บทที่ 3-2

1268 Words
“อ้าวคุณจักร ได้ของแล้วหรือคะ” ป้านุ่มมองมือว่างเปล่าทั้งสองข้างของจักรทิพย์ด้วยความสงสัย ชายหนุ่มมีทีท่าอึกอักทำเอาป้านุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม “คุณจักรคงอยากเจอหน้าคุณมนเธอกระมังคะ น่าเสียดายที่คลาดกัน” “ผมขอตัวก่อนนะครับ จะรีบกลับไปเคลียร์งานในไร่” บอกแล้วเดินตัวปลิว ป้านุ่มมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มไปจนลับสายตา ใบหน้าที่มีร่องรอยผ่านร้อนผ่านหนาวมามากเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม “น่าเห็นใจจริงๆ เพิ่งจะแต่งงานแท้ๆ คนหนึ่งต้องเข้าไปทำงานในไร่ ส่วนอีกคนก็ต้องไปดูร้านขนม แทนที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน” หวานละมุนเป็นร้านขนมเล็กๆ ที่อยู่เยื้องไปจากตัวบ้านสีขาวหม่นของมนตระการกับแพรใจราวๆ ห้าร้อยเมตร หญิงสาวเปิดร้านนี้ได้เดือนเศษ แม้รายได้จะไม่ได้มากมาย แต่มันก็ทำให้มนตระการมีเงินใช้สอยอย่างไม่ขัดสน มนตระการชื่นชอบการทำขนมโดยเฉพาะขนมไทย “หวานละมุนยินดีต้อนรับค่ะ อ้าวภู มาได้ยังไง” เมื่อเห็นหน้าภูวิศมนตระการก็วางของในมือไว้ที่เคาน์เตอร์ไม้ ในร้านหวานละมุนจะมีมุมเล็กๆ สำหรับนั่งรับประทานขนมในร้าน ร่างบางขยับเท้ามาหยุดตรงหน้าภูวิศเพื่อนสมัยมัธยมปลายที่แม้ว่าตอนมหาวิทยาลัยจะแยกย้ายกันเรียน แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยขาดการติดต่อ ยังคงติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ “แค่ผ่านมาน่ะ” ภูวิศเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างที่ดูฝืนธรรมชาติไปสักหน่อย มนตระการหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยจะเชื่อในคำพูดของอีกฝ่ายสักเท่าไร “แน่ใจนะว่าแค่ผ่านมา” “ไม่” คราวนี้ภูวิศหน้าเจื่อนก่อนจะเป็นฝ่ายเดินมานั่งที่โต๊ะมุมในสุดอย่างคุ้นเคย ชายหนุ่มเคยมาที่ร้านหวานละมุนอยู่บ่อยครั้ง มาตั้งแต่มนตระการเปิดร้านใหม่ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายคุ้นเคยเป็นอย่างดี “มนว่าแล้วเชียว” มนตระการแสร้งยู่หน้าแต่ก็ยอมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาถามไถ่สารสุขทุกข์สุกดิบ “แล้วเป็นไงบ้าง ช่วงนี้สบายดีไหม” “ดีสิ ช่วงนี้ภูแฮปปี้สุดๆ” “ภูกำลังจะแต่งงานเหรอ” “เปล่า เพิ่งอกหักมาน่ะ” “ถามจริง” คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตของมนตระการถึงกับยกขึ้นสูง แววตาของหญิงสาวฉายแววตื่นตระหนกอยู่หลายส่วน “จริง” “ถึงว่า” พอเจ้าตัวยอมรับมาแบบนั้นมนตระการถึงกับยกมือขึ้นเท้าคาง ดวงตาคู่สวยมองภูวิศด้วยความเห็นใจ “อกหักทีไรขับรถมาไกลถึงต่างจังหวัดทุกที” ครอบครัวของภูวิศทำธุรกิจร้านทองอยู่ที่กรุงเทพฯ และตัวของภูวิศเองหลังจากเรียนจบก็ช่วยดูแลกิจการของครอบครัว และทุกครั้งที่มีปัญหาชายหนุ่มก็จะขับรถออกมาต่างจังหวัด ซึ่งจังหวัดที่เขาเลือกก็คือจังหวัดลพบุรี เหตุผลง่ายๆ ก็คือเพราะมนตระการอยู่ที่นี่ เขาก็เลยมา “กรุงเทพฯ มีแต่คนใจร้าย” “ลืมไปหรือเปล่าภูว่าตัวเองก็เป็นคนกรุงเทพฯ” “ตอนนี้ภูเป็นคนลพบุรี เพราะภูอยู่ลพบุรี ภูไม่ใช่คนกรุงเทพฯ อีกต่อไป” “ให้จริง” มนตระการเอ่ยด้วยเสียงหยอกเย้า บทสนทนาของทั้งคู่สิ้นสุดลงตรงนั้นเมื่อมีลูกค้าเข้ามาในร้าน มนตระการรีบขยับเท้าเข้าไปด้านในเคาน์เตอร์ “วันนี้รับอะไรดีคะ” “ขนมชั้นสองกล่อง แล้วก็สังขยาสองกล่องค่ะ” ลูกค้าที่แวะเวียนมาที่ร้านส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำมนตระการจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี หญิงสาวจัดขนมใส่กล่องด้วยท่าทางคล่องแคล่ว “ทั้งหมดหนึ่งร้อยบาทค่ะ” ลูกค้าส่งเงินให้มนตระการ หญิงสาวรับไว้แล้วหยิบเงินทอนในลิ้นชักส่งให้อีกฝ่าย “ขอบคุณมากนะคะ” ลูกค้าออกไปแล้วมนตระการจึงเดินกลับมานั่งกับภูวิศที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าคางพลางทำหน้ามุ่ย หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความอ่อนใจ “ตกลงจะมาอยู่กี่วัน” “สอง” “สองวัน” “สองอาทิตย์” “ถามจริงนะภู” “จริง” เห็นภูวิศพยักหน้าจริงจังมนตระการก็ปฏิเสธไม่ได้ หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เดี๋ยวภูนอนที่บ้านมนก็ได้นะ อยู่นานไม่ต้องเสียเงินไปเช่ารีสอร์ทหรอก” ทุกครั้งที่ภูวิศแวะมาหาชายหนุ่มเลือกจะพักที่รีสอร์ทใกล้ๆ แทนการพักบ้านของมนตระการ ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่เขาคิดว่าอาจจะทำให้มนตระการเสียหายในสายตาคนอื่น พวกเขาต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่าคนอื่นไม่รู้ ภูวิศจึงไม่ปรารถนาให้เพื่อนสนิทของเขาถูกกล่าวถึงในทางที่ไม่ดี “ไม่ดีมั้งมน” “นอนได้เพราะมนไม่ได้นอนที่บ้าน อาแพรก็ค้างที่บ้านของลุงกริช บ้านไม่มีใครอยู่หรอก” “อ้าว แล้วมนไปนอนที่ไหน” คราวนี้ภูวิศยืดตัวเต็มความสูง ชายหนุ่มหรี่ตามองมนตระการด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “คือ คือมนแต่งงานแล้วน่ะ เลยไม่ได้นอนที่นี่แล้ว ต้องไปนอนที่บ้านเขา” ได้ยินแบบนั้นภูวิศก็แทบตกเก้าอี้ ดีที่เขาคว้าขอบโต๊ะเอาไว้ได้ทัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง “จะจริงเหรอ ตะตั้งแต่เมื่อไร” “เมื่อคืน” มนตระการเอ่ยไม่เต็มเสียงนัก จู่ๆ ภาพเมื่อคืนระหว่างหญิงสาวกับจักรทิพย์ก็เด่นชัดขึ้นมาในห้วงความคิดทำเอาแก้มนิ่มร้อนผะผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พวงแก้มทั้งสองข้างแต้มสีเรื่ออย่างไม่รู้ตัว “ภูงอนแล้วนะ แต่งงานทั้งทีทำไมไม่บอกกันเลย แล้วแอบไปคบกันตอนไหน ภูมาครั้งก่อนก็ไม่เห็นเลยว่ามนมีแฟน” ภูวิศเอ่ยอย่างน้อยใจ โดยไม่รู้เลยว่าเหตุผลของการแต่งงานในครั้งนี้ทำให้อาการขวยเขินของมนตระการหายวับไปในทันที “ไม่ได้คบกันหรอก แต่งงานกันเพราะความจำเป็นน่ะ” ควันสีเทาจางลอยฟุ้งออกจากเตาหมูกะทะ มนตระการกับภูวิศเลือกที่จะสั่งหมูย่างมานั่งกินที่หน้าบ้าน ปูเสื่อแล้วนั่งบนเบาะนั่งแบบเรียบง่าย “เรื่องแต่งงานพูดจริงใช่ไหม” ภูวิศถามตอนที่ส่งหมูย่างชิ้นโตเข้าปาก มือที่กำลังจะคีบหมูย่างของมนตระการชะงัก หญิงสาวหลุบสายตาลงเล็กน้อยก่อนจะส่งหมูย่างชิ้นโตเข้าปากบ้าง “จริง” เห็นมนตระการเอ่ยเสียงอ่อยภูวิศก็ไม่คิดจะคาดคั้นต่อ เพราะสีหน้าของเจ้าตัวก็ดูลำบากใจไม่น้อยอยู่เหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะมนตระการเป็นคนที่คิดอะไรค่อนข้างถี่ถ้วน เจ้าตัวคงไตร่ตรองดีแล้วถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น “ถ้าวันไหนมนมีปัญหา ภูยังอยู่ที่เดิมนะ รู้ใช่ไหม” “รู้ ขอบใจนะ” ภูวิศตอบรับคำขอบคุณของมนตระการด้วยการไหวไหล่ ชายหนุ่มคีบหมูย่างด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ท่าทางมีความสุขกับการกินของภูวิศทำให้มนตระการยิ้มตามไปด้วย ทั้งคู่เลือกที่จะปล่อยผ่านเรื่องการแต่งงานที่แสนจะเคร่งเครียดของมนตระการ เลือกที่จะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระแทน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD