วันรับน้อง
ลานหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ เวย์นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงเก้าอี้ลายหินอ่อนหน้าตึก ใกล้สนามกีฬา ขณะที่พวกขวัญข้าวกำลังวิ่งเนื่องจากถูกลงโทษที่มาร่วมฟังกิจกรรมรับน้องช้า 2 นาที
“โอ้ย...เหนื่อย”
เสียงหอบถี่ ๆ ดังมาพร้อมฝีเท้าของหญิงสาวสองคนที่เพิ่งหยุดพักใต้ต้นไม้ริมสนามหญ้า
“แฮ่ก… แฮ่ก… ขวัญ แกช่วยบอกฉันหน่อยดิ…” โมเมพูดขึ้นทั้งที่ยังหายใจไม่ทันทั่วท้อง มือหนึ่งเท้าข้างเอว อีกมือชี้พุ่งไปทางม้านั่งใต้ร่มไม้
“ว่า… พี่เวย์ที่นั่งไขว่ห้างอย่างกับนายแบบบนปกแมกกาซีนตรงนั้นน่ะ… เกลียดอะไรแกนักหนา? ถึงได้มาลงโทษเราหนักขนาดนี้ เขาสั่งให้วิ่งรอบสนามสิบรอบนะเว้ย ไม่ใช่ซ้อมวิ่งโอลิมปิก!”
ขวัญข้าวที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่น แต่นัยน์ตาสีดำสนิทกลับไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทของตน
สายตาของโมเมยังจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้น เวย์ เวธัส อัศวเมฆา รุ่นพี่ปีสามคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล
เขานั่งไขว่ห้างอยู่เก้าอี้ลายหินอ่อน นั่งราวกับเป็นเจ้าของสนามกีฬา แผ่นหลังกว้างพิงพนักอย่างสบาย ๆ แต่แววตาคมเข้มที่มองมาอย่างเฉยชากลับเยือกเย็นจนขวัญต้องหลบตา
ความหล่อเหลาของชายหนุ่มราวกับเทพบุตรปั้นมาด้วยมือเทพ ทว่าเทียบไม่ได้กับความเฉยชาและท่าทางไม่ใส่ใจมนุษย์ร่วมโลก
“แกรู้จักเขามาก่อนใช่มั้ย?” โมเมหันขวับกลับมา
“…” ขวัญข้าวเงียบ เธอพยายามไม่พูดถึงอดีต ไม่เคยแม้แต่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย
แม้กระทั่งกับโมเม เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น
โมเมถอนหายใจเสียงดัง ยกมือปาดเหงื่อแรง ๆ “แกเงียบแบบนี้ฉันยิ่งอยากรู้ ฉันหมายถึง…พี่เขาไม่ใช่แค่เย็นชาเฉย ๆ อะขวัญ เขาแม่งเหมือนมีอะไรฝังใจ เหมือนเกลียดแกเข้าไส้เลยว่ะ”
ขวัญข้าวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ พูดเสียงแผ่ว ราวกับเล่าเรื่องที่ฝังลึกลงในกระดูก
“เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นแกไม่มาโรงเรียน และมันก็จะปิดเทอมแล้ว ตอนฉันอยู่มอสี่ พี่เวย์อยู่มอหก เป็นวันปัจฉิมของโรงเรียน…”
เสียงรอบข้างเหมือนหายไป เหลือแค่เสียงในใจเธอที่พูดผ่านความทรงจำ
“วันนั้นฉัน…สารภาพรักกับเขา”
โมเมเบิกตากว้างทันที
“แกสารภาพกับพี่เวย์เหรอ?!”
ขวัญข้าวพยักหน้าเบา ๆ แววตาค่อย ๆ วูบไหว
“ฉันรู้ว่าเขาหมั้นกับข้าว… ข้าวขวัญ พี่สาวฉัน แต่ตอนนั้นข้าวเองก็ไม่ได้ดูจะรักเขาสักเท่าไหร่ ฉันเลยบอกว่าฉันชอบพี่…แล้วถ้าพี่ชอบฉัน พี่ก็เปลี่ยนคนหมั้นได้นี่”
โมเมถึงกับอ้าปากพะงาบอย่างตกใจ “แล้วเขาว่ายังไง…”
“เขาปฏิเสธ… ปฏิเสธอย่างเย็นชา เหมือนคำพูดฉันมันไร้สาระและน่ารำคาญ” คนตัวเล็กเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาเหมือนจะมีน้ำใส ๆ คลออยู่บาง ๆ
“ฉันเสียใจมาก เดินร้องไห้ออกมาเรื่อย ๆ จนถึงสะพานใกล้โรงเรียน แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว… ฉันไม่ทันเห็นมัน…”
เสียงขวัญข้าวสั่นนิด ๆ
“และข้าว… พี่สาวฉัน… เธอมาเห็นพอดี เธอคว้าตัวฉันกระชากออกมา… แล้วตัวเอง… เธอ…”
เจ้าของใบหน้าสวยกลืนน้ำลาย พยายามกลั้นน้ำตาที่เกือบจะไหลอยู่รอมร่อ
“เธอถูกรถชนแทนฉัน… แล้วเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น”
โมเมยกมือขึ้นปิดปาก สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด นึกไปถึงตอนปิดเทอมได้ยินอยู่ว่าพี่สาวของขวัญเสียชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะช่วยน้องสาวของตัวเอง
“จากวันนั้น…พี่เวย์ไม่เคยแม้แต่จะมองหน้าฉัน เขาคงคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุ…ที่ข้าวต้องตาย แต่มันก็เพราะฉันจริง ๆ นั่นแหละ”
ขวัญข้าวหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ในใจมันปวดร้าวจนหายใจแทบไม่ออก
“ตลกดีนะ…ฉันรักเขา แต่เขากลับมองฉันเป็นคนที่พรากคนที่เขารักไป…”
โมเมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ
“…ขวัญ แกไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้ ถ้ามันยังเจ็บอยู่”
ขวัญข้าวส่ายหน้า ดวงตาแน่วแน่แม้จะมีน้ำคลอ
“บางที…แกควรรู้ไว้ เพราะฉันไม่เคยลืมเลยสักวินาที ว่าพี่เวย์เคยรักพี่สาวฉันแค่ไหน และเกลียดฉันได้แค่ไหน…”
สายตาของขวัญข้าวมองตรงไปยังเวย์ที่ยังนั่งนิ่งราวกับรูปสลักเย็นชา
“แต่ไม่เป็นไรหรอก…แค่วันนี้ ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ได้…ก็พอแล้ว”
ทันใดนั้น…ขณะที่สองสาวกำลังนั่งเล่าเรื่องอยู่ใต้ต้นไม้
“เร็ว ๆ หน่อย! พวกเธอจะเข้าร่วมฟังไหมกิจกรรมรับน้องน่ะ วิ่งครบกันหรือยัง?”
เสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงดังลอดมาจากชั้นสองของอาคารเรียน พร้อมกับท่าทางกอดอก มองลงมาด้วยแววตาเอือมระอา
ขวัญสะดุ้งนิด ๆ ตามสัญชาตญาณ
เธอเงยหน้าขึ้นมอง แต่อีกสายตาหนึ่งกลับเป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
เวย์ เวธัส ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ลายหินอ่อนเหมือนเดิม
ขาเรียวยาวของเขาไขว่ห้างอย่างเฉยชา มือสองข้างวางบนต้นขา และที่เจ็บที่สุด…
คือสายตานั้น
ดวงตาคมกริบที่เคยมองข้าว.....พี่สาวฝาแฝดด้วยความอ่อนโยน…
วันนี้กลับมองเธอราวกับเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่ามีตัวตนอยู่บนโลก
ไม่รู้ว่าทำไม…สายตานั้นถึงเย็นชาได้ถึงเพียงนี้
แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่ความเฉยเมยของคนที่ไม่รู้จักกัน แต่มันคือสายตาของคนที่ ‘ตั้งใจจะเกลียด’
คนตัวเล็กได้แต่สูดลมหายใจลึก ๆ เข้าปอด พยายามกลืนก้อนสะอื้นอึกใหญ่ลงคอ
จากนั้นหันไปหาคู่หูของเธอที่ยังทำหน้ามึนงงอยู่
“ไปต่อกันเถอะโมเม เหลืออีกแค่รอบเดียวเอง…เดี๋ยวจะถูกหาว่าอู้ไม่เข้าร่วมกิจกรรมอีก”
โมเมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรัก เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่ขวัญข้าวฉีกออกมา
ยิ้มที่ไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว
“แกไหวเหรอ…” โมเมถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
ขวัญข้าวพยักหน้า พร้อมกับยิ้มให้แรงขึ้นอีกนิด ทั้งที่ดวงตายังคงแวววาว
“ไหวสิ…แค่ความเกลียด มันไม่ทำให้ฉันล้มลงหรอก”
คำพูดที่เหมือนกล้าหาญ แต่เบื้องหลังกลับสั่นไหวราวกับข้างในใจใกล้จะพัง
เพียงชั่วพริบตาทั้งสองร่างบางก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง ฝีเท้าไม่ได้เร็วเหมือนตอนเริ่ม
แต่กลับหนักแน่นขึ้นในทุกย่างก้าว
ขวัญข้าวไม่กล้ามองย้อนกลับไปทางเวย์อีก
เพราะเธอรู้ดีว่า…แค่แววตาคู่นั้นครั้งเดียว มันก็เจ็บพอจะกัดกินหัวใจได้ทั้งดวง....