“อาบน้ำตรงที่ใดเจ้าคะท่านพี่ใหญ่” ผิงเหยาเพิ่งเคยออกจากจวนสกุลผิงครั้งแรก ปกติอาบน้ำหรือทำธุระในบ้านเท่านั้น แต่นี่ต้องมากลางป่านางจึงถามท่านพี่ใหญ่
“เข้าไปตรงนี้แล้วอาบน้ำให้ดี เอาสบู่ถูตัวแล้วก็ล้างหน้าแบบนี้” คนเป็นพี่สาธิตให้น้องสาวดู เขาไม่มั่นใจว่าในโลกนี้ใช้สบู่แบบใดกัน นี่เป็นก้อนสีชมพูกลิ่นหอม น่าจะเป็นที่ชื่นชอบในสตรียุคนี้
“ผิงเหยาถอดเสื้อผ้าออกแล้วเจ้าค่ะท่านพี่” เด็กสาวตัวน้อยบอกกับพี่ชาย
“ส่งมาเดี๋ยวพี่ซักให้ค่อย ๆ อาบน้ำไปดี ๆ จงเช่อดูเหยาเหยาด้วย ข้าจะไปซักผ้าตรงโน้น”
“ได้เลยนายน้อยม้าจะคอยดูเอง” จงเช่อขานรับ โดยที่มีแค่นายน้อยของเขาเท่านั้นที่ได้ยินช่างดียิ่ง ต่อไปเขาก็จะไม่เหงาอีกแล้ว
เด็กชายเลือกเดินไปอีกทางแล้วนั่งลงบนโขดหินซักผ้าโดยใช้สบู่อีกก้อนที่ไปหยิบมา และใช้มันอาบน้ำด้วยเสียเลย เขาแหวกว่ายในลำธารชั่วครู่ก็มุดน้ำดำผุดดำว่าย แต่แล้วราวกับเจอทองคำใต้น้ำ เมื่อเห็นฝูงกุ้งแม่น้ำอยู่ห้าตัว เขาไม่รอช้ารีบดำเข้าไปจับมันขึ้นมาทันที
“อ่า...ได้แล้ว กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีคนในยุคนี้กินกันเลยหรือไง” เด็กชายนึกสงสัย หากเป็นโลกที่จากมาล่ะก็กิโลละไม่ต่ำกว่า 1200 บาทเลยทีเดียว น่าเสียดายหากที่นี่ไม่รู้จักของอร่อยเสียแล้ว
กุ้งผัดพริกเกลือเอย กุ้งเผาจิ้มน้ำจิ้มรสเด็ด กุ้งอบชีส สารพัดที่เขาจะคิดเมนูในสมองลอยวนไปมาจนเขาเริ่มท้องร้องเสียแล้ว
เขานำเสื้อผ้าของตัวเองและของน้องสาวไปผึ่งใกล้กับกองไฟที่จุดไว้ แล้วก็ลงมือค้นกระเป๋าหาข้าวสารที่มันมีอยู่ในหม้อสนามออกมา แล้วรินน้ำจากในกระบอกน้ำที่ไม่มีวันหมดของเขาลงไปเพื่อหุงข้าวแบบสนาม
ไม้ไผ่ที่เหลือเขาหยิบมันมาใช้มีดเหลาและผ่าลงมาแต่ไม่ให้สุดด้ามไม้แล้วนำกุ้งหนีบกับไม้ไว้ทั้งห้าตัววางรอบ ๆ กองไฟ ให้มันค่อย ๆ สุก
หากจับปลาอาจต้องใช้เวลานาน เพราะปลาแวกว่ายเร็วนัก หากได้กุ้งเขาเพียงดำลงไปจับง่ายกว่า ทั้งยังอร่อยกว่าปลามากมายจึงเลือกกินกุ้งในมื้อนี้
“ท่านพี่ผิงเหยาอาบน้ำสะอาดแล้ว” เด็กหญิงตัวน้อยร้องบอกท่านพี่ของตนเอง
“เช่นนั้นขึ้นมาแล้วนั่งรอตรงนี้พี่ปูเสื่อไว้แล้ว รอเสื้อผ้าแห้งค่อยใส่ พี่จะเข้าป่าไปหาใบไม้สักครู่” เขาบอกน้องสาวแล้วก็เดินจากไป
ตอนนี้ไม่มีจานก็ต้องใช้ภาชนะแบบป่า ๆ คือน่าจะต้องใบบัวแล้วกระมัง คิดถึงข้าวห่อใบบัวขึ้นมาทันที เขาจำได้ว่ามีไข่เค็มด้วยนี่นา มีกุ้งเผากับไข่เค็มเพิ่มรสชาติก็ดีไม่น้อย
เขาเด็ดใบบัวมาหลายใบหน่อย ถ้าข้าวที่หุงเหลือเขาจะใส่ห่อใบบัวไว้กินมื้อต่อไป และไม่ลืมเก็บฝักบัวมาอีกหลายฝักเพื่อเป็นเสบียงให้น้องสาว ตอนนี้อะไรกินได้ก็เก็บไปก่อน ต้องเดินทางอีกไกล
ผิงเหยานั่งรออย่างใจจดใจจ่อ มองดูพี่ชายทำโน่นทำนี่ กับรอเสื้อผ้าแห้งจะได้ไปนั่งใกล้พี่ชายได้ นางรู้สึกว่าพี่ชายของนางช่างร้ายกาจนัก มีของดี ๆ พวกนี้ทั้งยังหุงข้าวส่งกลิ่นหอมอีกด้วย จนท้องนางเริ่มร้องเสียแล้ว
โครก...คราก...!!!
เสียงท้องร้องอย่างน่าอายของผิงเหยาดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ เมื่อพี่ชายหันมามอง
“หิวแล้วใช่หรือไม่ รอข้าวสุกสักครู่ พี่กำลังทำกับข้าวให้เหยาเหยา” เด็กชายบอกอย่างอารมณ์ดี ได้เห็นน้องสาวมีเสียงหัวเราะเช่นนี้ ในความทรงจำของเด็กน้อยร่างนี้แทบหาได้ยากนัก เขารักน้องสาวมาก และหวังอยากให้น้องสาวของเขามีความสุข 'เช่นนั้นข้าภูผาจะสานต่อที่เหลือเอง'
ภูผาเมื่อคิดได้ดังนั้นก็ส่งยิ้มบางอบอุ่นไปให้น้องสาว ยามนี้ใบหน้าของทั้งเขาและผิงเหยาไร้รอยเขม่าดำปื้อ ทั้งยังสะอาดสะอ้านอีกด้วย จนเขาคิดว่าหากทั้งสองคนเกิดในตระกูลที่ดีกว่านี้ คงได้เป็นคุณชายน้อยกับคุณหนูน้อย มีบ่าวเดินตามหลังแล้ว
แต่ชีวิตเลือกเกิดได้ที่ไหนกัน เขาก้มมองมือเล็ก ๆ ของร่างนี้และสัญญากับตัวเองว่า จากนี้จะใช้สองมือนี้ทำให้ครอบครัวนี้อยู่อย่างสุขสบายให้จงได้
เมื่อเสื้อผ้าที่บิดจนหมาดถูกผิงไฟราวสองเค่อ กับอากาศที่ค่อนข้างแห้งเล็กน้อย ทำให้เสื้อผ้าของทั้งสองแห้งเร็ว ผิงหยางใส่เสื้อผ้าเสร็จก็หยิบเสื้อผ้าให้น้องสาวใส่ แล้วเด็กสาวตัวน้อยก็ม้วนเสื่อกลับมาด้วย นำไปปูนั่งใกล้พี่ชายของตนเอง ที่เริ่มเทข้าวสวยร้อน ๆ ลงบนใบบัว
“หิวแล้วใช่หรือไม่ กินให้เยอะหน่อย จะได้อิ่มท้อง” เขาเทข้าวให้น้องสาวเยอะ ๆ ท่าทางของน้องสาวเหมือนไม่เคยกินข้าวดี ๆ สักมื้อด้วยซ้ำทำเอาคนเป็นพี่ชายเจ็บปวดใจนัก
แล้วเขาก็เอากุ้งมาวางในใบบัวอีกใบ พร้อมกับไข่เค็มสองฟองที่เขาหยิบสองครั้ง เพราะมันมีแค่ฟองเดียว เมื่อหยิบออกมาจึงได้ครั้งละ 1 ฟองเท่านั้น
“ท่านพี่เจ้าคะ เจ้าก้อนกลม ๆ ขาว ๆ นั่นคล้ายไข่ไก่นักเจ้าค่ะ” ผิงเหยาไม่เคยเห็นมันมาก่อน จึงใช้มือป้อม ๆ ชี้ไปตรงนั้นแล้วก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับจากพี่ชายก่อนจะเอ่ย
“มันคือไข่เป็ดดองเค็ม” เขากล่าวออกมา เช่นนี้โลกนี้ก็คงยังไม่ได้กินไข่เป็ดสินะ เขาเริ่มมองเห็นหนทางการสร้างงานสร้างอาชีพราง ๆ แล้ว
“มันกินได้เหรอเจ้าคะ เหยาเหยาเคยเห็นป้าบ้านที่ถัดจากบ้านของเราไปสามหลังเลี้ยงเป็ด แต่เอาไว้ฆ่ากินเนื้อเท่านั้น ส่วนไข่ก็เอาไว้ฟักเป็นตัว” เหยาเหยาเคยแอบเดินไปเมียงมองพร้อมกับสูดกลิ่นเป็ดตุ๋นของบ้านนั้นอยู่บ่อยครั้ง นางปรารถนาจะได้กินเป็ดตุ๋นสักครั้ง รอคอยให้ท่านแม่กลับมาแทบไม่ไหว
“เอาไว้ถึงบ้านท่านยาย พี่จะทำอาหารดี ๆ ให้เจ้ากินมาก ๆ แล้วก็จะสร้างบ้านใหญ่ ๆ ให้เจ้าด้วยมีที่นอนกับผ้าห่มแสนอบอุ่น” คนเป็นพี่ชายวาดฝันชีวิตให้กับน้องสาวแสนรักอย่างผิงเหยา
“ดีจังเลยเจ้าค่ะ หากเป็นเช่นนั้นเหยาเหยาจะมีความสุข” เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกว่าตัวเองได้ผ่านความลำบากไปแล้ว ต่อไปพี่ชายของนางจะทำให้นางมีความสุขได้แน่ นางคิดเช่นนั้น
“พี่แกะกุ้งให้” ผิงหยางรอให้กุ้งเย็นเล็กน้อยแล้วก็ใช้มีดพกผ่าหลังกุ้ง ดึงเอาเนื้อกับมันกุ้งเยิ้ม ๆ ออกมาราดไปที่ข้าวในใบบัวของน้องสาวก่อน แล้วผ่าไข่เค็มเป็นสองซีกมีไข่แดงสีส้มราวกับพระอาทิตย์ยามเช้า ช่างน่ากินนัก
เขาใช้มือที่ล้างจนสะอาดแล้วคลุกเคล้าข้าวกับมันกุ้งและไข่เค็มเข้าด้วยกัน ความเค็มในไข่เค็มจะทำให้มันกุ้งกับข้าวรสชาติกลมกล่อมมากขึ้นแล้วก็ฉีกเนื้อกุ้งให้เป็นชิ้นพอคำเพื่อน้องสาวจะได้กินอย่างสะดวก
“กินได้แล้วเหยาเหยา ระวังข้าวยังร้อนอยู่บ้างใช้มือทำแบบนี้นะ ตอนนี้เราไม่มีถ้วยกับตะเกียบใช้มือกินไปก่อน” เด็กน้อยชายทำให้น้องสาวดูถึงวิธีกินข้าวสมัยโบราณในโลกของตนเอง แล้วน้องสาวก็ทำตามอย่างดี เมื่อข้าวคำแรกเข้าปากเท่านั้น ความรู้สึกว่าอร่อยจนน้ำตาไหลบังเกิดขึ้นกับผิงเหยาแล้ว
“พี่ใหญ่...ฮึก...มัน...อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ” ผิงเหยาเคี้ยวข้าวพร้อมกับสะอื้นให้กับความอร่อยของข้าวคำแรกหลังจากออกจากตระกูลผิง
“ร้องไห้ตอนกินข้าวมันไม่ดี อร่อยก็กินให้เยอะ ต่อไปน้องต้องกินของอร่อยยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่านัก” เขารู้สึกภูมิใจนักที่ทำให้น้องสาวได้กินของอร่อยจนได้ ชีวิตต่อจากนี้อะไรที่ไม่อร่อยเขาสาบานว่าจะไม่ให้ผ่านปากน้องสาวแสนรักของเขาเลยทีเดียว
“เจ้าค่ะพี่ใหญ่ ผิงเหยาจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อเชื่อพี่ใหญ่ทุกอย่าง” เด็กหญิงตัวน้อยให้สัญญากับพี่ชายแล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
ผิงหยางเองก็ทานเช่นเดียวกัน จนเมื่อทานอิ่มแล้วเขาก็พาน้องไปล้างไม้ล้างมือ ทั้งห่อเอากุ้งที่เหลืออีกสองตัว กับไข่เค็มที่เขายังไม่ได้กินใส่ใบบัวแยกกับข้าวแล้วเอาหม้อสนามไปล้างให้สะอาดเก็บทุกอย่างเข้ากระเป๋าเป้ แล้วเตรียมตัวเดินทางต่อไป
“จงเช่อรอสักครู่ค่อยเดินทางต่อ พวกเจ้าก็ดื่มน้ำให้พอเล็มหญ้าให้อยู่ท้อง คงเดินทางกันอีกครึ่งวันจึงจะได้พักอีก” เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าการเดินทางจะราบรื่นหรือไม่ แต่ว่าต่อจากนี้ไปจะเข้าป่าดังนั้นย่อมมีอันตราย
“วางใจได้นายน้อย จงเช่อวิ่งไม่นานก็พ้นป่า แต่จะแวะให้นายน้อยหาผลไม้ไว้ทานระหว่างทางด้วย” จงเช่อ ผู้กตัญญูต่อนายน้อยที่บิดาเคยช่วยไว้ บอกความลับเรื่องผลไม้เพราะป่านี้เต็มไปด้วยความสมบูรณ์มีอาหารมาก นั่นจึงเหมาะแก่ผลไม้หลายชนิดเติบโต
“เช่นนั้นก็ฝากชีวิตข้าไว้กับเจ้าแล้ว” เขาลูบคอม้าเบา ๆ อย่างรักใคร่ม้าตัวนี้นัก