บทที่ 1 เจ้าสาวพระราชทาน
ท้องนภาถูกปกคลุมด้วยความมืดแม้แสงของดวงดารายังริบหรี่ สตรีนางหนึ่งพร้อมกับเหล่าองครักษ์ที่ถูกส่งมาก้าวเท้าเดินเข้าไปในอาณาเขตที่ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก อิสตรีตัวน้อยหวาดหวั่นใจยิ่งนักเพราะการก้าวเท้าเข้ามาในที่แห่งนี้ด้วยตัวเองไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย ทว่านางไม่มีทางเลือก หากมีทางเลือกไม่มีทางที่นางจะเลือกมาที่นี่!
ดินแดนทางเหนือที่ถูกทิ้งร้างมาหลายปีเนื่องจากมีพวกปีศาจโจมตีหมู่บ้าน ระหว่างทางนางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการโจมตีของปีศาจที่ว่า
แต่เนื่องด้วยพระปรีชาสามารถของท่านอ๋องที่สามารถใช้กลยุทธ์ในการจัดการปีศาจเรียกความสงบสุขกลับคืนหมู่บ้านทางเหนือ จึงได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้และมีพระราชโองการให้ปกครองดินแดนแถบนี้ทั้งหมด
ถึงแม้ท่านอ๋องที่ว่านั้นจะเก่งกาจเพียงใด แต่ข่าวลือในเมืองหลวงนั้นก็ให้ฉายานามกับท่านอ๋องนี้ว่าเป็นบุรุษโหดเหี้ยม แม้ข่าวลือจะแตกต่างกันไปต่าง ๆ นานาก็ตามแต่ล้วนกล่าวขานว่าผู้ปกครองดินแดนนี้โหดเหี้ยมไร้ศีลธรรม
อีกทั้งหญิงสาวที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานมาให้ก็ถูกส่งตัวกลับคืนในวันถัดไปทันที บ้างก็กลับถึงที่หมายสู่อ้อมกอดของครอบครัว บ้างก็ตายระหว่างทางเพราะถูกปีศาจโจมตี บ้างก็เป็นบ้าเป็นหลังไปเนื่องด้วยสาเหตุอันใดก็มิทราบ
และในครานี้จางลี่ซือนางก็คือสตรีผู้โชคร้ายนางนั้น!
สตรีตัวน้อยนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงเมื่อองครักษ์ที่ติดตามเพื่อมาส่งนางได้กลับไปกันหมดแล้ว ไม่มีแม้สักคนที่จะหันกลับมามองนาง หลังจากทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วล้วนรีบกลับบ้านกลับเมืองโดยเร็วที่สุด เพราะชื่อเสียงของดินแดงทางเหนือแห่งนี้ไม่ค่อยดีนัก
เรียกได้ว่านางถูกส่งมาตัวเปล่าไร้ซึ่งทรัพย์สินติดตัวมา แม้แต่อาภรณ์ก็มีเพียงสองชุดนั่นก็คือชุดที่นางใส่กับชุดที่สาวใช้เตรียมมาให้อีกหนึ่งชุดเท่านั้น มิต้องถามถึงเครื่องประดับนางมิได้นำติดตัวมาเลยนอกจากสิ่งที่สวมใส่อยู่เพื่อให้ดูมีราศรีไม่เสียชื่อฮ่องเต้ที่พระราชทานนางมาให้แก่โอรสคนรอง ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะไม่มีใครคาดคิดว่านางจะรอดคืนนี้ไปได้ แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่แน่ใจเลย
อีกอย่างหนึ่งที่คนในเมืองหลวงยังไม่รู้กันนั่นก็คือเหตุใดสตรีมากมายที่ถูกส่งมาเป็นเจ้าสาวพระราชทานนั้นจึงถูกส่งตัวกลับทันทีในวันรุ่งขึ้น เป็นเพราะพวกนางปรนนิบัติไม่ดีหรืออย่างไร
ก่อนจะถูกส่งตัวมาที่ดินแดนแห่งนี้จางลี่ซือถูกกำชับมาว่าให้ปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดี มิเช่นนั้นชีวิตนางก็ไร้ค่า หากถูกส่งตัวกลับไปก็มิวายอาจโดนปีศาจโจมตีระหว่างทาง หรือหากสามารถกลับไปยังตระกูลได้ทางครอบครัวก็มิต้อนรับนางอยู่ดี แม้จะไม่เคยอิงแอบแนบกายกับบุรุษเพศมาก่อนแต่นางก็ได้เรียนรู้มาจากตำราและถูกอบรมมาอย่างดีก่อนจะถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อปรนนิบัติอันตงหยาง
นางจำเป็นต้องถวายตัวให้กับท่านอ๋อง บุรุษผู้โหดเหี้ยม แม้จะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนก็ตาม
ในตอนนั้นเองที่ประตูถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า แสงจากดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ช่างริบหรี่จึงทำให้นางมองเห็นแค่เพียงเงารูปร่างเท่านั้น บุรุษร่างสูงใหญ่เดินตรงมาหานางที่เตียงโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย ดวงตากลมใสช้อนขึ้นมองบุรุษตรงหน้าด้วยควาหวาดหวั่นก่อนจะรีบลุกขึ้นโดยไว
“ถะ ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ!”ย่อกายลงคุกเข่าด้วยความนอบน้อม สายตาของบุรุษมองสตรีตรงหน้าด้วยความเฉยเมย
“เจ้าพร้อมหรือไม่?”น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้สตรีตัวน้อยเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความหวาดกลัว อากาศในดินแดนทางเหนือนั้นหนาวเย็นกว่าเมืองหลวงอยู่แล้วยิ่งได้ยินน้ำเสียงเย็นวาบเช่นนี้นางแทบควบคุมตัวเองไม่ให้ตัวสั่นเทาไม่ได้
“เพคะ”
“ลุกขึ้น แล้วถอดอาภรณ์ออกเสีย”
เมื่อสิ้นประโยคนั้นจางลี่ซือก็หยัดกายขึ้นแล้วจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ด้วยมืออันสั่นเทา จวบจนกระทั่งร่างกายของนางเปล่าเปลือยไม่ต่างอะไรกับสตรีคณิกา
อันตงหยางมองเรือนร่างของอิสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย พร้อมทั้งคิดว่านางผู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากสตรีที่ผ่านมา
ฝ่ามือหยาบกร้านยื่นออกไปดึงตัวนางมาไว้ในอ้อมกอด กดร่างน้อยลงบนเตียงกว้างแล้วซุกไซร้ซอกคอขาวผ่อง กลิ่นของสตรีทำให้แก่นกายผงาดขึ้นพร้อมปลดปล่อย ปลายลิ้นสากไล้เลียซอกคอขาวเนียนราวกับหยก ริมฝีปากขบเม้มผิวกายนางด้วยความย่ามใจเพราะรู้ว่าอย่างไรสตรีนางนี้ก็ต้องยอมโอนอ่อนให้ตนอยู่แล้ว
ในขณะที่ฝ่ามือน้อยจิกอกเสื้อของบุรุษเพศตรงหน้าด้วยความประหม่า อย่างที่ว่าด้วยนางเป็นสาวบริสุทธิ์และเคยศึกษาเรื่องบนเตียงมาก็แค่จากตำราและการอบรมผิวเผินเท่านั้น ทำให้นางไม่สามารถจัดการกับความรู้สึก อารมณ์ในตอนนี้ได้ สมองของนางเต็มไปด้วยความสับสนละคนตื่นกลัว
เคลื่อนกายลงต่ำมาเรื่อย ๆ จนถึงทรวงอกอวบอิ่ม อ้าปากดูดดึงยอดปทุมถันสีหวานอย่างรุนแรง ความรู้สึกแปลกใหม่ทำให้นางต้องยกมือขึ้นปิดปากแน่น ยอดปทุมถันที่ไม่เคยผ่านมือบุรุษใดมาก่อนกำลังเปลี่ยนเป็นสีเข้มเนื่องจากแรงดูดที่รุนแรงจนรู้สึกเจ็บแสบ สองขาบดเบียดเข้าหากันเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวที่ใจกลาง
เรียวขาของนางถูกบังคับจับแยกออกจากกันโดยอันตงหยาง ก่อนที่จะทำการสอดแทรกนิ้วแกร่งเข้าไปด้านในทำเอาสตรีตัวน้อยสะดุ้งเฮือก
นิ้วแกร่งกดนิ้วเข้าออกที่รอยแยกของกลีบกายแล้วสะกิดจุดอ่อนไหวเพื่อเร่งเร้าให้นางพร้อม เวลาต่อมาอันตงหยางจัดการปลดอาภรณ์ส่วนล่างออกแล้วสอดแทรกแก่นบุรุษเพศเข้าไปด้านในกายสตรี
“อ๊ะ!?”
ความเจ็บปวดราวกับใจกลางจะถูกแยกออกจากกันทำให้นางเผลอร้องออกมาจนต้องกัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับเสียงนั้นด้วยกลัวว่าเสียงของนางอาจทำให้อันตงหยางผู้นี้ขุ่นเคือง แม้ว่านางจะกัดจนริมฝีปากเลือดซึมออกมาก็ตาม
แก่นบุรุษเพศถูกดุนดันชำแรกช่องรักนุ่มนิ่มของสตรีเพศอย่างรุนแรง ไร้ความอ่อนโยนแม้จะรู้ว่านางนั้นบริสุทธิ์ก็ตาม แต่ในเมื่อเขาถามความเห็นของนางแล้วนางก็มิปฏิเสธเหตุไฉนอันตงหยางต้องอ่อนโยนกับนางด้วย นางหาใช่สตรีที่รักไม่ ก็แค่สตรีที่ถูกส่งมาเพื่อบำเรอ
“อึก!!”
นางไม่กล้าแม้แต่จะโอบกอดอันตงหยางแม้จะผวาจากการสอดใส่อย่างรุนแรงก็ตาม ทำได้เพียงกัดริมฝีปากตัวเองแล้วจิกผ้าปูที่นอนแน่น ทันทีที่แก่นกายบุรุษถูกดันเข้ามาจนสุด นางก็รู้สึกถึงความชาที่กลางกาย ปล่อยแช่เอาไว้ในกลางกายสตรีเพื่อให้ร่างกายนางชินกับตัวตนที่อยู่ภายในก่อนเวลาต่อมาจะถูกกระแทกจนร่างนางสั่นคลอน
ความเจ็บปวดยังมิเลือนหายไปแต่นางก็ไม่สามารถเอ่ยปากอันใดออกไปได้นอกจากอดทนและรองรับอารมณ์ของบุรุษวัยกำหนัด เพื่อให้อันตงหยางโปรดปรานนางบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี
เวลาต่อมาจากความเจ็บปวดก็แปรเปลี่ยนเป็นความวาบหวามเกินห้ามใจจนนางเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว แม้บทรักจะรุนแรงและเร่าร้อนจนรู้สึกจุกอยู่บ้างก็ตาม ตัวตนของอันตงหยางชัดเจนอยู่ภายในตัวของนาง ทุกท่วงท่าหนักหน่วงจนแทบลืมหายใจ และบ้างครั้งก็กระแทกแก่นกายเข้ามาถี่ยิบจนร่างของนางกระตุกด้วยอารมณ์กามตามธรรมชาติของร่างกาย
จนท้ายที่สุดอันตงหยางก็ถาโถมร่างกายใส่นางอย่างรุนแรงเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับปลดปล่อยความเป็นบุรุษเข้าไปในตัวนาง
คิดว่าคงจบเท่านี้แล้วแต่อันตงหยางกลับจับร่างนางให้นอนคว่ำแล้วดึงสะโพกกลมกลึงให้โด่งขึ้นก่อนจะจัดการสอดใส่แก่นบุรุษเพศเข้าไปในช่องรักอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงและดุดันจนจางลี่ซือจุกไปหมด ดวงตากลมโตคู่ใสเอ่อนองน้ำตา นางไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงอันใดออกไปแม้จะเจ็บปวดมากก็ตาม
อันตงหยางโน้มกายลงมาอิงแอบแนบชิดกับจางลี่ซือ สอดมือเข้าใต้เอวบาง จับข้อมือน้อยทั้งสองข้างตรึงเหนือหัวด้วยมือเดียวแล้วโหมกระหน่ำร่างกายลงมาอย่างหนักหน่วง คราวนี้นางไม่อาจอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไปแล้วเผลอครางเสียงหวานออกมาปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนของอันตงหยางให้เดือดพล่านอีกครั้ง!
นางถูกอันตงหยางรังแกอย่างหนักหน่วงโดยไม่สนว่านี่เป็นครั้งแรกของนาง ปลดปล่อยตัวตนใส่อยู่หลายรอบจนเกือบฟ้าสางจึงปล่อยนางให้เป็นอิสระ
จางลี่ซือหอบหายใจเหนื่อย อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจกลาง เมื่ออันตงหยางถอดถอนแก่นกายออกก็จัดการสวมใส่อาภรณ์ของตนเองเรียบร้อยก่อนจะเรียกองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอก
“เจียวลู่ ส่งนางกลับ”