เมื่อวางสายจากรามัญแล้วริณเรณูก็ทำงานบ้านแต่ก็คอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเพราะกลัวว่าถ้าบิดาโทรศัพท์มาแล้วตัวเองจะไม่ได้ยินเสียง
เธอทำความสะอาดและทานอาหารเย็นเรียบร้อยก็เข้าห้องนอนและนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาค ขณะกำลังทำแบบฝึกหัดวิชาคณิตศาสตร์อยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เด็กสาวเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ที่เธอไม่ได้บันทึกไว้ก็ยิ้มด้วยความยินดีเพราะเดาจะเป็นเบอร์ของบิดาอย่างแน่นอน
ริณเรณูกดรับสายพร้อมกับกดปุ่มบันทึกเสียงสนทนาทันที
“สวัสดีค่ะ” เด็กสาวทักทายด้วยเสียงที่สดใส แต่อีกฝ่ายยังไม่ได้พูดอะไรแล้วเธอก็ได้ยินเสียงคนสองคนคุยกันเสียก่อน
“คุณใหญ่คุณทำแบบนี้กับศิตาได้ยังไง” เสียงเกรี้ยวกราดของผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“ผมทำอะไรให้คุณเหรอศิตา”
“คุณแอบทำอะไรลับหลังศิตาอย่าคิดว่าศิตาไม่รู้นะคะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” นครินทร์รีบปฏิเสธแต่ก็รู้สึกเสียวสันหลังเพราะกลัวว่าภรรยาจะรู้เรื่องที่ริณเรณูมาหาเขา
“เลขาของคุณบอกฉันว่ามีเด็กคนหนึ่งชื่อริณเรณูมาหาคุณที่บริษัท”
“อ๋อ เรื่องนี้เลขาผมก็บอกแล้วเหมือนกันแต่ผมไม่ได้เจอเด็กคนนั้นหรอกนะคุณมีอะไรหรือเปล่า คุณรู้จักเด็กคนนั้นเหรอศิตา” นครินทร์ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาต้องทำตัวนิ่งให้มากที่สุดเพราะถ้าหากเขาลนลานหรือมีพิรุธแม้แต่นิดเดียวภรรยาของจะต้องรู้เรื่องที่เอาแอบมีลูกไว้แน่นอน
“ฉันไม่รู้จักเด็กคนนั้นหรอกค่ะ แต่ชื่อของเด็กคนนั้นมันแปลกมาก”
“แปลกยังไง”
“ก็มันเหมือนชื่อคุณกับบวกกับชื่อของเมียเก่าคุณยังไงล่ะ”
“เมียเก่าเหรอ” เขาแกล้งขมวดคิ้วเหมือนจำไม่ได้
“อย่าบอกนะว่าคุณลืมผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว”
“ผู้หญิงคนไหน”
“เรื่องผู้หญิงที่คุณเคยแต่งงานด้วยเมื่อสิบเจ็ด ปีก่อนยังไงล่ะ”
“เรื่องมันนานขนาดนั้นแล้วผมก็ลืมไปบ้างสิ ผมงานเยอะจะตายจะให้จำเรื่องที่ผ่านมานานแบบนั้นได้ยังไง ว่าแต่จู่ๆ คุณจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมล่ะศิตา”
“ฉันคิดว่าเด็กคนนั้นน่าจะเป็นลูกของคุณกับเรณู”
“คุณคิดแบบนั้นได้ยังไงกัน คุณก็เห็นเหมือนผมไม่ใช่เหรอว่าเรณูแต่งงานไปแล้ว”
“ใช่ค่ะฉันเห็นว่าเรณูแต่งงานใหม่กับผู้ชายคนอื่นไปแล้วเพราะมีคนส่งรูปมาให้คุณที่บริษัท”
“ผมว่าเรื่องเด็กคนคนเมื่อวานไม่เกี่ยวกับผมเลยนะ”
“แต่ฉันก็ยังไม่วางใจอยู่ดีบางทีคุณอาจจะกลับไปติดต่อกับเธออีกก็ได้”
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง คุณลองคิดดูนะถ้าเด็กนั่นเป็นลูกของผมจริงๆ แล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำไมเธอไม่ติดต่อผมมาเลยล่ะ ผมมีคนรู้จักเยอะและมีชื่อเสียงฝ่ายนั้นก็น่าจะต้องรีบพาลูกมาแสดงตัวสิไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้”
“นั่นสิคะคุณมีชื่อเสียงคุณมีเงินทองถ้าเรณูท้องกับคุณจริงป่านเธอก็คงอุ้มลูกมาหาคุณตั้งนานแล้ว ยิ่งคนบ้านนอกแบบนั้นก็คงจะหวังรวยทางลัด ว่าแต่คุณเถอะไม่ได้แอบติดต่อกับแม่นั่นอีกนะ”
“โธ่ศิตาคุณมั่นใจในตัวเองหน่อยสิ คุณทั้งสวยทั้งมีการศึกษาดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วแล้วผมจะกลับไปหาผู้หญิงบ้านนอกแบบนั้นได้ยังไง”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะคะบางทีคนเราก็ชอบความแปลกใหม่”
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกที่ผมแต่งงานกับเธอเพราะชอบความแปลกใหม่ ชอบความใสซื่อแต่ผู้หญิงแบบนั้นจะมาเคียงคู่กับผมในสังคมได้ยังไง มีแต่คุณเท่านั้นแหละศิตาที่เป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับผมมากที่สุด ผมไปอยู่บ้านนอกมีผู้หญิงสวยๆ มาสนิทสนมด้วยมันก็ต้องมีเผลอกันบ้าง”
“แต่คุณก็แต่งงานกับเธอนะ ถ้าแค่เผลอจะแต่งงานทำไม”
“แล้วผมได้พาใครที่กรุงเทพไปร่วมงานแต่งงานของเธอไหมล่ะ พ่อกับแม่ผมยังไปเลย มันก็เป็นการแต่งงานเล็กๆ เพื่อให้เธอตายใจพอผมย้ายกลับมากรุงเทพทุกอย่างมันก็จบแล้ว”
“แต่ฉันเห็นว่าคุณยังพยายามติดต่อเธออยู่”
“มันก็แค่การพยายามติดต่อแต่ผมก็ไม่ได้ติดต่อเธอไปจริงๆ นี่สำหรับผมจบก็คือจบผู้หญิงสวยหวานมันอาจจะทำให้เราหลงรักได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ถ้าอยู่ด้วยทุกวันผมคงเบื่อแย่ เธอต่างจากคุณมากเลยนะศิตาคุณทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคุณก็ยังสวยและเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก”
“คุณพูดเพื่อแกล้งเอาใจฉันใช่ไหม”
“ถ้าผมจะพูดเพื่อเอาใจคุณจริงๆ ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับคุณมานานขนาดนี้เหรอศิตาอย่าคิดมากไปเลย เรื่องผู้หญิงบ้านนอกคนนั้นไม่เคยอยู่ในหัวของผมเลยนะ”
“แล้วถ้าหากตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเธอเลิกกับผัวแล้วกลับมาหาคุณล่ะ”
“ผมไม่กลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่า”
“ฉันขอถามคุณหน่อยสิถ้าตอนนั้นคุณมีสิทธิ์เลือกระหว่างฉันกับผู้หญิงบ้านนอกคนนั้นคุณจะเลือกใคร”
“ยังต้องให้ผมตอบคำถามนั้นอีกเหรอ ผมก็ต้องเลือกคุณอยู่แล้วคุณสวยมีการศึกษามีเสน่ห์ดูยังไงก็ไม่เบื่อ”
“ขอบคุณนะคะที่เลือกศิตาแต่ถ้าครั้งหน้าเด็กคนนั้นมาขอเจอคุณอีกคุณต้องรีบบอกฉันนะคะ ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร”
“คุณก็สั่งประชาสัมพันธ์ไว้สิว่าถ้าเด็กคนนั้นมาตามหาผมก็ให้พามาเจอคุณก่อนก็ได้ผมบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว”
“ต่อไปถ้ามีใครมาขอพบคุณฉันจะให้ประชาสัมพันธ์แจ้งฉันก่อนได้ไหม”
“ได้สิ แต่ต้องดูด้วยนะว่าใช่ลูกค้าหรือเป็นคนที่มาติดต่อเรื่องงานหรือว่าแต่วันนี้ไปช้อปปิ้งมาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็สนุกดีค่ะฉันกับลูกซื้อเสื้อผ้าเตรียมไปเที่ยวยุโรปด้วยกันว่าแต่คุณจะไม่ไปยุโรปกับเราจริงๆ เหรอคะ”
“ไม่หรอกผมอยากให้คุณกับลูกได้เที่ยวกันอย่างสนุกเต็มที่ถ้าผมไปก็กลัวว่าจะทำให้พวกคุณหมดสนุกเพราะคงไปได้ไม่นาน คุณกับลูกเตรียมตัวไปช้อปปิ้งด้วยนะงานนี้ผมเปย์ไม่อั้นเลย”
ริณเรณูบันทึกเสียงสนทนาไว้เพียงแค่นี้เพราะเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันต่อนั้นมันไม่เกี่ยวกับเธออีกต่อไป เด็กสาวน้ำตาไหลอาบแก้มระหว่างที่ฟังบิดาของเธอพูดถึงมารดา
ริณเรณูผิดหวังเสียใจและโกรธอย่างที่สุด คำพูดเหล่านั้นมันไม่น่าจะออกมาจากปากคนที่มารดาของเธอรักจนสุดหัวใจเลยสักนิด
ถ้ามารดารู้ว่าตนเองถูกพูดถึงแบบนี้ก็คงเสียใจและผิดหวังมากกว่าเธออีกหลายเท่า ริณเรณูคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันที่เธอได้รู้ธาตุแท้ของผู้เป็นบิดาและจากนี้เธอจะไม่เรียกเขาว่าพ่ออีกต่อไป ส่วนเรื่องที่เขาจะมาเยี่ยมมารดาของเธอหรือเปล่านั้นเธอคิดว่าคงเป็นไปได้ยากมากและถ้าเขามาจริงๆ เธอคงปล่อยให้เขาเยี่ยมมารดาตามลำพังเพราะเธอไม่อาจจะทนมองหน้าเขาได้อย่างแน่นอนคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาแต่ละคำทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นในใจ
ริณเรณูนั่งมองโทรศัพท์อยู่นานเพราะอยากให้โอกาสเขาโทรกลับมาแก้ตัวว่าที่พูดออกไปเพราะไม่อยากมีปัญหากับภรรยา แต่เขาก็ไม่โทรกลับมาเลย เด็กสาวอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เขาพูดกับผู้หญิงที่ศิตานั้นคือเรื่องจริงและที่เขาโทรศัพท์มาหาวันนี้ก็คงเพราะอยากจะบอกให้เธอเลิกยุ่งกับเขา
ตอนนี้ริณเรณูสับสนมากเธอไม่รู้ว่าอะไรคือเรื่องจริงกันแน่เพราะรามัญบอกว่าบิดาดีใจที่รู้ว่าคือไปหาและยินดีจะมาเยี่ยมซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคุณนครินทร์