วันต่อมา
04.36 น.
พรึบ
เสียงเตียงขยับเบาๆเมื่อคนที่เพิ่งหลับไปข้างๆฉันพลิกตัวนอนคว่ำไปกับเตียงพร้อมกับแขนของเขาที่พาดมาที่เอวของฉันไม่ยอมเอาไปพาดไว้ที่ไหน แต่มันก็ดีกว่าเขาจะนอนกอดฉันทั้งคืน ฉันเหลือบมองพีเคที่หายใจสม่ำเสมอนานนับนาทีจนแน่ใจว่าเขาจะไม่ตื่นมาอีก ก่อนจะค่อยๆจับแขนเขาออกไปวางไว้ที่เตียงแทนที่จะเป็นเอวของฉัน
ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นนั่งที่เตียงขณะที่มือตัวเองก็ยกกุมหน้าท้องตัวเองไว้ เพราะความรู้สึกเจ็บที่แล่นเข้ามา ฉันกัดฟันแน่นและค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆพร้อมกับพยายามควบคุมขาตัวเองที่กำลังสั่นอย่างสุดความสามารถ ฉันรีบเดินเข้าไปภายในห้องน้ำภายในห้องของเขาให้เร็วที่สุดเพราะตอนนี้ตัวเองไม่ได้สวมอะไรแม้แต่อย่างเดียว
แกร๊ง
"ผ้าขนหนูอยู่ไหนกัน?"
ฉันเอ่ยเบาๆพร้อมกับสายตาตัวเองที่กวาดมองไปทั่วห้องน้ำที่ใหญ่กว่าห้องพักฉันเป็นเท่าตัวอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะเจอมันอยู่ในตู้ฉันจึงก้าวเดินไปหยิบมันมาพันรอบตัวเองอย่างยากลำบาก เพราะแต่ล่ะย่างก้าวมันจุกเสียดจนน้ำตาเล็ด
"ให้ตายเถอะ"
ริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อเหลือบเห็นตัวเองที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจก ฉันค่อยๆเอียงคอมองรอยช้ำเป็นจ้ำๆทั่วลำคอตัวเองก่อนที่จะใช้นิ้วตัวเองแตะลงที่แผลรอยฟันพีเคด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด...แผลนี้ทั้งเจ็บและแสบไม่ต่างจากหัวใจฉันในตอนนี้เลย
"อึ่ก...!"
ฉันต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองออกทันทีเมื่อคิดได้อย่างนั้นก่อนจะเปิดประตูออกมาอีกครั้งและเดินไปที่ประตูทางออกก่อนจะหันมองพีเคที่ยังคงนอนอยู่ท่าเดิมด้วยสายตานิ่งเรียบ...เรื่องบ้าๆนี่ไม่ควรจะเกิดขึ้นจริงๆ
ริมฝีปากฉันเม้มแน่นก่อนจะรีบเปิดประตูออกมานอกห้องและไปเก็บเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมาใส่อย่างเร่งรีบเพราะกลัวคนในห้องตื่น ฉันมองเสื้อตัวเองที่ขาดไม่เหลือชิ้นดีอย่างหนักใจก่อนที่สายตาตัวเองจะเหลือบไปเห็นเสื้อแจ็กเก็ตของพีเคที่ขวานอยู่...เขาคงมีแบบนี้อยู่หลายตัวถ้าฉันใส่ออกไปสักตัวคงไม่เป็นไร
"ฉันไม่ได้จะขโมยนะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ"
ฟึ้บ!
ฉันหยิบแจ็กเกตสีขาวมาใส่ทันทีพร้อมกับเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อยพร้อมกับรีบออกจากห้องของพีเคให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้...จนฉันไม่ได้ตรวจดูดีๆว่าฉันอาจจะทำอะไรหล่นไว้ไหม
(PK)
10.36 น.
ติ๊ดๆๆ
"...."
ติ๊ดๆๆๆ
"s**t!!"
พรึบ!!
"อะไร!!?"
(เพิ่งตื่นรึไงไอ้เหี้ย!)
"เออ!"
(มึงควรจะโทรมาขอบคุณกูนะที่ช่วยจัดการเรื่องเมื่อคืน กูรึก็อุตส่าห์เป็นห่วง)
"กูจะนอนไอ้ติน!"
(สัส มึงมีงานไม่ใช่ไง!?)
"มึงเป็นผู้จัดการกู?"
เสียงติดจะรำคาญของผมถามขึ้นพร้อมกับตาตัวเองที่ค่อยๆลืมขึ้นมองเพดานห้องตัวเองอย่างหงุดหงิด ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูมาดูเวลาก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าเกือบจะห้าโมงเช้าแล้ว
(ก็พี่คิมบอกกู กูเข้าบริษัทล่ะเจอพี่แกเลยเล่าวีรกรรมเมื่อคืนให้ของมึงให้พี่แกฟัง)
"กูทำเหี้ยไร?"
(เดียวพี่คิมคงไปเล่าให้มึงฟังแหละไอ้สองหน้า)
"..."
(ส่วนกูแค่จะโทรมาถามว่ามึงตายรึยังแค่นั้น)
"ฟัค!"
(เออ แล้วน้องคนเมื่อคืนนี้ล่ะ)
ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆเมื่อไอ้ตินมันถามมาแบบนั้น ใคร...น้องไหนอีกล่ะ?
(แสดงว่ามึงเมาจนไม่รู้ว่าใครไปส่ง?)
"มึงไม่ได้มาส่งกู?"
(ก็กูต้องอยู่จัดการเรื่องมึงไง เออๆชั่งแม่งเถอะแค่นี้ๆ)
ผมโยนโทรศัพท์ออกห่างตัวก่อนที่ไอ้ตินมันจะตัดสายซะอีกพร้อมกับมือตัวเองที่ยกขึ้นกุมขมับไว้เพราะอาการตึงๆของตัวเองที่เกิดขึ้น เออเมาค้างนั่นแหละปวดหัวแม่งชิบหาย
"ทำไม..."
ฟึ้บ...
มือของผมเอื้อมไปสะบัดผ้าห่มออกจากตัวทันทีพร้อมกับคิ้วตัวเองที่ขมวดเข้าหากันเพราะตอนนี้ผมไม่ได้สวมอะไรสักอย่าง...กูไม่ได้ใส่อะไรนอนเหรอว่ะ? ปกติผมไม่ใช่คนขี้ร้อนนะผมกัดริมฝีปากตัวเองทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นคราบเลือดที่ติดอยู่ที่ผ้าปูเตียง
"ชิป!"
พรึบ!
ผมลุกขึ้นไปหยิบชุดคลุมตัวเองมาใส่ไว้ทันทีพร้อมกับสายตาตัวเองที่ตวัดมองรอบห้องอย่างไม่วางใจ เมื่อคืนนี้กูไปเอาใครมาด้วยแน่แต่ตอนนี้ผมจำไม่ได้และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครอยู่กับผมตอนนี้ไหม ผมเดินไปที่ห้องน้ำและกระชากมันเปิดออกทันทีแต่ก็ไม่เจอใครนั้นทำให้ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนที่จะหันมองไปที่เตียงอีกครั้ง
"แม่งเอ้ย...ไม่ได้ใส่ถุงยาง!!"
ฟึ้บๆ
มือของผมยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียเพราะเมื่อคืนดันเมาจนไม่รู้ไปเอากับใครแถมยังไม่ได้ป้องกันอีก แล้วถ้ากูติดโรคล่ะ?
"Damn!!"
ติ่งต่องๆ
ผมถอนหายใจออกมาช้าๆพร้อมกับขาตัวเองที่ก้าวเดินออกไปนอกห้องนอน และเดินไปเปิดประตูให้คนที่มาใหม่ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร ผู้จัดการคิมรีบเข้ามาในห้องและปิดประตูทันที
"เมื่อคืนคุณพีเค..."
"เมื่อคืนนี้ผมนอนกับใครก็ไม่รู้แล้วไม่ได้ใส่ถุงยาง"
"ห๊ะ คะคุณพีเคว่ายังไงนะครับ!?"
"ไม่ว่าเรื่องที่พี่จะพูดมันจะใหญ่ขนาดไหนแต่เรื่องของผมตอนนี้ใหญ่กว่า"
"คะคุณพีเค ให้ตาย..."
พี่คิมผู้จัดการผมเดินวนไปมาทันทีที่ผมว่าไปแบบนั้นซึ่งดูก็รู้ว่าตอนนี้เรื่องของผมใหญ่กว่าจริงๆ ผมมองไปรอบๆห้องก่อนที่สายตาตัวเองจะเหลือบไปเห็นเข็มขัดตัวเองที่ตกอยู่กลางห้อง
"ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยอมผมด้วย"
"...คุณพีเค"
เสียงพี่คิมเอ่ยขึ้นอย่างหนักใจทันทีที่หันมาเห็นผมที่กำลังถือเข็มขัดตัวเองอยู่ ถ้าถามว่าทำไมผมรู้...ตอบไม่ยากเลยถ้าเห็นเข็มขัดที่ขดเป็นวงอยู่แบบนี้ ผมเดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับหลับตาแน่น เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะปกติผมจะไม่เอาใครถ้าไม่ใส่ถุง แต่นี่ผมกลับไปเอาใครไม่รู้มานอนด้วยแถมยังบังคับเธอด้วยซ้ำ
"แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับคุณพีเคถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าว..."
"ถ้าเธอจะบอกเธอบอกไปแล้วไม่ปล่อยจนเลยมานานขนาดนี้หรอก"
ผมกับพี่คิมเงียบกันไปนานนับนาทีเพราะต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องผิดพลาดที่ผมไม่อยากให้มันเกิด...เมื่อคืนผมดื่มไปมากมากจนคิดว่าตัวเองหลับแล้วฝันผมฝันว่าผมกับเคส..ให้ตายถึงว่าทำไมมันเหมือนจริงนัก!
"พี่คิม"
"ครับ?"
"ไปขอดูกล้องวงจรแล้วเอาภาพมาให้ผม"
"...ได้ครับ คุณพีเคเตรียมตัวเลยนะครับวันนี้มีงานตอนบ่ายและสัมภาษณ์เรื่องข่าวต่อตอนเย็น"
"อืม"
พี่คิมเดินออกไปจากห้องทันทีพร้อมกับผมที่ลุกขึ้นเตรียมเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อแต่งตัว แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ตรงพื้นที่ห่างจากที่เข็มขัดผมตกไม่ไกล
"อะไร...?"
ผมเดินเข้าไปหามันทันทีก่อนจะก้มหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาและพบว่ามันคือสร้อย สร้อยเงินที่มีจี้เป็นรูปดาวไม่ใหญ่มากแต่มันกลับสวยมากจนทำให้ผมไม่อาจละสายตาจากมันไม่ได้...แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ของผม ผมเอียงใบหน้าจ้องมองมันนานนับนาทีก่อนที่ริมฝีปากตัวเองจะเหยียดยิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
"แกต้องมีเจ้าของ"
และเจ้าของต้องอยากได้คืนแน่ๆ ผมเปลี่ยนจากหยิบเป็นกำมันไว้แน่นและเดินเข้ามาในห้องตัวเองอีกครั้งก่อนจะมองไปที่เตียงขนาดคิงไซส์ของตัวเอง เมื่อคืนนี้ถึงผมจะเมาขนาดไหนแต่ผมรู้รู้ว่าผมเป็นคนแรกของเธอคนนั้น...ถึงผมจะคิดว่าเธอเป็นเคสตลอดเวลา แต่ผมก็จำได้ทุกสัมผัสและกลิ่นกายของเธอผมจำความหอมหวานนั้นได้ดีเลยล่ะ
"น่าสนใจจริงๆ"
ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มออกมาช้าๆพร้อมกับความรู้สึกตัวเองที่รู้สึกเหมือนกำลังจะมีเรื่องสนุกๆให้ได้เล่นอีก เธอดูน่าสนใจนะขนาดถูกผมเอาขนาดนี้แต่กลับไม่ร้องขออะไรแถมยังหนีไปอีก...หรือเธอเป็นซินเดอเรลล่ากันนะถึงได้หนีไปแล้วทิ้งสิ่งของไว้ให้ผมตามหาแบบนี้?
15.36 น.
แซะๆ
"ดีครับ พีเคช่วยหันซ้ายอีกนิดดีครับดี"
แซะๆๆ
แสงแฟลชถูกสาดใส่ทั้งผมและนางแบบคนข้างๆมานานหลายชั่วโมงแต่เราก็ไม่ได้หยุดยิ้มหรือแสดงออกว่าเหนื่อยเลยแม้แต่นิด ผมยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่นขณะที่นางแบบคนข้างๆก็ซบลงมาที่ไหล่ของผมตามที่ช่างภาพขอ เราเปลี่ยนท่าช้าๆพร้อมกับชัตเตอร์ที่ถูกกดรัวจนฟังไม่ทัน
"โอเค...ขอบคุณที่ทำงานหนักนะครับทุกคน"
"...ขอบคุณครับ"
ผมรับแก้วน้ำที่พนักงานเสิร์ฟน้ำเอามาให้พร้อมยิ้มให้เธอทันทีก่อนจะก้มหัวให้ช่างภาพที่ยกนิ้วโป้งให้นิดๆ และหันไปยิ้มขอบคุณพนักงานทุกคนที่ทำงานหนักในวันนี้ก่อนจะรีบเดินเข้าไปที่ห้องแต่งตัวตัวเองพร้อมกับพี่คิงที่เดินนำไปทันที
แกร๊ง
"ชุดคุณพีเคอยู่ในห้องเปลี่ยนนะคะพี่เตรียมไว้ให้แล้ว"
"ครับ ขอบคุณนะ"
"ค่าา ขอตัวนะคะคุณพีเค"
"ครับ"
ผมก้มให้เธอนิดๆ และยิ้มให้อย่างเป็นกันเองจนเธอเดินออกไปจากห้องพร้อมรอยยิ้มของผมที่หายไปทันที ผมยกมือขึ้นเสยผมอย่างเพลียๆ ขณะที่พี่คิมก็เดินเอาชุดอื่นๆ ไปไว้ในห้องเปลี่ยนชุดผมจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ขณะที่มือก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้กระหาย
"คุณพีเคครับ"
"ว่า?"
"เรื่องกล้องวงจรปิดน่ะครับ"
"อืม ว่าไง?"
พี่คิงยื่นโทรศัพท์มาให้ดูพร้อมกับวิดิโอที่กำลังฉาย ผมจึงรับมาดูใกล้ๆ...มันเป็นภาพตอนตีสี่กว่าๆที่ห้องผมมีผู้หญิงเดินออกมา ผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวในกางเกงขายาวสีดำคุ้นตากับเสื้อเจ็คเกตสีขาวของผมมันทำให้ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะเมื่อดูดีๆแล้วในมือเธอกำลังถือเสื้อสีขาวที่ดูขาดจนไม่น่าจะใส่ได้อีกติดมือออกไปด้วย และเธอกำลังเดินเข้ามาใกล้กล้องมากขึ้นจนผมเห็นหน้าของเธอได้ถนัดตา
"...ชิป!"
ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะเธอที่ดูเหมือนจะเหลือบขึ้นมาเห็นกล้องวงจรปิดเลยยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง และเดินเข้ามุมอับของกล้องทันทีทำให้ผมไม่ได้เห็นหน้าของเธอชัดนัก
"พี่พยายามดูกล้องข้างล่างแล้วแต่มันก็ไม่เห็นอะไร"
"รปภ.ล่ะ?"
"ไม่เห็นเธอเลยครับ"
"ตายเถอะ...นี่จะไม่มีใครสังเกตเห็นบ้างรึไงห๊ะ!?"
คนทั้งคนขนาดรปภ.แม่งก็ยังไม่เห็นนี่มันแปลว่าความปลอดภัยของผมที่จะอยู่คอนโดนี้มันไม่มีเลยสินะ ผมยื่นโทรศัพท์กลับไปให้พี่คิงก่อนจะมองเขาผ่านกระจก
"ไปสืบมา จะจ้างใครไปหาก็ได้ผมต้องได้ตัวเธอ"
"แต่...คือผมมีเรื่องจะบอกคุณพีเคน่ะครับ"
ผมหันมองพี่คิงทันทีที่เขาว่าขึ้นแบบนั้นด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเหมือนพยายามรวบรวมความกล้าก่อนจะมองหน้าผมนิ่ง
"ผมได้ทุนไปดูงานที่ฝรั่งเศสหกเดือนน่ะ"
ผมหรี่ตามองพี่คิงทันทีพร้อมกับเขาที่มองมาที่ผมอย่างลนๆ
"โอกาสไม่ได้มาหาผมง่ายๆผมเลยอยาก..."
"ไปสิ"
"ครับ!?"
"พี่จะไปไหนก็ไปได้เลย" พี่คิงยิ้มออกมาทันทีที่ผมตอบกลับแบบนั้น "แต่พี่ต้องหาคนที่จะมาทำงานแทนพี่ให้ได้ก่อน"
"ทางบริษัท..."
"พี่คิดว่าคนที่บริษัทส่งมาจะทนผมได้กี่วัน?"
"..."
"พี่ก็รู้นิสัยผม ที่พี่อยู่กับผมได้มันเพราะผมไว้ใจที่ให้พี่รู้นิสัยของผม"
ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สายตาก็มองพี่คิงไม่ละสายตาไปไหน
"ผมไม่ไว้ใจใคร และคนที่จะมาดูแลผมแทนพี่ต้องรู้นิสัยจริงๆของผม"
"แสดงว่าผมต้องหาคนมาดูแล..."
"ใช่ครับ ผมจะเอาแต่คนที่พี่หามาให้เพราะนั้นแปลว่าพี่ไว้ใจเขาซึ่งถ้าเขาหักหลังผม...คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือพี่"
ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับมือตัวเองที่เอื้อมไปตบที่ไหล่พี่คิมเบาๆเหมือนกำลังให้กำลังใจ มันก็ใช่ไงผมไว้ใจเขาแต่ผมไม่ไว้ใจบริษัทและในเมื่อเขาจะไปเขาก็ต้องหาคนมาดูแลผมต่อจากเขาซึ่งคนๆนั้นต้องทำหน้าที่ได้เทียบเท่าเขาหรืออาจจะมากกว่าด้วยก็จะดีมาก
"มีสัมภาษณ์ต่อใช่ไหม?"
"ครับ"
พี่คิมขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีที่เห็นว่าผมเอื้อมมือไปหยิบสร้อยเส้นเล็กในกระเป๋าออกมาใส่พร้อมกับมือของผมที่ปลดกระดุมลงอย่างจงใจเพื่อที่จะได้เห็นจี้ได้ชัดๆ
"คุณพีเคซื้อสร้อยใหม่หรอครับ?"
"มีคนทำหายน่ะ"
"แล้วคุณเอามาใส่..."
"ผมแค่จะหาเจ้าของ ถ้าเป็นของที่มีเจ้าของเดี๋ยวเขาก็กลับมาเอาเองแหละ"
ใช่...ผมนี่โง่จริงๆจะไปจ้างคนไปหาทำไมในเมื่อตัวเองมีของดีอยู่กับตัวแบบนี้ สายตาผมจ้องมองจี้สร้อยที่ตัวเองกำลังใส่ผ่านกระจกบานใหญ่ภายในห้องอย่างชอบใจพร้อมกับความรู้สึกของตัวเองที่กำลังเหมือนโดนเจ้าของสร้อยท้าทายอยู่
ผมโคตรอยากจะรู้ว่าเธอเป็นใครมาทำผมเจ็บซ้ำแล้วหนีไปแบบนี้แย่ที่สุด