ทั้งสองยังเดินมาไม่ถึงเรือนตระกูลหลี่ดี ก็ได้ยินเสียงโวยวาย ด่าทอของคนจำนวนมากที่อยู่ภายในเรือนกันแล้ว
“อากวน เจ้าเป็นบิดาของนางจริงหรือไม่ เหตุใดถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนี้” จูซื่อตำหนิเขาออกมาอย่างไม่พอใจ
หลิงเฟิ่งและชุยหยุนยืนรอฟังเรื่องราวอยู่ด้านนอกมิได้เดินเข้าไปด้านใน
“ข้าเคยพูดเสียที่ไหนว่านางมิใช่บุตรสาว ในเมื่อขายให้เจ้าไปแล้ว เจ้าจะฆ่าแกงนางเช่นใดก็เชิญ นางเสียสติเช่นนั้นยังจะเอาใบรับรองตัวตนไปทำอันใด” หลี่กวนเอ่ยออกมาอย่างไม่สนใจ
เขานำเงินสองตำลึงที่ได้มาจากการขายหลิงเฟิ่งไปเป็นเจ้าสาวตระกูลซ่ง นำไปซื้อเนื้อ สุรา มากินกับบุตรชายทั้งสอง ทั้งสามกำลังสนุกกันเต็มที่ จูซื่อที่พาหัวหน้าหมู่บ้านมาทำเรื่องตัดขาดหลิงเฟิ่งกับตระกูลหลี่ ทั้งยังขอใบรับรองตัวตน เขาขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นไปหามาให้เท่านั้น
“อากวน เจ้าควรจะมอบให้ตระกูลซ่งตั้งแต่วันที่ส่งตัวเจ้าสาว วันนี้เจ้าเพียงแค่ไปหยิบมาเท่านั้น เหตุใดต้องทำให้ยุ่งยากด้วยเล่า” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
“นางจะตายอยู่แล้ว จะเอาไปทำอันใด บุตรชายของเจ้าอีกไม่นานก็ต้องตาย เมื่อได้ตัวอัปมงคลไปอยู่ในเรือน” อาจจะเป็นด้วยฤทธิ์ของสุรา ที่ทำให้คนเป็นบิดาเอ่ยออกมาเช่นนี้ได้
“ท่านพ่อ ท่านเก็บไว้ที่ใด ข้าไปหยิบให้เอง ท่านรีบประทับนิ้วมือยินยอมตัดขาดนางไปเสีย จะได้หาความสำราญต่อ” หลี่เฉียงเอ่ยออกมาอย่างเสียอารมณ์ เขาเพิ่งจะดื่มไปได้เพียงไหเดียว ชาวบ้านก็พากันมาที่เรือนแล้ว
“หากเจ้าขยันก็ไปหยิบ ใบรับรองตัวตนของเฟิ่งเออร์ ข้าใช้รองขาเตียงอยู่ในห้องนอน” ชาวบ้านที่ได้ยินต่างพากันส่ายหัว
อาจจะเป็นด้วยหลิงเฟิ่งนางเสียสติ หากปล่อยให้ออกมานอกเรือน นางก็จะวิ่งไปทั่วหมู่บ้าน คนตระกูลหลี่จึงได้ขังนางเอาไว้แต่ภายในเรือน ชาวบ้านจึงไม่รู้ว่านางถูกบิดาและพี่ชายมองเป็นเพียงคนไร้ค่าเท่านั้น
อาหาร เสื้อผ้าที่ชาวบ้านแบ่งให้คนตระกูลหลี่ ก็ด้วยเห็นใจที่เขามีบุตรสาวเสียสติ อีกทั้งยังสงสารหลิงเฟิ่งที่เกิดมามีใบหน้างดงาม แต่ก็กลายเป็นเพียงหญิงบ้า หาประโยชน์อะไรจากนางไม่ได้
หลี่เฉียงรีบเข้าไปหยิบใบรับรองตัวตนของหลิงเฟิ่ง ส่วนหลี่กวนก็ประทับลายนิ้วมือลงในหนังสือตัดขาด เขาไม่แม้แต่จะถามว่าด้านในเขียนสิ่งใดเอาไว้บ้าง
หลิงเฟิ่งที่หวนคิดถึงเรื่องในอดีต ที่นางเคยเอ่ยถามถึงหนังสือรับรองตัวตน แต่หลี่กวนกับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้นางดู ที่แท้เขาก็ทิ้งใบรับรองตัวตนของนางไว้ที่เรือนในหมู่บ้านหู่เซิง มิได้นำติดไปในเมืองด้วย
ยิ่งฟังคำพูดของสามพ่อลูกที่เห็นแก่ตัว ความแค้นใจก็ระอุขึ้นมาอีกครั้ง หลิงเฟิ่งนางไม่รู้ตัวเลยว่ายามนี้นางใช้เล็บจิกเข้าไปที่มือของชุยหยุนอยู่
“เป็นอันใดหรือไม่” แม้จะรู้สึกเจ็บมือ แต่ก็ยังอดที่จะเห็นใจนางไม่ได้ เขาจึงไม่ได้บอกนางว่ากำลังทำให้เขาเจ็บอยู่
หลิงเฟิ่งปล่อยมือออกจากมือของชุยหยุน นางเห็นไม้ท่อนเดิมที่นางทุบตีพวกเขาเมื่อวานอยู่ตรงประตูเรือน นางจึงได้พุ่งตัวเข้าไปคว้าไม้มาถือไว้ แล้ววิ่งเข้าไปทุบตีหลี่กวนที่เพิ่งประทับลายนิ้วมือเสร็จ ก่อนจะทุบไปที่หัวของหลี่ซวงจนแตกเลือดอาบเต็มใบหน้า
“นังบ้า ฆ่าคนแล้ว” หลี่ซวงร้องออกมาอย่างเสียขวัญ ยิ่งเห็นเลือดไหลออกมามากมาย เขาก็แทบจะเป็นลมหมดสติ
พอสายตาของหลิงเฟิ่งเหลือบไปเห็นหลี่เฉียงถือใบรับรองยับยู่ยี่เดินออกมา นางก็เปลี่ยนเป้าหมายหันไปทุบตีเขาด้วยเช่นกัน ก่อนจะแย่งใบรับรองมาถือไว้ในมืออีกข้างอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ยยย เจ้ากลับมาทำไมอีก นังบ้า!!!” หลี่เฉียงร้องตะโกนไปด้วย แล้วปัดป้องไปด้วย
ครั้งนี้หลิงเฟิ่งนางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จึงไม่ได้ระวังตัวมากนัก หลี่เฉียงสบโอกาสผลักตัวนางจนล้มไปกองกับพื้น เสียงร่างของนางกระแทกจนชาวบ้านที่อยู่ในเรือนได้สติ แล้วรีบเข้ามาช่วยห้ามทันที
“ขวางข้าทำไม ไม่เห็นรึว่านางตีพวกข้าจนเกือบตาย ข้าจะตีนางให้ตายเช่นกัน” หลี่เฉียงถือไม้เอาไว้ในมือ หมายจะเข้ามาทุบตีหลิงเฟิ่งให้สมกับที่นางตีเขา
“หากเจ้าตีภรรยาข้า ข้าจะแจ้งทางการ ที่ผ่านมาคนตระกูลหลี่ชั่วช้าหมายจะปล่อยให้นางอดตายอยู่ภายในเรือน แต่พอเห็นว่านางไม่ตาย จึงได้รับข้อเสนอให้นางแต่งเข้าเรือนตระกูลซ่ง คงคิดว่าหากข้าตาย นางก็คงต้องลงหลุมไปพร้อมกับข้า สิ่งที่พวกเจ้าทำ ยังเรียกว่ามนุษย์ได้หรือไม่ แค่ก แค่ก” เสียงเย็นของชุยหยุนกล่าวจบก็ไอออกมาเสียตัวโยน เมื่อเห็นสายตาของหลิงเฟิ่งที่มองเตือนเขา ว่าท่านยังป่วยใกล้ตายอยู่
“อาหยุน เจ้าออกมาเพื่ออันใด แล้วนี่ยังจะพาเฟิ่งเออร์นางมาด้วย” จูซื่อเมื่อสำรวจหลิงเฟิ่งว่านางไม่ได้บาดเจ็บมากแล้ว จึงเดินเข้าไปประคองร่างของบุตรชายเอาไว้
“เหอะ ไม่ต้องเอาทางการมาอ้างกับข้า เจ้าเรียกนังบ้าว่าภรรยาได้เต็มปาก คงมิใช่ว่า...เข้าหอกับนางแล้วหรอกนะ” หลี่เฉียงมองเยาะเย้ยชุยหยุน
“ต่อให้นางจะเสียสติ ในเมื่อมารดาข้าซื้อนางเพื่อแต่งให้ข้าแล้ว ข้าก็ไม่คิดจะถอดทิ้งนาง เจ้าจะพูดไร้ยางอายเช่นใดก็ได้ ข้าไม่สนใจ แต่หากนับจากนี้ พวกเจ้ายังกล้ารังแกนาง ก็คอยดูว่าข้าจะกล้าแจ้งทางการจับพวกเจ้าไปลงโทษหรือไม่ แค่ก แค่ก”
“เพ้ย!!! หมดเรื่องกันแล้วใช่หรือไม่ หากหมดเรื่องแล้วก็ไสหัวกันไปให้หมด แล้วเอานังบ้านี่ไปด้วย ต่อไปอย่าได้มาเหยียบที่เรือนข้าอีก ไม่ว่านางจะสร้างเรื่องอันใด หรือทำร้ายผู้ใด ต่อไปนังบ้ากับตระกูลหลี่ไม่นับญาติกันแล้ว” หลี่เฉียงขว้างไม้ลงบนพื้นอย่างแรง
หลิงเฟิ่งหลุบตาลงต่ำ นางมิต้องการให้พวกเขาเห็นแววตาอาฆาตของนาง
“ลุกไหวหรือไม่” ชุยหยุนเดินเข้ามาจับข้อมือของนางไว้
“...” หลิงเฟิ่งมิได้ตอบ แต่นางจุกไม่น้อยเลย ที่โดนหลี่เฉียงผลักเมื่อครู่
“ไป ข้าจะพาเจ้าไปส่ง” ป้าเหลียนจัดเสื้อผ้าให้หลิงเฟิ่ง ชุยหยุนจึงได้นึกออก สาเหตุที่พวกตนมาที่เรือนตระกูลหลี่ เพื่อมาเอาเสื้อผ้าของหลิงเฟิ่ง
“ป้าเหลียน เฟิ่งเออร์ นางไม่มีเสื้อผ้าไปที่เรือนข้าเลยขอรับ ข้าจึงได้พานางกลับมาเอาเสื้อผ้า ไม่คิดว่าจะพานางมาเจ็บตัวเช่นนี้”
“ไม่ให้!!! ในเมื่อนางตัดขาดกับตระกูลหลี่แล้ว ข้าวของในเรือน ข้าไม่ให้นางทั้งนั้น” หลี่กวนตะโกนกร้าวออกมา เขาไม่ได้เดินเข้ามาจัดการหลิงเฟิ่งกับหลี่เฉียง เพราะต้องดูอาการของหลี่ซวง
“เหอะ ไม่ให้ก็ไม่เอา เสื้อผ้าข้ามีเยอะแยะ ไป เฟิ่งเออร์ แม่จะทำชุดใหม่ให้เจ้าเอง” จูซื่อเดินเข้ามาช่วยประคองหลิงเฟิ่งอีกคน
หลิงเฟิ่งเองก็ตกใจจนนิ่งค้าง เมื่อจูซื่อเรียกแทนตนเองว่า แม่ กับนาง ภายในหัวของหลิงเฟิ่งสับสนไม่น้อย หากสวรรค์ไม่กลั่นแกล้งนางจนเกินไป ครอบครัวใหม่ของนางในครั้งนี้ คงจะไม่ทำให้ชีวิตของนางเลวร้ายเช่นครั้งที่แล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านส่งหนังสือตัดขาดของหลิงเฟิ่งให้ชุยหยุนเก็บเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยพูดให้เขารักษาตัวเองให้ดี เพื่อต่อไปจะได้หายแล้วช่วยมารดาดูแลหลิงเฟิ่ง แล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับเรือน
ป้าเหลียนช่วยประคองหลิงเฟิ่งที่ข้อเท้าพลิกกลับมาส่งถึงที่เรือนตระกูลซ่ง นางเอ่ยพูดกับจูซื่อถึงความใจดำของคนตระกูลหลี่ต่ออีกหลายประโยคก่อนที่จะขอตัวกลับเรือนไป
“แม่จะไปทำชุดให้เฟิ่งเออร์ เจ้าพานางไปพักเถิด นี่...เปลี่ยนเองได้หรือไม่” จูซื่อยื่นชุดของนางให้หลิงเฟิ่งเอาไปใส่ชั่วคราวก่อน
“...” หลิงเฟิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรับมาถือไว้ในมือ นางกระโดดเป็นกระต่ายขาเดียวเพื่อจะออกไปล้างตัวด้านหลังเรือน