ฟรินท์เข้ามาทำงานที่บริษัทเกือบสิบโมงเช้า โดนคนเป็นพ่อที่เจ้าระเบียบในเรื่องเวลาต่อว่าเล็กน้อยที่เขาทิ้งเอกสารกองโตไว้ไม่ดูตั้งแต่เมื่อวาน น่าจะตั้งแต่เรนเดียร์โทรหาเขา หลังจากนั้นเขาก็รีบบึ่งรถไปรับเธอจนลืมเรื่องอื่นไปเสียสนิท
ทำให้วันนี้ทั้งวันเขาก็วุ่นเซ็นเอกสารและอนุมัติงานแผนกต่าง ๆ จนไม่มีเวลาแม้แต่ออกไปกินข้าวเที่ยง ได้เงยหน้าขึ้นตอนที่เลขาหน้าห้องเดินเข้ามาแจ้งภารกิจในช่วงบ่ายของวัน
“บ่ายโมงแล้ว คุณฟรินท์ไม่ทานข้าวเหรอคะ ให้ดิฉันไปซื้ออะไรมาให้ทานดีกว่าค่ะ”
อรปรียาเลขาส่วนตัวเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเจ้านายหนุ่มไม่ออกจากห้องทำงานเลยตั้งแต่สิบโมงเช้า
“ช่วงบ่ายมีอะไรบ้าง เผื่อว่าผมจะไปกินช่วงนั้น”
“บริษัทอัศวรักษ์จะเข้ามาเซ็นสัญญาโครงการก่อสร้างรีสอร์ทที่ระยองค่ะ ท่านประธานมอบหมายให้คุณฟรินท์เป็นคนจัดการแทน”
ฟรินท์ยิ้มกริ่มนึกขอบใจคนเป็นพ่อ หลังจากถูกท่านต่อว่าเมื่อเช้าก็รู้สึกคุ้มค่าขึ้นมาทันที เมื่อท่านส่งโครงการนี้มาให้เขาทำ ก็เพราะบริษัทที่ว่าก็คือบริษัทของลุงเสือ และถ้าให้เขาเดาไม่ผิดโครงการนี้ต้องเป็นเรนเดียร์ที่ดูแลแน่นอน เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ใกล้ชิดเธอนอกเหนือจากในคอนโดบ้าง
“งั้นผมรอเซ็นสัญญาเสร็จก่อน ค่อยออกไปกินข้าวทีเดียว”
พูดจบเขาก็เร่งเซ็นเอกสารที่เหลือให้เรียบร้อยก่อนที่เรนเดียร์จะมา พอมีแรงจูงใจงานทุกอย่างก็เสร็จเร็วขึ้น และก็เป็นไปตามคาดคือคนของอัศวรักษ์ที่รับผิดชอบโครงการนี้คือเรนเดียร์จริง ๆ
“ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ”เสียงทุ้มพูดลอดไรฟันตอนที่เห็นหน้าเธอ เพราะเธอมากับเลขาส่วนตัว เขาเลยต้องทำเหมือนไม่ได้สนิทสนมกับเธอเป็นพิเศษ
“แน่ใจว่าไม่คิด ฉันเห็นนายยิ้มกริ่มมาแต่ไกล”
หญิงสาวเองก็พูดเสียงเบากลับมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานของเขา ซึ่งตอนนี้เลขาของชายหนุ่มกำลังเตรียมเอกสารทุกอย่างกางไว้บนโต๊ะ
“อันนี้เป็นข้อเสนอของบริษัทนะครับ ท่านประธานกำชับมาว่าให้ทางคุณฟรินท์อ่านให้ละเอียดก่อนนะครับ”
อัทธ์เลขาส่วนตัวของเรนเดียร์ยื่นแฟ้มเอกสารให้ฟรินท์ ตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะอ่านเพราะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมกันมานาน แต่เมื่อโดนพูดใส่แบบนี้ก็จำต้องรับมาอ่านด้วยความไม่พอใจ ยิ่งเมื่อเห็นความสนิทสนมของเรนเดียร์กับเลขาคนนั้น เขาก็ได้แต่นั่งข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีเลขาส่วนตัวเป็นผู้ชายที่ดูดีขนาดนี้ อายุน่าจะมากกว่าเธอหลายปีอยู่ แต่ความหล่อของผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดาเลย
เมื่ออ่านจบเขาก็ปิดเอกสารทันที ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นในส่วนของตัวเองเรียบร้อย ก็ดันแฟ้มไปตรงหน้าหญิงสาวข้าง ๆ จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฟรินท์ก็เอ่ยปากชวนหญิงสาวไปทานข้าวต่อหน้าเลขาทั้งสองคน
“ไปทานข้าวเที่ยงกันนะครับ”
เรนเดียร์ไม่คิดว่าเขาจะพูดโพล่งออกมาแบบนี้ เลยถลึงตาใส่เขาไปหนึ่งที ก่อนจะหันไปหาอัทธ์เลขาส่วนตัว“เดี๋ยวเรนกลับบริษัทเองค่ะ พี่อัทธ์กลับไปจัดการเอกสารโครงการให้เรียบร้อยนะคะ”
เลขาหนุ่มพยักหน้า รวบเอกสารทุกอย่างและเดินออกจากห้องทันที ส่วนอรปรียาก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน เมื่อทุกคนเดินออกไปหมดและเหลือแค่เขาสองคนยืนอยู่ ฟรินท์ก็เดินเข้าไปรวบกอดหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมานั่งบนตักทันที หอมแก้มเธอแรง ๆ หลายฟอด
“ปล่อยนะฟรินท์ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็น”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอก จะทำมากกว่านี้ก็ยังได้”แววตากรุ่มกริ่มของคนตัวสูงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกนึกกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นจริง ๆ
“พอเลยฟรินท์ นายมันคนเจ้าเล่ห์ เมื่อเช้าก็เพิ่งทำไปหยก ๆ”
“เมื่อเช้าก็ของเมื่อเช้าสิ ตอนนี้มันบ่ายแล้ว สักรอบเอาหรือเปล่า”
เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่ได้พูดเล่น เธอก็พยายามสะบัดตัวออกจากตักแกร่งของเขา ย่นคอหนีการรุกรานจากจมูกโด่งที่เอาแต่ไซร้ซอกคอของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกจักจี๋และอยากหัวเราะออกมา
“พะ พอ ดะ ได้แล้ว ฉันหิวข้าว”
ฟอด! ฟอด!
คนตัวสูงแกล้งหอมแก้มเธอไปอีกหลายฟอด ก่อนจะซบลงตรงไหล่บางของเธอ“เพิ่งรู้ว่าเธอมีเลขาเป็นผู้ชาย”
“พี่อัทธ์เป็นเลขาของพ่อที่ยกให้ฉันเมื่อเดือนที่แล้ว พี่เขาทำงานเก่งเหมาะที่จะช่วยงานฉัน”
“แล้วทำไมต้องเรียกเสียสนิทขนาดนั้นด้วย ฉันยังเรียกเลขาว่าคุณอรเลย ทำไมเธอไม่เรียกว่าคุณอัทธ์เหมือนฉัน”
เรนเดียร์จับน้ำเสียงคนตัวสูงได้ว่ากำลังออกอาการหึงเธออีกแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟรินท์มักเป็นแบบนี้เสมอ จะหึงหวงเวลามีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอ และจะหาเรื่องลงโทษเธอทุกครั้ง ทั้งที่เธอพูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่มีอะไร เธอไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายพวกนั้น
“ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วนะฟรินท์ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนในโลกนี้ ก็ไม่เคยมีใครได้ใกล้ชิดกับฉันนอกจากนายคนเดียว แค่นี้นายยังไม่พอใจอีกเหรอ”
“ฉันจะพอใจก็ต่อเมื่อเธอบอกเรื่องของเราให้คนอื่นรู้สักที”เสียงทุ้มพูดพึมพำเสียงเบา แต่ทว่าคนตัวเล็กได้ยินอย่างชัดเจน คราวนี้เธอใช้มือจับใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้เงยขึ้นมามองหน้าเธอตรง ๆ
“เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ฉันคิดมาตลอดว่านายเข้าใจ แต่นายก็เอาแต่พูดแบบนี้”
“…..”
“ตอนนี้เราก็มีความสุขกันดีนะฟรินท์ หรือที่ผ่านมานายไม่มีความสุขกับสถานะนี้ของเรา”
คนตัวสูงถอนหายใจ เขาไม่มีคำโต้แย้งเรื่องที่เธอถาม แต่มันคนละเรื่องกับสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อกี้ เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พอเขาพูดเรื่องนี้เธอก็จะหาเหตุผลเรื่องอื่นมาหักล้าง จนเขาไม่สามารถเถียงเธอออกไปได้ เพราะเขากลัวว่าหากเขาพูดบางอย่างออกไป แล้วเรื่องของเราสองคนจะไม่เหมือนเดิมอีก
“มีความสุขสิ แค่อยากมีความสุขตอนอยู่ข้างนอกกับเธอบ้าง อยากพาไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเดินห้าง เธอไม่อยากมีช่วงเวลาแบบนั้นกับฉันหรือไง”
จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขามีข้อเสียอะไร ที่ทำให้เธอไม่ยอมเปิดตัวเขาสักที ทั้งที่พ่อกับแม่ของเธอก็เอ็นดูเขามากอยู่ ท่านทั้งสองคนยังชมเขาว่าเก่งอยู่หลายครั้ง แต่คนตรงหน้ากลับให้เขาเป็นได้แค่คนในความลับของเธอมาสามปีเต็ม
“ก็ตอนนี้ไง ที่ได้ทำโครงการนี้ เราก็น่าจะได้เจอกันบ่อย มีไปออกไซต์งานที่ระยองด้วยกัน ค่อยถือโอกาสนั้นเที่ยวกันก็ไม่แปลก”แววตาชายหนุ่มเป็นประกายขึ้นมาทันที เมื่อเธอพูดแบบนี้
“จริงนะ เราไปเช่ารีสอร์ทสวย ๆ แล้ว…”
“เอากัน”เรนเดียร์พูดออกมาเพราะแค่มองตาเขา เธอก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไรออกมา แต่เขากลับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะตลกที่เธอพูดออกมาแบบนั้น
“ฮ่า! ฮ่า! ใครบอกว่าฉันจะพูดแบบนั้น แค่เอากันที่คอนโดก็พอแล้วมั้ง”
“….”
“ที่ฉันจะพูดก็คือเช่ารีสอร์ทสวย ๆ ไว้พักผ่อน นอนเล่นริมทะเล หรือไม่ก็เล่นน้ำทะเลต่างหาก”
“สาบานว่านายคิดแบบนั้น เมื่อกี้จะยังจะเอาฉันอยู่เลย”
ฟอด! ฟอด!
เขาก้มลงหอมแก้มป่องของเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว“ก็ใครใช้ให้เธอน่าเอาขนาดนี้ รู้ตัวหรือเปล่าว่าทุกวันนี้ฉันเอาแต่คิดถึงเวลาที่เธอโยกอยู่บนตัวฉัน”
“ลามกที่สุด ลุกขึ้นไปกินข้าวได้แล้ว ถ้านายไม่กินฉันจะกลับไปกินที่บริษัทกับพี่อัทธ์”เธอแกล้งเอ่ยชื่อเลขาส่วนตัวออกมา ซึ่งก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มจับตัวเธอให้ลุกขึ้น แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินนำหน้าเธอออกนอกห้องทันทีโดยไม่พูดอะไร แต่แค่เห็นเสี้ยวหน้าหล่อของเขา เธอก็รู้ว่าเขากำลังออกอาการหึงเธออีกแล้ว