ตอนที่ 17

1392 Words
สามสาวมาถึง Six Sensense ช่วงวงของพีรดนย์กำลังจะขึ้นแสดงพอดี คืนนี้ยังเหมือนกับทุกคืนที่ลูกค้าเต็มร้านโดยเฉพาะสาวๆ ที่พากันจองโต๊ะหน้าเวที เพื่อจะได้ชื่นชมนักร้องสุดฮ็อตอย่างใกล้ชิด เพียงแค่พีรดนย์เดินขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดก็ดังสนั่น จนธิญาดาที่แอบดูอยู่ที่โต๊ะมุมลับตารู้สึกหมั่นไส้ ยิ่งเห็นเขาส่งยิ้มให้สาวๆ ที่หน้าเวทีอย่างโปรยเสน์ห์ก็ยิ่งรู้สึกคันไม้คันมือแบบบอกไม่ถูก “เฮ้อ อิจฉาจัง แฟนใครก็ไม่รู้โคตรหล่อเลย มองมุมไหนก็เท่ มองมุมไหนก็ดูดีหาจุดติไม่ได้เลย เธอทำบุญด้วยอะไรกันนะเกรซ” ยุพเรศมองพีรดนย์ที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีแล้วรำพึงรำพันกับความโชคดีของเพื่อน ที่ทำให้ผู้ชายรูปหล่อพ่อรวยแถมเก่งอย่างพีรดนย์สนใจได้ “ใช่ อิจฉาโคตรๆ” ระหว่างที่สามสาวกำลังนั่งฟังพีรดนย์ร้องเพลงอย่างเพลิดเพลิน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาขอชนแก้วกับธิญาดา ด้วยหน้าตาท่าทางที่บอกยี่ห้อเจ้าชู้ไก่แจ้ ทำให้หญิงสาวปฏิเสธและหันไปสนใจคนบนเวทีต่อ แต่นั่นกลับทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่พอใจเพราะรู้สึกเสียหน้า จึงดึงแขนของธิญาดาอย่างแรง “โอ๊ย” หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บเพราะไม่ใช่แค่ดึง แต่อีกฝ่ายบีบแขนเธออย่างแรง เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาจึงรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้อยู่ในอาการมึนเมาอย่างแน่นอน “เฮ้ย ทำอะไรเพื่อนฉัน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ยุพเรศที่เห็นเหตุการณ์รีบดึงธิญาดาออกมาให้ห่าง แต่กลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นโมโห “ทำไมเหรอสาวๆ ทีกับผมทำท่ารังเกียจ แต่มองไอ้นักร้องนั่นตาเยิ้ม คิดว่ามันจะสนใจเหรอ อย่างมากมันก็แค่เอาไปนอนด้วยแล้วก็เฉดหัวทิ้ง รู้หรือเปล่าว่ามันไม่ใช่แค่นักร้องกระจอกๆ แต่มันเป็นลูกเศรษฐีด้วย อย่าฝันสูงไปหน่อยเลยน่า” “ไอ้บ้า กล้าดียังไงมาพูดจาหมาๆ อย่างนี้กับพวกเรา ไสหัวไปเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกการ์ด” ชนาภาด่าอย่างไม่ไว้หน้า “พูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้” “เอ๊ะ ไอ้บ้านี่” “เท่าไหร่ อยากได้เงินเท่าไหร่ว่ามา ผมยินดีจ่ายนะ” ธิญาดาคว้าแก้วเหล้าบนโต๊ะสาดใส่หน้าผู้ชายปากโสโครกด้วยความโมโห “อ้าว อีนี่” ชายที่โดนเหล้าสาดหน้าโมโหจัด กระชากแขนธิญาดาจนหญิงสาวที่ไม่ทันระวังตัวข้อเท้าพลิกล้มลงไปกองกับพื้น “โอ๊ย” ธิญาดาร้องออกมาด้วยความเจ็บ ยังไม่ทันที่สามสาวจะได้ทำอะไร ตัวต้นเรื่องก็ถูกการ์ดเข้ามาล็อกตัวลากออกไป เจ้าตัวร้องโวยวายด่าทอหยาบคาย แต่ด้วยเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มจึงไม่มีใครสนใจมากนัก “คุณเกรซ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” ศิระถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นจากกล้องวงจรปิดว่าธิญาดาและเพื่อนถูกคนเมาเข้ามาวุ่นวาย เขาจึงรีบลงมาจัดการ ก่อนที่พีรดนย์ที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีจะเห็นแล้วทิ้งเวทีลงมาจัดการด้วยตัวเอง ซึ่งมันคงวุ่นวายมากกว่านี้ เผลอๆ ไอ้หมอนั่นอาจจะตายคาตีนพีรดนย์ได้ เขาจึงต้องรีบลงมาระงับเหตุแล้วรอให้เพื่อนจัดการตัวก่อเรื่องด้วยตัวเอง “เท้าเกรซ” ธิญาดากุมข้อเท้าตัวเองน้ำตาคลอ เธอรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่ข้อเท้าและหัวเข่าที่กระแทกกับพื้น “เดินไหวไหมครับ ไปที่ห้องรับรองก่อนดีกว่า” “เดี๋ยวฉันช่วย” ยุพเรศและชนาภารีบเข้ามาประคองเพื่อนลุกขึ้นจากพื้น แต่เพียงแค่ขยับนิดเดียวธิญาดาก็ทรุดลงไปอีก ศิระเห็นแบบนั้นจึงเข้ามาช่วย “ให้ผมอุ้มดีกว่าครับ ขออนุญาตนะครับ” ร่างสูงใหญ่ของศิระอุ้มธิญาดาขึ้นจากพื้นได้อย่างง่ายดาย แล้วเดินตรงไปยังห้องรับรองที่เขาและเพื่อนๆ มักจะไปนั่งดื่มกันประจำ ศิระวางธิญาดาลงบนโซฟายังไม่ทันได้ถอยออก พีรดนย์ที่มาจากไหนไม่รู้ก็กระชากไหล่เพื่อนออกอย่างแรง “ไอ้ดลใจเย็น” ต้นกล้ารีบเข้ามาห้ามเพราะตอนที่พวกเขาลงจากเวทีก็เห็นศิระอุ้มธิญาดาผ่านหน้าไป เท่านั้น พีรดนย์ก็ก้าวฉับๆ ตามมาจนเขาต้องรีบตามมาเพราะกลัวจะเกิดเรื่อง “มึงทำอะไรไอ้โซ่” พีรดนย์ถามอย่างเอาเรื่อง จนศิระถอนใจกับอาการหึงไม่ดูตาม้าตาเรือของเพื่อน “ก่อนมึงจะกินเลือดกินเนื้อกู มึงดูคุณเกรซก่อนเถอะ” “เกรซเป็นอะไร” “คุณเกรซโดนคนเมาลวนลามและทำร้ายร่างกาย” “อะไรนะ” พีรดนย์ถลาเข้าไปหาธิญาดาที่นั่งน้ำตาคลออยู่บนโซฟา เมื่อเห็นรอยช้ำที่หัวเข่าและข้อเท้าที่เริ่มบวมก็โกรธจัด “เกรซเจ็บตรงไหนบ้าง บอกผมสิ” “เกรซเจ็บเท้าแล้วก็หัวเข่าค่ะ” ยุพเรศและชนาภาที่มัวแต่เก็บของของธิญาดาเพิ่งตามเข้ามา และหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าบรรยากาศในห้องกำลังตึงเครียด “ไอ้ก้องกูขอยืมเสื้อหน่อย” พีรดนย์เพิ่งสังเกตเห็นว่ากระโปรงของธิญาดาสั้นมาก และเมื่อหญิงสาวนั่งมันก็ร่นขึ้นไปจนโชว์ขาขาวๆ ต่อสายตาคนอื่นๆ เขาจึงเอ่ยขอเสื้อคลุมของเพื่อนมาคลุมเอาไว้ให้เธอ เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นเนื้อตัวของธิญาดาทั้งนั้น และไอ้คนที่ทำให้ผิวเนียนๆ ของหญิงสาวต้องช้ำ มันจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสม “เจ็บมากไหม ไปหาหมอกันนะ” น้ำเสียงที่พีรดนย์คุยกับธิญาดาอ่อนโยนและปลอบประโลมจนศิระกรอกตา เพราะมันช่างต่างกับน้ำเสียงที่ใช้กับเขาเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง “คุณทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ เกรซไปกับยุกับนาก็ได้” “ไม่ ผมจะพาเกรซไปเอง ผมต้องเห็นกับตาว่าเกรซไม่เป็นอะไร” พีรดนย์ตอบโดยไม่ต้องคิดและช้อนอุ้มธิญาดาขึ้นจากโซฟา “กูฝากด้วยไอ้โซ่ เดี๋ยวกูมา” ศิระรู้ทันทีว่าเพื่อนหมายถึงอะไร เขานึกสยองแทนไอ้หมอนั่นที่บังอาจแตะต้องของรักของหวงของพีรดนย์ งานนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต แต่เขาคิดว่าสมควรแล้ว เพราะต่อให้พีรดนย์ไม่ทำอะไร เขาเองนี่แหละจะสั่งสอนมันที่บังอาจมาก่อเรื่องในถิ่นของเขา ยุพเรศและชนาภารีบก้าวตามพีรดนย์ที่อุ้มเพื่อนของตัวเองออกไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงศิระ ต้นกล้า และก้องเกียรติเท่านั้น “กูเห็นอาการจงอางหวงไข่ของไอ้ดลแล้ว ดูท่าไม่น่าจะใช่เล่นๆ แล้วล่ะ” ก้องเกียรติออกความเห็นขณะเดินไปนั่งเอกเขนกบนโซฟา “กูเลิกคิดว่ามันจะเล่นๆ กับคุณเกรซ ตั้งแต่มันเทียวไล้เทียวขื่อ เป็นเจ้ามือพาพวกเราไปกินฟรีร้านคุณเกรซเดือนละหลายๆ ครั้งแล้ว” ต้นกล้ายักไหล่อย่างไม่แปลกใจอะไรเลยสักนิด “และกูที่เกือบโดนมันเล่นงานเพราะไปแตะต้องเนื้อตัวคุณเกรซ ก็ยิ่งกว่าเห็นด้วยกับพวกมึง” ศิระเห็นด้วยกับเพื่อนทั้งสองอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง “ดีนะที่มึงเข้ามาจัดการก่อนไอ้โซ่ ถ้าเกิดไอ้ดลมันเห็นเหตุการณ์กูว่ามันทิ้งเวทีลงมาซัดไอ้หมอนั่นจนลูกค้าแตกตื่นแน่” “เออน่ะสิ กูเห็นจากกล้องวงจรปิดก็รีบลงมาเลย ยังดีนะที่คุณเกรซไม่เจ็บตัวมากกว่านี้” “แค่นี้กูว่ามันก็ร่อแร่แล้วล่ะ แล้วนี่มันอยู่ไหน” ก้องเกียรติถามถึงตัวต้นเหตุ “ห้องใต้ดิน” “ถ้างั้นระหว่างรอไอ้ดลมาคิดบัญชีกับมัน เราหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีไหม กูโคตรเกลียดเลยไอ้พวกขี้แพ้รังแกผู้หญิงเนี่ย” “เอาสิ” สามหนุ่มมองหน้ากันแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกออกจากห้องไปยังชั้นใต้ดิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD