อแดดเดียว ด้านหลังรีบปรี่มาอย่างสนใจ “เห็นพ่อครูบอกของแรงพอควร พิธีวันเดียวไม่น่าจะหาย แต่ดีอย่างวันนี้ คุณภพอ้วกเส้นผมออกมากระจุกใหญ่แล้ว คนเล่นของมันไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นปอบเชื้อที่มีอิทธิ์ฤทธิ์ต่อเนื่องมาหลายชั่วอายุคนโดยมันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ” กล้า เอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนรับขันน้ำเย็นจากมือของ สร้อย มาดื่มอย่างกระหาย ทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความตระหนก แม้กระทั่งจำปีเอง “คงจะจริงอย่างที่จำปีมันว่า” สร้อยบอกเบาๆ และหันไปมองหน้าของเด็กสาว “แล้วเอ็งเห็นอะไรมั้ย คุณภพเขาจะหายมั้ยช่วยบอกให้พวกข้ามีกำลังใจหน่อย สงสารคุณภพ” “ฉันยังไม่เห็นภาพนั้นจ้ะ มันจะแวบมาเป็นพักๆ” สีหน้าของ จำปีวิตกลงเล็กน้อยก่อนจะหันไปถาม ไอ้กล้ากับเข่ง “พวกพี่ทั้งสองจะไม่อยู่เรือนชั่วคราวใช่มั้ยจ้ะ?” คำถามนั้นทำให้ชายทั้งสองชะงัก “เอ็งรู้ได้ยังไง” “แล้วพี่จะไปไหนรึ?” สร้อยหันมาถามผัวตัวเอง ก่อนจะรับขันน้ำเย็นมาวางไว้ที่แคร่ไม้ไผ่ “พ่อครูทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณอีแก้วแล้ว และจะให้พวกข้าเอาเถ้าไปลอยอังคารที่แม่น้ำมูล มันจะได้ไปสู่สุขคติ” ไอ้กล้าบอกเสียงราบเรียบ “ข้าต้องไปกับไอ้เข่งสองคน ลอยให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะพ่อครูต้องบำเพ็ญบริกรรมพิธีใส่ร่างคุณภพทั้งคืนจนถึงเช้า” แม่น้ำมูลเป็นแม่น้ำที่จะไหลบรรจบกับแม่น้ำโขงอยู่ห่างจาก บ้านตาดแดดเกือบหกสิบกิโลเมตร ไอ้กล้ากับไอ้เข่ง ต้องรีบเดินทางด้วยรถกะบะของพ่อครู น่าจะใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง ซึ่งน่าจะทันเวลาพอดี “งั้นรึถ้างั้นก็รีบไปดีกว่าพี่ เอาข้าวเหนียวกับเนื้อย่างไปด้วยเผื่อจะหิวกัน” สร้อย รีบลุกขึ้นอย่างกุลีกุจอ หยิบห่อข้าวเหนียวใส่ในย่ามให้ทั้งสอง เพื่อจะถือห่อผ้าขาวที่ใส่โกศเถ้าของแก้ว เดินไปที่รถอย่างรีบร้อน จำปา และจำปี เดินตามทั้งสองมาห่างๆ ก่อนที่จำปีจะเอ่ยบอกเบาๆ เมื่อเดินมาถึงรถ “พี่กล้าจ้ะถือเถ้าของพี่แก้วให้ดีนะ อย่าให้ใครมาถือไปเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้ชายรูปร่างสันทัดและสักรูปเสือไว้ที่ต้นคอ” คำบอกของจำปี นั้นทำให้ กล้ากับเข่งรีบหันมามองกัน “จะให้ใครมาจับวะจำปี ข้ากับไอ้เข่งขับรถตรงไปยังแม่น้ำมูล ปล่อยเถ้าแล้วก็กลับคนที่จับก็จะมีแค่ข้ากับไอ้เข่งสองคนเท่านั้นแหละ” กล้า หัวเราะออกมาก่อนจะปิดประตูรถ เมื่อไอ้เข่งขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว และรีบสตาร์ทรถออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงว่าพระอาทิตย์จะตกดินเสียก่อน “ทำไมเหรอจำปี หนูมองเห็นอะไร?” จำปา หันมากระซิบถามหลานสาวเบาๆอย่างสงสัย เมื่อรถแล่นออกไปจนลับตาแล้ว “หนูเห็นไม่ชัด ภาพมันลางเลือนคล้ายๆจะมีคนมาจับผ้าห่อเถ้า และเหมือนว่าพี่แก้วจะไม่ได้สู่สุคติอย่างที่ตั้งใจ แต่หนูไม่แน่ใจเหมือนมีมนต์อะไรมาบังตาหนูไว้ หนูคงคิดไปเอง” จำปี ส่ายหน้าไปมาเมื่อเริ่มรู้สึกปวดหัว แม้จะมองเห็นภาพนิมิตบางอย่าง แต่บางครั้งเธอก็ไม่กระจ่างในรายละเอียดมากนัก และหากเหตุการณ์นั้นมีผู้มีอาคมเกี่ยวข้องด้วย ภาพนั้นจะเหมือนถูกบดบังจนประติดประต่อไม่ได้ หรือว่า ทั้งสองจะได้เจอกับผู้มีอาถาอาคม จำปีไม่แน่ใจ . . “เหนื่อยมั้ยจ้ะ?” จำปา เอ่ยถามพ่อครู เมื่อยกขันน้ำฝนลอยดอกมะลิมาให้บนเรือนใหญ่ หลังจากเขาเดินออกจากห้องพระ โดย ภพ ยังคงอยู่ในนั้น หน้าหล่อเหลาแฝงความอิดโรยเล็กน้อย แต่ยังคงฝืนยิ้มเมื่อเห็นหน้าเมียอยู่ใกล้ “นิดหน่อย พี่เห็นจำปาก็หายเหนื่อยแล้ว” มือหนาคว้าเอวคอดโน้มร่างบางให้นั่งบนตัก ก่อนจะฝังจมูกโด่งยังปรางแก้มเนียนของเมีย สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนกายที่เขาหลงไหลไม่สร่างซา “หือ กินน้ำก่อนจ้ะ” ขันน้ำเย็นถูกจรดยังปากหยักได้รูป และเขาก็ประคองกินอย่างชื่นใจช้าๆอย่างใจเย็น หญิงสาวมองแผงขนตางามงอนของสามีตัวเองด้วยแววตาครุ่นคิดเล็กน้อย “ทำไมพี่ไกร ถึงครอบวิญญานแก้วไว้ตั้งนานรึ?” ตอนแรกว่าจะไม่ถาม แต่ไหนๆเขาก็ได้ปลดปล่อยแก้วแล้ว หญิงสาวจึงอยากจะรู้เพื่อไม่ให้คาใจอีกต่อไป นั่นทำให้หน้าหล่อเหลาของไกรศร ชะงักเล็กน้อย “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะกักขังเขาไว้ดอก แก้วเขาเสียเพราะโดนของจากใครคนหนึ่ง พี่ต้องครอบวิญญานเขาไว้อย่างน้อยสามปีเพื่อให้ของคลายไม่ติดตามเขาไป แต่ก็ตั้งใจที่จะปลดปล่อยเขาอยู่แล้วถึงแม้จำปาจะไม่บอกก็ตาม” ไกรศร เอ่ยเสียงราบเรียบ แววตาคู่สีนิลอ่อนแสงลงเล็กน้อย นั่นทำให้จำปา ครุ่นคิดถึงนิมิตก่อนหน้าที่ว่า แก้วมีสัมพันธ์กับแหยม คนงานในเรือนนี้และหลังจากนั้นก็โดนของเข้าจนกระอักเลือดตายในห้องแต่งตัวขณะจะแต่งตัวไปวัด พ่อครู เองก็คงสะเทือนใจพอควร ทั้งเมียมีชู้และโดนของ แถมยังเสียชีวิตในเรือนใหญ่หลังนี้ “ขอโทษที่ถามนะ พี่คงเสียใจมาก” จำปาเอ่ยเสียงอ่อย มือนิ่มลูบยังสันกรามของพ่อครูเบาๆ มือหนาจับมือนิ่มของเธอไว้ ดวงตาคู่สีนิลจ้องมองเข้ามาในดวงตาคู่สีน้ำตาลของเธออย่างล้ำลึก “อย่ากังวลใจเลยพี่ไม่เป็นไร เรื่องมันนานมากแล้ว และพี่ก็ปลดปล่อยเขาไปแล้ว ..ตอนนี้ทั้งใจพี่มีแค่เอ็งคนเดียว” เขากระซิบบอกเสียงแหบพร่า ก่อนจะประทับจูบยังหน้าผากโหนกเนียนของเธออย่างแผ่วเบา “จ้ะ ฉันก็มีแค่พี่คนเดียว” เธอโอบกอดเขาไว้แน่น . . ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง รถกะบะสีน้ำตาลก็มาจอดยังท่าน้ำมูลใต้ต้นฉำฉา(จามจุรี)ใหญ่ข้างวัด ก่อนที่ กล้า กับเข่ง จะก้าวลงจากรถ ถุงเถ้าสีขาวถูกจับประคองไว้อย่างระมัดระวัง เพื่อจะเตรียมเดินไปยังท่าน้ำมูลหลังวัดเพื่อหย่อนเถ้าให้ลอยไปตามกระแสน้ำ พลัน!! เสียงทักหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง “เป็นไงบ้างวะไอ้กล้าไอ้เข่ง!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD