ช่วยแบบฟรีๆ

1756 Words
พราวรวีกลับมาถึงบ้านเกือบบ่ายโมง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและทานอาหารที่แวะซื้อจากร้านของพี่เจนนี่ก่อนเข้ามา เธอมองนาฬิกาที่ผนัง ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเลิกงานของญาดา หญิงสาวเก็บจานชามล้างจนสะอาด ดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังสำนักพิมพ์ที่ญาดาทำงานอยู่ “เอางานมาส่งพี่เหรอคะน้องพราว ไม่เห็นต้องมาเองเลยนะคะ ส่งทางเมลแบบเดิมก็ได้” “เปล่าค่ะพี่ดา พราวมีเรื่องจะถาม” “ถามเรื่องอะไร ท่าทางเครียดเชียว” “พราวอยากได้เบอร์โทรของผู้ชายที่พี่ดาจ้างไปให้พราวเมื่อคืนค่ะ” “อะไรนะ ใครจ้างใคร พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” พราวรวีเล่าเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นแนะนำตัวเองกับเธอให้กับบรรณาธิการรุ่นพี่ฟังอย่างไม่มีปิดบัง “พี่ไม่ได้จ้างใครไปจริงๆ นะ พี่จะทำอย่างนั้นทำไม” “แต่ผู้ชายคนนั้นเขารู้จักกับพี่” “ผู้ชายที่ว่าชื่ออะไรหน้าตาเป็นยังไงไหนลองบอกพี่สิ” ญาดามีลางสังหรว่าผู้ชายคนที่นักเขียนสาวพูดถึงจะเป็นคนเดียวกับญาติของเธอ “ตัวสูง ใบหน้าคม คิ้วเข้ม รวมๆ แล้วก็หล่อค่ะ เขาบอกว่าชื่อวัธน์” เธอตอบไปตามที่ได้รู้มา แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่เพราะตอนนั้นเธอสติไม่ค่อยจะเต็มร้อยเท่าไหร่ ใบหน้าของญาดาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที “พราว รอพี่ตรงนี้จะ พี่ขอไปคุยธุระเดี๋ยว” เดินออกมาจากห้องก็ตรงไปยังห้องประชุมเล็กที่ตอนนี้ไม่มีใครใช้งาน พอดีกับคนปลายสายกดรับ “พี่วัธน์ บอกดามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่วัธน์เอาชื่อดาไปอ้างไปหลอกพราวใช่ไหม” “เดี๋ยว ดา ใจเย็นก่อนดาพูดเรื่องอะไร” “อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ วันนี้พราวมาหาดาที่บริษัท มาขอเบอร์โทรพี่วัธน์” “ก็ให้เธอไปสิครับ” “บอกดามาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น” กวีวัธน์บอกว่าเขาแค่เข้าไปทักทายพราวรวีที่กำลังเมาและจะออกไปกับคนแปลกหน้า และที่ต้องอ้างชื่อของญาดาก็เพราะอยากให้เธอไว้ใจ ชายหนุ่มเล่าแค่นั้นเพราะไม่อยากเธอเสียหายไปมากกว่านี้ “แค่นั้นแน่ใช่ไหมพี่วัธน์” “ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ไปถามคุณพราวเองสิว่าแค่นั้นหรือเปล่า” เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้พราวรวีไม่ได้เล่าเรื่องราวลึกซึ้งที่เกิดขึ้นให้กับญาติผู้น้องฟัง วางสายจากกวีวัธน์แล้วญาดาก็กลับมาห้องทำงานของตนเองอีกครั้ง “ตงลงยังไงคะพี่ดา” “พี่ไม่ได้จ้างจริงๆ นะ” “พี่ดา เขาบอกรู้จักพี่นะคะ” “อือ เขาเป็นญาติห่างๆ ของพี่เอง เขาบอกว่าจำพราวได้เพราะเคยเห็นรูปที่พราวถ่ายกับพี่ในเฟซบุ๊ก” “แค่นั้นเหรอคะ” หญิงสาวพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ “แค่นั้นจริงๆ พราวมีอะไรหรือเปล่าหรือพี่วัธน์ทำอะไรพราว” “เปล่าค่ะ พราวแค่อยากได้เบอร์เขาอยากคุยกับเขาเรื่องเมื่อคืนนิดหน่อย” “ไม่มีอะไรแน่นะ” เธอถามนักเขียนสาวอีกครั้ง “แน่ค่ะ” เมื่อได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้นแล้วพราวรวีก็ขอตัวกลับ พราวรวีกลับมาถึงรถของตัวเองหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยและสตาร์ทเครื่อง แต่ยังไม่ยอมเหยียบคันเร่ง เธอลังเลว่าจะโทรศัพท์หาเขาตอนนี้หรือจะรอเวลาครบสองสัปดาห์แล้วค่อยไปเจอะเลือดที่โรงพยาบาลตามที่อ่านมาจากอินเทอร์เน็ต กว่าหญิงสาวจะตัดสินใจได้ก็ผ่านไปเกือบสิบนาที เธอคิดว่าโทรไปถามเขาตอนนี้ดีกว่าปล่อยเวลาผ่านไปแล้วตัวเองก็จมอยู่กับความเครียดอีกสองสัปดาห์ มือเรียวกดหมายเลขสิบตัวที่ได้มาจากญาดา ทวนตัวเลขจนครบแล้วกดโทรออก เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนออกกำลังกายอย่างหนัก รู้สึกได้ว่าการรอคอยมันช่างทรมานเหลือเกิน “คุณกวีวัธน์ใช่ไหมคะ” เสียงหวานรีบถามทันทีเมื่ออีกฝ่ายกดรับ “ครับ” เสียงตอบรับแบบงงๆ “ฉันขอถามอะไรคุณหน่อย คุณตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คุณมีโรคติดต่อร้ายแรงอะไรหรือเปล่า มีความสัมพันธ์คนอื่นโดยไม่ได้ป้องกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” หญิงสาวรัวคำถามยาวจนอีกคนอดหัวเราะไม่ได้ “ใจเย็นคุณ คุณเป็นใครครับ จู่ๆ ก็มาถามอะไรแบบนี้ผมงงไปหมดแล้ว” “ฉัน..” เธอไม่รู้จะตอบเขายังไง “ว่าไงครับ คุณเป็นใคร โทรผิดหรือเปล่าครับ” กวีวัธน์รู้แล้วว่าเธอคือพราวรวี เพราะเมื่อครู่ญาดาเพิ่งโทรมาบอกเขาว่าหญิงสาวอยากคุยด้วย แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไว้ก่อน “ฉันพราวรวี” “คุณพราวรวี อ้อ คุณคนคนเมื่อคืนสินะครับ โทรมาหาผมแบบนี้อย่าบอกนะครับว่าอยากเรียกใช้บริการผมอีก” “พูดอะไรบ้าๆ” แม้จะอยู่คนเดียวในรถแต่หญิงสาวก็อายจนหน้าแดง “ถ้าไม่ใช่เรื่องเมื่อคืน จะมีเรื่องอะไรที่เราจะคุยกันอีกล่ะ” “คุณช่วยตอบคำถามที่ฉันถามไปเมื่อกี้ได้ไหม” “คุณถามว่าอะไรบ้างนะผมฟังไม่ทัน” พราวรวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถามเขาไปอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปหญิงสาวก็เริ่มใจคอไม่ดี “ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคหรอกครับ ผมว่าคุณควรกังวลเรื่องท้องดีกว่าไหม” น้ำเสียงเขาจริงจังขึ้นเพราะเมื่อเช้าอารมณ์ของเขามันรุนแรงจนหลงลืมที่จะป้องกัน แต่ถึงถ้าเขาอยากจะป้องกันก็คงทำไม่ได้เพราะถุงยางอนามัยถูกใช้หมดไปตั้งแต่ตอนกลางคืนแล้ว “คุณมั่นใจใช่ไหมคะ ว่าคุณปลอดภัยดี” “อืม ผมมั่นใจ” “ค่อยโล่งอกไปที” “ผมนึกว่าคุณจะโทรมาโวยวายเสียอีก” “ฉันก็อยากทำอย่างนั้น แต่ถึงโวยวายไปมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ตอนนี้ขอแค่ไม่ติดโรคก็พอแล้ว” หญิงสาวคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้พราวรวีไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ยังเรียนไม่จบ แต่เธอโตมากพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ “คุณไม่เสียใจเลยเหรอ ที่คนแรกของคุณไม่ใช่แฟนหรือคู่รัก” “เสียใจสิ แต่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉันไม่ใช่สาวน้อยอ่อนต่อโลกที่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ” “พูดอย่างกับผ่านผู้ชายมาเยอะ” เขาแปลกใจกับความคิดของเธอเป็นอย่างมาก “ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอกน่า ถึงฉันจะไม่ได้ช่ำชองเรื่องบนเตียง แต่ก็มีความรู้มากพออยู่หรอก” “อยากเก่งขึ้นไหมล่ะ” “ไม่ล่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก “จะไม่เรียกร้องให้ผมรับผิดชอบหน่อยเหรอครับ” “อย่าเลยค่ะ” “แต่ผมอยากรับผิดชอบนะครับ อยากเจอคุณอีก” กวีวัธน์ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป ถ้าเธอให้เขารับผิดชอบขึ้นมาเขาจะรับผิดชอบอย่างที่พูดไหม เพราะตอนนี้หัวใจของเขามันเย็นชากับเรื่องความรัก เขายังไม่พร้อมจะรักใครเพราะรักครั้งก่อนทำให้เจ็บจนแทบกระอัก “ผู้หญิงเขาไม่เรียกร้องให้รับผิดชอบ คุณควรจะดีใจนะคะ เรื่องท้องไม่ต้องกังวลหรอก อีกสองวันรอบเดือนฉันก็มาแล้ว เพราะฉะนั้นนี่ถือเป็นระยะปลอดภัยของฉัน” กวีวัธน์ต้องอึ้งกับความคิดของเธออยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นคนอื่นอาจเรียกร้องให้เขารับผิดชอบหรือไม่ก็อาจจะอยากคบหากันต่อ แต่คุณนักเขียนกลับปฏิเสธเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มันทำให้เขาอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ “ผมชอบนะที่คุณเป็นคนพูดตรงๆ แบบนี้” “ก็ไม่รู้จะอ้อมค้อมทำไม ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณนะคะที่ทำให้ฉันได้ประสบการณ์” “ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม คุณพราวขอบคุณผม” “ไม่ผิดหรอก ช่วงนี้ฉันเขียนนิยายไม่ออกเพราะไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละคร แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันคงเขียนมันได้แล้ว” กวีวัธน์ต้องอึ้งอีกครั้ง นี่เขากลายเป็นตัวอะไรสำหรับเธอกันแน่ ที่เธอเรียกร้องให้เขานอนด้วยก็เป็นเพราะอยากหาประสบการณ์เท่านั้นเองหรอกเหรอ “ผมว่า มันก็แค่ส่วนหนึ่งของประสบการณ์เองนะครับ มันยังไม่ได้ครึ่งของนิยายเรื่องแรกของคุณเลยนะครับคุณพราว” พราวรวีเงียบ เธอไม่คิดว่าเขาจะอ่านนิยายของเธอด้วยโดยเฉพาะนิยายเรื่องแรกที่มีฉากอีโรติกอยู่เกือบครึ่งเรื่อง “คุณอ่านนิยายของฉัน” พราวรวีไม่คิดมาก่อนว่าแฟนหนังสือของเธอจะมีผู้ชายด้วย “ครับ ถ้าคุณอยากได้ตัวช่วยให้คุณเขียนนิยายได้ไหลลื่น ผมว่าผมยินดีช่วยคุณนะครับ ช่วยแบบฟรีๆ เลยก็ได้” “ขอบคุณนะคะ แต่ฉันว่าคงไม่ต้องแล้ว” เธอไม่อยากถลำลึกมากไปกว่านี้ แค่ที่ทำลงไปเมื่อคืนก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว “แสดงว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกเหรอครับ” เขาแอบเสียดายเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกหลังจากเลิกกับแฟนสาวและยังเป็นคนทำให้เขากลับมาเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัวอีกครั้ง “ค่ะ ไม่มีเหตุผลที่เราต้องเจอกัน” กวีวัธน์รู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้าอย่างจัง และคนอย่างเขาก็ไม่ชอบให้ผู้หญิงเมินเสียด้วย “ผมว่าเราคงได้เจอกันอีกแน่นอน” เขาพูดอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะวางสายไป ยิ่งเธอปฏิเสธเขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้ พราวรวีรู้สึกโล่งใจที่เขายืนยันว่าตัวเองไม่มีโรคติดต่อ แต่เธอจะวางใจไม่ได้เพราะฉะนั้นถ้าครบสองสัปดาห์เธอคงต้องไปตรวจเลือดอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD