ตอนที่ 6

1332 Words
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสามสาวก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง โดยสัญญากันว่าจะหาโอกาสไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้ง หรือจะพูดให้ถูกก็คือทั้งสองอยากไปดูนักร้องหนุ่มประจำผับนั่นเอง “เป็นไงลูก ไปเที่ยวมาสนุกไหม” กรองทองเอ่ยถามหลานสาวที่เดินเข้ามาในร้านในยามบ่าย “สนุกค่ะ” “ดีแล้วล่ะลูก หนูทำงานแทบไม่ได้หยุด ไปเที่ยวพักผ่อนบ้างเถอะ เด็กๆ ในร้านเราก็มีให้เขาดูแลไป คนเรามันต้องให้ร่างกายได้พักบ้าง” ธิญาดายิ้มและรู้สึกว่าเธอโชคดีที่มีคุณลุงคุณป้าหัวสมัยใหม่และเข้าใจเธอทุกอย่าง ท่านทั้งสองไม่เคยบังคับอะไรเธอเลย ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือการใช้ชีวิต รวมถึงพี่ชายที่แสนดีลูกชายของคุณลุงคุณป้าด้วยที่ช่วยดูแลเธอมาตั้งแต่เด็ก “เกรซกลัวคุณลุงกับคุณป้าจะเหนื่อยน่ะสิคะ” “โอ๊ย จะมาเหนื่อยอะไรกัน แค่นั่งกดเครื่องคิดเลขแค่นี้ ส่วนลุงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว” ธิญาดาหันไปทางลุงเขยที่นั่งดูทีวีพร้อมรับประทานของว่างอยู่ เนื่องจากสองปีก่อนท่านตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจจึงต้องงดทำงานหนัก ดังนั้นเธอและปริญญาลูกชายของลุงกับป้าจึงรับหน้าที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของร้านอาหารแห่งนี้ “นั่นน่ะสิ วันๆ ลุงก็เอาแต่กินกับนอนจนกลัวว่าจะอ้วนเป็นหมู นานๆ ทีถึงจะออกกำลังกายเดินออกไปคุยกับลูกค้าบ้างเท่านั้น ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย หนูกับพี่ปั้นต่างหากที่เป็นตัวหลักในการดูแลร้านนี้ แต่ก็อย่าทุ่มเทให้งานจนเกินไปจนไม่ได้ใช้ชีวิตนะลูก ดูลุงเป็นตัวอย่าง เพราะมัวแต่ทำงานหนักกว่าจะรู้ตัวร่างกายก็ทรุดโทรม นี่ลุงยังคุยกับป้าว่านึกเสียดาย น่าจะได้เที่ยวกันมากกว่านี้ ตอนนี้ไปไหนไม่ไหวแล้วไปได้แค่ใกล้ๆ แถวนี้แค่นั้น “โถ่ คุณลุงของเกรซยังแข็งแรงจะตาย เดี๋ยวเกรซพาไปขึ้นดอยที่เชียงใหม่เลยเป็นไงคะ” “โอ๊ย ลุงคงตายตั้งแต่ตีนดอย” ว่าแล้วทั้งสามก็หัวเราะอย่างขบขัน “หัวเราะอะไรกันเสียงดังครับ ว่าไงตัวแสบ มาอ้อนอะไรพ่อแม่พี่อีก” ปริญญาแหย่น้องสาวที่เขารักและเอ็นดู “เกรซเปล่าซะหน่อย” “แล้วไปเที่ยวมาเป็นไง ได้หนุ่มๆ กลับมาฝากพี่กับลุงกับป้าหรือเปล่า มัวแต่หมกตัวอยู่ในร้านระวังจะขึ้นคานนะ” “พี่ปั้น” ธิญาดาปากยื่นอย่างแสนงอนเมื่อโดนแกล้ง ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็ก “ปั้น เราล่ะก็ชอบไปแกล้งน้อง” “ก็จริงนะครับแม่ วันๆ เอาแต่ทำงานกับตัวเลขอยู่ในร้าน ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหนกับใครเขา อายุขึ้นเลขสามแล้วยังไม่มีแฟนกับเขาสักที” “ว่าแต่เขาพี่ปั้นก็เถอะ ไม่เห็นจะมีแฟนกับเขาสักที ระวังจะมีลูกไม่ได้เพราะแก่เกินนะ” “เด็กสองคนนี้นี่ ทะเลาะกันตั้งแต่เล็กจนโต” กรองทองบ่นด้วยน้ำเสียงเอ็นดู เพราะธิญาดาและลูกชายของเธอรักกันดีไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง มีเพียงคนพี่เท่านั้นที่ชอบเย้าแหย่ให้น้องงอน “ไม่คุยด้วยแล้ว เกรซไปทำงานดีกว่า” ธิญาดาเดินไปประจำที่เคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งมีแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายของร้านตั้งรอให้ตรวจสอบพร้อมกับออกบิลคิดเงินลูกค้า ซึ่งเป็นงานที่เธอรักและสนุกกับมันทุกวัน เธอตั้งใจว่าจะช่วยดูแลร้านของคุณลุงคุณป้าผู้มีพระคุณให้สุดความสามารถ เพราะท่านไม่ใช่แค่ให้เงินเดือน แต่ท่านให้เธอเป็นหุ้นส่วนและแบ่งกำไรให้ยี่สิบเปอร์เซนต์ทุกเดือน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นทำให้เธออยู่ได้อย่างสุขสบายและมีเงินเก็บก้อนโต “ตัวแสบเอ๊ย ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีคนมาดูแลน้องแทนเรานะครับ ผมอยากให้เขาเจอคนดีๆ ไม่ใช่แบบไอ้ทีนั่น” ปริญญามองตามน้องสาวที่เปิดประตูออกจากส่วนพักผ่อนไปนั่งประจำเคาน์เตอร์ “พ่อก็อยากเห็น อย่างที่รู้กันนะ ร่างกายพ่อก็โรยราลงทุกวัน ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เกรซน่ะอาภัพน่าสงสาร พ่ออยากเห็นเขาเป็นฝั่งเป็นฝากับผู้ชายดีๆ สักคนจะได้หมดห่วง” วิกรมกล่าวกับภรรยาและบุตรชายถึงความเป็นห่วงที่มีต่อหลานสาว แม้จะเป็นหลานนอกไส้ที่เป็นลูกของน้องสาวภรรยาก็ตาม “กรองเองก็เหมือนกันค่ะ ที่เคี่ยวเข็ญให้เขาได้ออกไปเที่ยวไปใช้ชีวิต ก็เพื่อให้เขามีโอกาสได้พบเจอผู้คนนนี่แหละ แต่ก็อย่างว่านะ ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็คงต้องรอต่อไป เรื่องอย่างนี้มันต้องแล้วแต่บุญวาสนาจริงๆ” “ใช่ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าน้องไม่มีใครจริงๆ ผมจะดูแลน้องเอง” ปริญญาให้คำมั่นสัญญาเพราะเขารักธิญาดาราวกับน้องสาวที่คลานตามกันออกมา ธิญาดาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมจัดการเอกสารของร้านเหมือนทุกวัน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เริ่มงานโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ก็สั่นเมื่อมีข้อความเข้ามาในไลน์ “ใคร” หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะข้อความนั้นไม่ได้มาจากรายชื่อเพื่อนของเธอ แต่เป็นบุคคลปริศนาที่มีรูปโปไฟล์เป็นรถหรูสีขาว ‘ตื่นหรือยังครับคนสวย หวังว่าคุณคงไม่แฮงค์นะ’ ‘ใครคะ’ ธิญาดาพิมพ์ถามกลับไปด้วยความสงสัย แต่แทนที่เขาจะตอบกลับส่งรูปจดหมายน้อยที่เธอเป็นคนส่งให้เมื่อคืนนี้มาแทน ‘อยากเต้นรำกับคุณนักร้อง ได้ไหมคะ’ ธิญาดารู้ทันทีว่าเขาคือใคร แต่ที่ตกใจคือเขารู้ไลน์ส่วนตัวเธอได้ยังไง ‘คุณเอาไลน์เกรซมาจากไหน’ ‘คุณให้ผมเองเมื่อคืนนี้’ ‘ไม่จริง’ ‘ลองนึกดูดีๆ สิครับ’ ธิญาดาพยายามนึกว่าเธอให้ไลน์เขาไปตอนไหน ก่อนจะนึกได้ลางๆ ว่าเขาขอโทรศัพท์เธอไปแล้วเธอก็ส่งให้เขาอย่างมึนๆ งงๆ เขาคงเอาไปกดโทรเข้าเครื่องตัวเองและแอดไลน์เธอจากเบอร์โทรศัพท์ ‘เงียบแบบนี้จำได้แล้วใช่ไหมครับ’ ‘คุณมีธุระอะไรคะ’ ‘โถ่ ทำไมถามห่างเหินแบบนั้นล่ะครับ ผมไม่มีธุระอะไรหรอก นอกจากเป็นห่วงว่าคุณจะแฮงค์ เพราะดูจากเมื่อคืนแล้วคุณคงไม่ถนัดเรื่องดื่มสักเท่าไหร่ ผมเดาถูกไหมครับ’ ‘ถ้าไม่มีธุระอะไร เกรซขอตัวทำงานก่อนนะคะ’ ‘โอเคครับ แล้วเจอกัน’ การสนทนาเสร็จสิ้นไปสักครู่ใหญ่แล้ว แต่ธิญาดายังนั่งจ้องโทรศัพท์มือถืออย่างไม่วางตา ยอมรับว่าเธอรู้สึกแปลกๆ คล้ายกับจะตื่นเต้นดีใจที่เขาติดต่อมา แต่ก็ไม่กล้าจะยอมรับกับตัวเองนัก เพราะเธอเพิ่งเคยเจอกับเขาครั้งแรก แถมยังเจอในสถานที่อโคจรเสียด้วย และการที่เขาทิ้งท้ายอย่างนั้นยิ่งทำให้เธอแปลกใจ เพราะเขาดูมั่นใจเหลือเกินว่าจะได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน คงมีลูกค้าสาวๆ กลับไปฟังเขาร้องเพลงบ่อยๆ สินะ เมื่อคิดได้อย่างนั้นหญิงสาวก็บอกตัวเองให้เลิกสนใจและหันไปตั้งใจทำงาน เพราะการยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายอย่างเขามันอันตรายเกินไป ซึ่งเธอไม่ได้เจนจัดที่จะต่อกรกับผู้ชายอย่างเขาได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD