ณ มหาวิทยาลัย
เดย์ในชุดนักศึกษานั่งก้มหน้าทำข้อสอบด้วยความตั้งใจ สมาธิจดจ่ออยู่กับกระดาษข้อสอบตรงหน้าตัวเอง เพื่อนๆ ในห้องต่างไม่มีใครสนใจกันทุกคนก้มหน้าก้มตาฝนคำตอบลงบนกระดาษ
กระทั่งเวลาผ่านไปครบสามชั่วโมง เสียงเจ้าหน้าที่สั่งให้วางปากกาก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงถอนลมหายใจของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนทอง
“ข้อสอบรอบนี้ยากฉิบหาย” ซันเพื่อนของเดย์เอ่ยอย่างตัดพ้อ ตอนสอบเข้าคณะสัตวแพทย์ว่ายากแล้วพอได้เข้ามาเรียนยิ่งยากกว่าหลายเท่า “เฮ้อ...หรือว่ากูควรซิ่วดีวะ”
“ปีสามแล้วซัน ซิ่วตอนนี้ไม่สายไปหน่อยเหรอหื้ม”
“โห่มึงก็พูดได้นี่หว่า มึงแม่งแดกหัวปลาเป็นอาหารหรือไงฉลาดฉิบหาย”
“ทำไมต้องหัวปลาวะ กูอาจจะแดกหญ้าแล้วฉลาดก็ได้”
“เหอะๆ เออมึงแดกอะไรก็ฉลาดหมดนั่นแหละ”
ซันว่าพลางเก็บอุปกรณ์การเรียนกลับเข้ากระเป๋าก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น ระหว่างนั้นก็เดินลงจากอาคารไปพร้อมกับเดย์แต่ขณะเดินซันกลับหัวเราะคิกคักจนเดย์หันมองอยู่หลายครั้ง
“หัวเราะอะไรวะ”
“มึงดูนี่ดิ น้องคนนี้โคตรน่ารักเลย”
จบประโยคเขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้เดย์ดู ซึ่งบนหน้าจอปรากฏเป็นภาพของขนมผิงขณะกำลังเคี้ยวอาหารจนแก้มตุ่ยเปรียบเทียบกับกระต่ายน้อยที่กำลังเคี้ยวหญ้า
“ไปเอามาจากไหน” เสียงเข้มขึ้นจนซันขมวดคิ้ว
“ในเฟซไงแชร์กันตรึม แล้วมึงเป็นอะไรเนี่ย”
“เปล่า”
“จะว่าไปน้องๆ แก๊งนี้หน้าคุ้นจังวะ แล้วแม่งมีแต่คนสวยนี่ถ้าร้านไม่ถ่ายเอารูปออกมาแชร์กูไม่รู้เลยนะว่ามหาลัยเรามีสาวๆ แก๊งนี้อยู่ โดยเฉพาะน้องคนที่กำลังเคี้ยวอาหารน่ารักฉิบหาย”
“มึงหยุดดูเลยนะ”
“อะไร ทำไมกูต้องหยุดดู”
คิ้วหนาเริ่มกระตุกเกร็งและเมื่อลองเปิดรูปขนมผิงที่หลายคนแชร์กันก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ เพราะมีแต่คอมเมนต์เข้ามาจีบเธอบางคนถึงขั้นลวนลามเธอด้วยข้อความด้วยซ้ำ
ดีไม่พอขออภัย : แก้มพองน่ารักจังครับ แต่ถ้าอมอย่างอื่นอาจจะอร่อยกว่าข้าวเหนียวก็ได้นะ
เดย์ : ลองอมตีนดูไหมล่ะ
ร่างสูงทนไม่ไหวเผลอตอบกลับคอมเมนต์ไปด้วยความเหลืออด ใบหน้ายุ่งเหยิงอารมณ์เสีย
“เป็นไรวะ”
“กลับเหอะ”
“เออ แล้วจะให้กูไปส่งบ้านไหม”
“ไปส่งกูที่คลินิก”
“ได้ค้าบๆ”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเดินออกจากอาคารเสียงเล็กเสียงหนึ่งก็ตะโกนเรียกชื่อเดย์จนทำให้เขาและซันหันไปมองทางต้นเสียง ใบหน้ายุ่งเหยิงไม่สบอารมณ์แปรเปลี่ยนเป็นฉงนเล็กน้อย
“พี่เดย์สอบเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” ขนมผิงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเดย์
“มาได้ไงคะ” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็เมื่อเช้าผิงเอาพี่เดย์กลับบ้านแล้วกลัวว่าถ้าสอบเสร็จพี่เดย์จะไม่มีรถกลับ ผิงก็เลยเอารถมาคืนค่ะ”
“เดี๋ยวค่อยเอาก็ได้ไม่เห็นต้องถ่อมาถึงที่นี่เลย”
“ก็มาแล้วนี่คะ”
ซันมองทั้งคู่คุยกันก็ได้แต่อ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าคนที่ตัวเองกำลังพูดถึงเมื่อครู่นี้จะโผล่มาอยู่ตรงหน้าตัวเป็นๆ
“นะ นี่มึงรู้จักกับน้องเขาด้วยเหรอ” สะกิดหลังกระซิบถามเดย์
“เออ”
“แล้วไม่บอกวะ”
“แล้วทำไมกูต้องบอก”
“ไอ้...”
ขนมผิงมองสองหนุ่มคุยกันก็ได้แต่ยกยิ้มให้
“สวัสดีครับน้อง...”
“ขนมผิงค่ะ”
“อ๋า น้องขนมผิงพี่ชื่อซันนะครับเป็นเพื่อนสนิทไอ้เดย์”
“สวัสดีค่ะพี่ซัน” ขนมผิงยกมือไหว้ซึ่งอีกคนเกือบจะยกมือขึ้นมารับไหว้แทบไม่ทัน
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับพี่รู้สึกตัวเองแก่” คนพูดติดตลกพร้อมกับหัวเราะเคอะเขิน
“กูกลับนะ”
“เดี๋ยวดิ จะกลับแล้วเหรอ” ประโยคหลังถูกเอ่ยพร้อมกับสายตาที่เอาแต่จ้องขนมผิงไม่วางตาจนเดย์ต้องเข้ามายืนขวางไว้ไม่ให้อีกคนเห็นหน้าคนน้อง
“จะกลับแล้ว” เขาเอ่ยพร้อมกับก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูซัน “ถ้าขืนมึงยังมองหน้าน้องด้วยสายตาแบบนั้นอีกกูจะควักลูกตามมึงออกมาเดี๋ยวนี้แหละ”
ได้ยินเพียงเท่านั้นซันก็ถึงกับตัวแข็งค้าง เขารู้ดีว่าเพื่อนคนนี้แม้จะดูเป็นคนใจดีและสุภาพแต่ทว่าถ้ามันโกรธก็ไม่ใช่ใครจะรับมือได้ง่ายๆ และน้ำเสียงที่กระซิบเมื่อครู่นี้ก็ฟังดูไม่ติดเล่นเลยสักนิด
“กูจำได้ว่ามีธุระด่วนไปก่อนนะ ไว้เจอกันนะครับน้องขนมผิง” เอ่ยจบซันก็รีบหันหลังเผ่นออกไป
“พี่เขาดูรีบจังเลยนะคะ”
“ไม่ต้องสนใจมันหรอก แล้วผิงกินข้าวเที่ยงยังคะเราไปหาอะไรกินกันไหม”
“ได้ค่ะเดี๋ยวผิงเลี้ยงพี่เดย์เองนะ ตอบแทนที่เมื่อคืนหิ้วผิงกลับมาบ้านด้วย”
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว...” ร่างสูงลากเสียงพลันขยับตัวเข้าใกล้ขนมผิงก่อนจะ..
แหมะ!
“โอ้ย! เจ็บนะคะพี่ดีดหน้าผากผิงทำไมเนี่ย”
“ทำโทษที่เมื่อคืนเมาเป็นหมาไง” เขาแกล้งกดเสียงดุซึ่งก็ทำให้ตรงหน้าเบะริมฝีปากย่นจมูกด้วยท่าทางน่าสงสาร
“สำนึกหรือยังหื้ม ทีหลังห้ามเมาไม่รู้สึกตัวแบบนั้นอีกนะ”
“รู้แล้วค่ะ พี่เดย์ดุเหมือนแม่เลย”
“แล้วสมควรโดนไหมล่ะ”
“สมควรค่ะ”
“เอาล่ะไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้แล้ว พี่ไม่ดุแล้วครับ”
“ขอโทษนะคะที่ทำตัวแบบนั้น”
“ไม่ต้องขอโทษพี่ แต่ทำแบบนั้นมันอันตรายทีหลังห้ามทำอีกนะ”
“รับทราบค่ะ ทีหลังจะไม่เมาแล้วก็ทิ้งตัวแบบนั้นอีก” ขนมผิงยืดตัวตรงทรงทหารพร้อมกับทำท่าวันทยหัตถ์ใส่เดย์จนเขาหลุดหัวเราะกับท่าทางทะเล้นของเธอ
หลังจากตกลงกันได้ทั้งคู่ก็มาทานอาหารเที่ยงด้วยกันแถวคลินิกของคุณหมอวิษณุพ่อของเดย์ ซึ่งมาเปิดคลินิกรักษาสัตว์อยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
“พี่เดย์อยากทานอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะคะ ผิงไปปล้นเงินคุณแม่มาแล้ว”
“อ้าวแล้วแบบนี้พี่จะไม่กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยเหรอ”
“เป็นก็ดีสิคะ ผิงจะได้ไม่โดนคนเดียว”
“ร้ายนะเรา” สาวน้อยยีฟันขาวให้คนพี่ด้วยใบหน้ายิ้มร่าสดใส
เมื่อสั่งอาหารเสร็จเดย์ก็หยิบไอแพดออกจากกระเป๋าเปิดดูเนื้อหาที่เรียนเพื่อเช็คคำตอบที่เพิ่งสอบไป ระหว่างนั้นขนมผิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอะไรเรื่อยเปื่อย กระทั่งเวลาผ่านไปคนพี่ก็ไม่หลุดสมาธิจากหน้าจอไอแพดเลย
ท่าทางขณะที่เขากำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่างทำให้ขนมผิงรู้สึกว่าคนตรงหน้ามีเสน่ห์มากนักเธอจึงเปิดกล้องและแอบถ่ายเขา แต่ทว่าความสะเพร่ากลับทำให้เธอลืมปิดเสียงจนคนพี่ได้ยิน
“ทำอะไรคะ”
“แฮะๆ แอบถ่ายรูปพี่เดย์ค่ะ แต่ดูดีมากเลยนะเดี๋ยวผิงส่งให้เอาไหม”
“พี่ขอดูหน่อยสิ” เอ่ยจบขนมผิงก็ยื่นโทรศัพท์ให้คนพี่
เดย์มองรูปภาพที่ขนมผิงถ่ายก็คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้คนน้อง
“ถ่ายเก่งเหมือนกันนะเนี่ย”
“พี่เดย์หล่อต่างหากค่ะ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”
“พี่เดย์ชอบทำสีผมเหรอคะ”
“ไม่นะ พี่ไม่เคยทำสีเลย”
“อ้าวแล้วทำไมสีผม...”
“สีผมนี้พี่ได้จากแม่ครับ แม่พี่ไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนสวีเดน”
“มิน่าล่ะผิงถึงได้รู้สึกว่าพี่หน้าตาเหมือนลูกครึ่ง”
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันพนักงานก็ยกอาหารมาเสิร์ฟ ดวงตากลมคู่สวยประกายวิบวับทันทีที่เห็นอาหาร ทั้งกุ้งทอดกระเทียม ต้มแซ่บกระดูกหมู ไก่ผัดขิง ไข่ดาว คอหมูย่าง และหมูผัดพริกไทยดำ
“ผิงขอกินเลยนะคะ”
“ไม่ถ่ายรูปเหรอ”
“จริงด้วย หิวจนเกือบลืมแหนะ”
เอ่ยจบขนมผิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปอาหารโพสต์ลงโซเชียล ซึ่งหน้าไทม์ไลน์ของเธอมักมีแต่รูปอาหารอยู่เต็มไปหมด น้อยนักที่จะมีรูปเธอ
“ผิงครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อคนน้อง ซึ่งเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเขากำลังถ่ายรูปเธอพอดี