บทที่ 5 ติดอกติดใจ

2053 Words
ออสตินทนไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นก็ปลดปล่อยน้ำรักให้พวยพุ่งในปากของข้าวหอมทุกหยาดหยด จนกระเซ็นรดใบหน้าของหญิงสาวจนเลอะไปทั้งใบหน้าและลำคอระหง “อ่าห์~” เสียงครางอย่างพึงพอใจเปล่งออกมาพร้อมกับมองดูผลงานของตัวเอง ไม่คิดว่าแค่ช่วงเวลาสามวันที่ไม่ได้ปลดปล่อยอย่างเต็มที่น้ำรักของเขาจะมากขนาดนี้ ข้าวหอมปาดน้ำรักของเขาแล้วเอานิ้วเข้าไปดูดท่าทางแสนยั่วนั้นทำให้ออสตินกำลังจะขึ้นอีกรอบ แต่ทว่า... Rrrrrrrr…. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเขาเสียก่อน จะไม่รับก็ไม่ได้เพราะเสียงที่ตั้งไว้คือแม่ผู้ให้กำเนิด และเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เขาทุกเดือน “ครับคุณมาลิณี” เสียงนุ่มที่พยายามดัดให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ปลายสายรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ทว่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคลานลงจากเตียง มือหนาก็รีบคว้าเอาไว้ ‘จะไปไหน’ เขาทำปากถามอีกฝ่าย แต่ก็ได้รับนิ้วชี้ไปทางห้องน้ำเขาจึงโล่งใจ จากนั้นก็ปล่อยให้เธอเข้าห้องน้ำแต่สายตาก็ยังไม่ละจากร่างบอบบางของอีกฝ่าย ยิ่งสองเนินโนมกระเพื่อมตามแรงย้ำเท้ายิ่งทำให้เขาแข็งขืนจนแทบไม่มีสมาธิ แต่ว่าคุณแม่ของเขาก็ยังคุยธุระไม่เสร็จ “ครับแม่” เขาพยายามรวบรัดที่สุด แต่นั่นทำให้แม่ของเขาสงสัย “แกทำอะไรอยู่กันแน่ออสติน ทำไมวันนี้รับปากดีจนน่าสงสัย” “โหยแม่ผมก็พักผ่อนหลังจากเรียนมาน่ะสิ แม่อย่าสงสัยได้ไหมครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมต้องไปตรวจความเรียบร้อยที่บาร์อีกนะครับ” เขาเอาเรื่องงานมาอ้าง แต่คนเป็นแม่ไม่เชื่อ “อย่ามาโกหกนะ พาผู้หญิงไปนอนด้วยอีกแล้วใช่ไหม แม่บอกแล้วใช่ไหมอย่ามั่วเดี๋ยวติดโรค” คนที่ฟังได้แต่ถอนหายใจ เพราะเขาพามาจริง ๆ แล้วก็เถียงไม่ได้ด้วย จึงหยิบผ้าขนหนูพันรอบเอวลวก ๆ แล้วก็ไปยืนคุยที่นอกระเบียง เมื่อข้าวหอมเข้าห้องน้ำของชายหนุ่ม ก็สังเกตเห็นความเป็นระเบียบจนเธอเองต้องอาย ขนาดห้องผู้หญิงสวยอย่างเธอยังไม่เรียบร้อยขนาดนี้เลย ของที่วางนั้นมีช่องไฟเท่ากันจนเรียกได้ว่าใช้ไม้บรรทัดวัดก็ว่าได้ มือเล็กหยิบเอาโฟมล้างหน้าผู้ชายขึ้นจากนั้นก็ไปเปิดน้ำล้างคราบต่าง ๆ แต่แล้วด้วยความเหนอะหนะตัวจึงคิดจะอาบน้ำเสียเลย ขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่นั้นเสียงเคาะประตูถี่ ๆ ก็ดังขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูอย่างลุกลี้ลุกลนทำให้คนที่กำลังฟอกตัวอยู่ด้วยครีมอาบน้ำรีบโผล่หน้าออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น “ข้าวหอมเสร็จหรือยัง ต้องออกไปจากห้องตอนนี้เลย” น้ำเสียงเคร่งเครียดของออสตินทำให้ข้าวหอมรีบล้างตัวจากนั้นก็ออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ “ทำไม...เกิดอะไรขึ้น” ข้าวหอมเองก็ตกใจเหมือนกัน หรือว่าจะมีเรื่องอะไร “แม่ผมอยู่ข้างล่างกำลังจะขึ้นมาแล้ว เร็วเข้ารีบออกไปก่อน” ข้าวหอมฟังจบก็ไม่ทันได้คิดอะไรวิ่งคว้ากระเป๋าแล้วก็ชุดนักศึกษาวิ่งออกจากประตูด้วยชุดคลุมอาบน้ำ วิ่งไปถึงบันไดหนีไฟ ก็พอดีกับที่สัญญาณจากลิฟต์ดังขึ้น ติ๊ง! ข้าวหอมรีบขึ้นบันไดทันที เธอไม่อยากเจอแม่เขาในสภาพแบบนี้ เพราะมันจะดูไม่ดีแต่ก็แอบดูอยู่ด้านบนบันได เมื่อเห็นว่าแม่เขาไปแล้วก็เดินอย่างช้า ๆ ไปที่ห้องตัวเอง เพราะขึ้นบันไดแค่ชั้นเดียวก็ถึงแล้ว สุดท้ายหนทางรอดจากเงื้อมมือพี่ออสตินก็คือแม่ของเขานี่เอง แต่ภายในใจรู้สึกเจ็บนิด ๆ ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุผลใด แต่เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย จึงสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วก็นอนพักผ่อน วันนี้โชคดีที่เพียงแค่คั้นกะทิ หากโดนพี่ออสตินตอกอีกมีหวังพรุ่งนี้ไม่ต้องไปเรียนกันพอดี แต่ใจของเธอก็อยากรู้ว่าออสตินเหตุใดต้องกลัวแม่ขนาดนั้นจึงเปิดข่าวหน้าสังคมออกอ่านที่เขียนสกู๊ปเกี่ยวกับครอบครัวของออสติน แล้วเธอก็ตกตะลึงตะลานอีกหน เพราะเขาเป็นไฮโซชื่อดังเชียว เมื่อก่อนคิดว่าเป็นแค่หนุ่มฮอตในมหาวิทยาลัย ที่แท้บ้านก็มีธุรกิจมากมาย หากใครได้เป็นผัวนี่สบายไปสามชาติเลยทีเดียว แต่...คนนั้นคงไม่ใช่ข้าวหอม เมื่อได้รู้ที่มาที่ไปของออสตินแล้ว ข้าวหอมก็คิดว่าเธอคงจะไม่ติดต่อเขาอีก จึงหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจนเวลาสี่ทุ่มเสียงข้อความในไอจีก็ดังแจ้งเตือน คนที่หลับมาตั้งแต่บ่ายขยี้ตาก่อนเปิดอ่านแล้วก็เป็นคนที่ทำให้เธอต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนขึ้นมาบนห้องราวกับเป็นชู้กับสามีชาวบ้านส่งข้อความมาหาเธอ ออสติน: นอนยัง ข้าวหอม: นอนแล้ว ออสติน: แมวพิมพ์หรือไง? คนที่เปิดอ่านอยากหาอะไรปาลงไปที่ห้องชั้นล่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบ แต่แล้วอีกคนกลับไม่เลิกราไปง่าย ออสติน: หิวข้าวไหม ข้าวหอม: ดึกแล้วอ้วน ออสติน: กินเสร็จก็ออกกำลังกายไม่อ้วนหรอก ข้าวหอม: @#$$%!!! เธออยากจะรู้จริง ๆ ออสตินนี่ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงหรือไง เมื่อบ่ายนี่ก็น้ำแตกแล้วไม่รู้จักพอหรือไงกันถึงได้ชวนเธอทำแต่เรื่องอย่างว่า ออสติน: ไปกินข้าวกัน ข้าวหอม: ไม่กลัวแม่รู้? ออสติน: โตแล้ว ข้าวหอม: ไม่กินไม่หิว ถ้าหิวเดี๋ยวกินมาม่าแค่นี้นะจะนอน วางโทรศัพท์แล้วก็อยากจะพัก แต่กลับมีเสียงเคาะหน้าห้องแทน ก๊อก ก๊อก ก๊อก! “โธ่เว้ย...จะนอน” เสียงโวยวายจากในห้องไม่ทำให้คนด้านนอกได้ยิน เพราะห้องเก็บเสียงแล้วนั่นก็เป็นที่มาของการเคาะอีกครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! สุดท้ายข้าวหอมก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความหิวของเขา ไม่รู้หิวข้าวหรือหิวคน ที่ลงทุนมาเคาะหน้าห้องของเธอ จนเธอยีหัวให้ยุ่งแล้วก็ไปเปิดประตูด้วยความหงุดหงิด “ก็บอกว่าจะนอน” เปิดประตูแล้วแต่ทว่าคนที่อยู่หน้าห้องแทรกเข้ามาโดยไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาต “เดี๋ยว...เข้ามาในห้องได้ไงออกไปนะ” หากปล่อยให้ผู้ชายอื่นเข้ามาในห้องง่าย ๆ เท่ากับเธอง่ายเกินไปน่ะสิ แต่ทว่าอีกคนก็หน้าหนาเกินไปแล้วนะ ไหนมีแต่คนบอกว่าเขามันขี้เบื่อไงล่ะ กินสาวแต่ละคนไม่เกินหนึ่งครั้งแต่สำหรับเธอนี่เรียกสองครั้งได้แล้วนะ “จะกินมาม่าด้วยทำให้หน่อย เอาใส่ไข่สองฟองด้วยนะใช้แรงไปเยอะ” คนหน้ามึนเข้ามาถึงก็สั่ง ๆ โดยไม่ได้ถามความสมัครใจของเจ้าของห้องด้วยซ้ำ “นอนเฉย ๆ ใช้แรงที่ไหน” เสียงบ่นเบา ๆ แต่ดันเข้าหูคนเนิร์ด “คืนนี้สลับกัน” “ไม่!” ข้าวหอมรีบตอบทันควันก่อนจะพูดต่อ “นี่ห้องฉันไม่ใช่เซเว่นนะออสติน นายมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” “เรียกพี่อายุมากกว่า” ข้าวหอมเชื่อเลยว่าคนบ้านี่อยากจะมานับญาติเอาตอนนี้ ไม่ต้องนับแล้วญาติเขาควรกลับห้อง แล้วเธอก็ต้องเลือกตามใจเขาด้วยการเรียกอย่างที่เขาต้องการเพราะสายตาดุดันส่งมานั้นทำให้เธอเกรงใจ ‘ไม่ได้กลัวนะแค่เกรงใจ’ “พี่ออสตินเชิญกลับห้องค่ะ น้องข้าวหอมจะนอน” พูดด้วยสีหน้ากวนบาทาที่สุดแต่แล้วคนที่มึนกว่ากลับพูดว่า “วันนี้จะนอนนี่ ห้องแอร์เสียน้ำหยด กินมาม่าเสร็จแล้วออกกำลังกายกับเธอก็จะนอน” ข้าวหอมอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่รู้จะด่าภาษาอะไรดี แอร์เสียรวยล้นฟ้าขนาดนั้นก็ไปหาโรงแรมนอนไม่ดีหรือไง มานอนห้องเธอทำไมกัน “ฉันนอนดิ้นไม่ชอบนอนกับใคร ชอบนอนคนเดียวพี่ไปนอนที่อื่นเถอะ” “ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่กอดเธอเองรับรองไม่ดิ้นแน่ แล้วกินเสร็จออกกำลังกายสักยกสองยกก็นอนหลับสบายแล้ว” หน้าเขาหนากว่าคอนกรีตเสริมเหล็กเสียอีก เธออยากจะบ้าตาย นี่ถ้าพ่อแม่รู้ว่าริพาผู้ชายมาห้องจะด่าเธอหัวผุล่ะสิ “ความเกรงใจรู้จักม่ะ” “เอาน่ายังไงก็ต้องผูกปิ่นโตกับเธอตลอดไปอยู่แล้ว อย่างน้อยก็กว่าจะเรียนจบ นอนห้องเดียวกันไม่เป็นอะไรหรอกน่า” พูดจบอีกคนก็นอนรูดมือถือบนเตียงนอนของเธออย่างสบายใจราวกับคำพูดเธอมันไม่ได้เข้าหูเลยสักนิด แต่...เดี๋ยวนะผูกปิ่นโตอะไรกัน...เธอไม่เข้าใจ “ฉันไม่ใช่ร้านอาหารนะมาผูกปิ่นโตอะไร” “สาบานว่าไม่เข้าใจศัพท์ผูกปิ่นโต?” อีกคนเลิกคิ้วถามพร้อมกับล้วงถุงยางออกมาสามห่อวางบนโต๊ะหัวเตียงทั้งยักคิ้วให้ดูว่าที่เขาพกมาคืออะไร ข้าวหอมที่คิดว่าตัวเองมีหนทางรอดดูเหมือนจะไม่รอดนะท่าทางพี่ออสตินนี่เอาเธอจริง ๆ “วันนี้หมดอารมณ์แล้วออกไปได้แล้ว” “บิ้วอารมณ์แป๊บเดียวก็ขึ้น แค่ลิ้นแตะ ๆ” ใบหน้าคนฟังแดงก่ำไปแล้ว นี่เธอขึ้นง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อยแค่ร่างกายเธอไวต่อความรู้สึกก็เท่านั้นเอง “จะต้มมาม่าให้กินหรือจะกินไส้กรอกไส้ชีส!!!” คำหลังเขาเน้นย้ำไม่ต้องอธิบายให้มากความก็น่าจะรู้ว่าไส้กรอกชีสนั้นมันคืออะไร สุดท้ายข้าวหอมก็ยอมพ่ายแพ้ให้กับความหน้ามึน และความเนิร์ดของพี่ออสติน และเรียนรู้อีกอย่างคือคนตัวใหญ่อยากได้อะไรต้องได้ และคิดว่าร่างกายของเธอเขาก็คงอยากได้เช่นกัน ขณะที่กำลังทำมาม่าให้เขาและเธออยู่นั้นก็หันไปถามด้วยความมั่นอกมั่นใจ เพราะคนรอกินนั่งรออยู่ที่โต๊ะในครัวเล็ก ๆ พร้อมน้ำเสียงหยามเล็กน้อย เผื่อเขาจะหงุดหงิดแล้วเปลี่ยนใจกลับห้อง “ติดใจอ่ะสิ...ใช่ป่ะ” ออสตินที่จ้องโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นกดยิ้มมุมปาก แต่เป็นยิ้มที่ทำให้ข้าวหอมสั่นยันอวัยวะส่วนกลางกาย “แล้วเราล่ะติดใจหรือเปล่า” “เราถามพี่ก่อนนะ” ข้าวหอมรีบโต้กลับเพราะอย่างไรก็ไม่อยากได้ชื่อว่าติดเขาหรอกนะ มันดูเป็นผู้หญิงไม่มืออาชีพกับคู่ซ้อมไปหน่อย แค่วันไนต์ “ถามก่อนถามหลังไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าใครติดใคร” “พี่ออสตินติดข้าวหอม....ข้าวหอมไม่ติดแน่นอน” ข้าวหอมยกถ้วยมาม่าให้พร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้แล้วพูดกระแทกเสียงด้วยความมั่นใจทั้งยังลอยหน้าลอยตาใส่แลบลิ้นเล็ก ๆ ส่งให้อีกด้วย “แน่ใจนะ...ถ้างั้นพิสูจน์กันไหมล่ะว่าใครติดใคร” ออสตินยักคิ้วแล้วก็คิดว่ายายเด็กข้าวหอมนี่ติดกับง่าย ๆ แบบนี้เห็นทีต้องซื้อถุงยางมาหลาย ๆ แพคเอาไว้ที่ห้องนี้เสียแล้ว ‘แค่เลียก็ล้มแล้ว’ “พิสูจน์ยังไง?” “กินเสร็จแล้วเดี๋ยวจะบอก” พูดพร้อมมองไปยังบริเวณห้องครัวว่าเหมาะกับการพิสูจน์ความจริงว่าที่จริงใครติดใครกันแน่ แล้วก็หันมาส่งยิ้มชั่วร้ายพร้อมในหัวคิดท่าที่จะทำกับเธอเอาไว้หมดแล้ว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD