ป้องภพเดินไปกับเธอเงียบ ๆ ไม่ได้ถามว่าเธอและตุลย์ภพพูดอะไรกัน แต่เขาสังเกตสีหน้าของเธอว่ารู้สึกไม่ค่อยดีนัก ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“คุณโอเคใช่ไหม” ป้องภพถามเธอด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวหันมายิ้มเศร้าให้กับเขา นี่เธอแสดงออกได้ชัดเจนเลยหรือว่าไม่โอเค แต่ก็นะเธอมันคนที่โกหกใครไม่เก่งอยู่แล้วนี่นา
“มันจบแล้วค่ะ จากนี้ต่างคนต่างอยู่ หากเขาไม่มาวุ่นวายกับฉัน ฉันก็โอเคค่ะ” พินดาราพยายามทำใจ หากเธอยังทำงานกับป้องภพอย่างไรก็ต้องเจอเขาอยู่แล้ว
“คุณพักที่ไหน ให้ผมไปส่งนะ วันนี้เย็นแล้วหิวหรือเปล่าแวะกินข้าวก่อนไหม” เขาใช้งานเธอจนลืมเวลาอาหารไปเลยด้วยซ้ำ ปกติเขาจะกินมื้อเย็นทีเดียว ตอนเช้าตื่นสายก็จะดื่มกาแฟถ้วยเดียว
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ คุณภพส่งฉันที่รถไฟฟ้าด้านหน้านี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันนั่งรถไฟฟ้ากลับสะดวกกว่า” ที่จริงเธอไม่อยากให้เขาไปเห็นความเป็นอยู่ของเธอต่างหากว่ามันน่าสมเพชขนาดไหน
แต่ทว่าชายหนุ่มก็ดื้อแพ่งจะไปส่งเธอให้ได้
“ผมไปส่งดีกว่า จะได้ดูด้วยว่าคุณอยู่ยังไง อยู่คนเดียวอันตรายนะครับ” ป้องภพไม่รู้ทำไมจะต้องห่วงเลขาของตัวเองขนาดนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เจอกันวันแรก คงเพราะเรื่องราวชีวิตของเธอที่น่าสงสารและน่าเห็นใจ ทำให้เขาอยากรู้ความเป็นอยู่ของเธอ
“พินอยู่ห้องเช่าชั่วคราวค่ะ ยังไม่ได้หาที่พักถาวร เพราะต้องดูว่าได้งานที่ไหน ตอนนี้รู้ว่าได้ทำงานกับคุณภพแล้ว เดี๋ยวพินจะหาห้องพักที่ใกล้ที่ทำงานค่ะ จะได้เดินทางสะดวก” พินดาราบอกเขาไปตามตรง แต่อย่างไรเธอก็ไม่อยากให้เขาไปส่งที่ห้องเช่าชั่วคราวอยู่ดี
“อย่างนั้นก็ดีครับ ผมพาคุณหาที่พักดีกว่า”
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องเกรงใจ ลูกน้องผมต้องอยู่ดีกินดี ไม่อย่างนั้นเสียชื่อบริษัทผมแย่” เขาไม่คิดว่าจะให้เธอไปอยู่ที่คับแคบอึดอัดอยู่แล้ว การที่เธอมาเป็นเลขาของประธานบริษัท ความเป็นอยู่ของเธอก็ต้องดีด้วยสิ
....
ตุลย์ภพเจ็บใจที่แม่พินดารามาปีกกล้าขาแข็งกับเขา จึงแอบขับรถตามทั้งสองคนมา ทั้งที่ไม่รู้จะตามมาทำไมเหมือนกัน
“จะขับ ๆ จอด ๆ อะไรนักหนาวะ! หาที่ขึ้นกันไม่ได้หรือไง” เขาหงุดหงิดนัก จะขับตามประชิดเดี๋ยวแม่นั่นก็คิดว่าเขาตามหึงตามหวงเธออีก จะขับห่างไปก็เดี๋ยวจะตามไม่ทัน
ทั้งคู่จอดรถหน้าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งและลงรถหายไปกันสักครู่แล้วก็กลับเข้ามาในรถ และขับออกไปต่อ
“พวกนี้จะไปไหนกัน” เขาหัวเสียขับไปบ่นไป จนเมื่อสายเรียกเข้าของเพียงพิธาเข้ามา
เพียง: ตุลย์ว่างไหมคะ
ตุลย์: ครับ เพียงมีอะไรหรือเปล่า
เพียง: ทานข้าวเป็นเพื่อนเพียงหน่อยได้ไหมคะ
ตุลย์: ที่ไหนเดี๋ยวผมไป คุณส่งโลเคชั่นมาเลยครับ
เขากดวางสาย เพราะกลัวจะตามไม่ทันสองคนนั้น แล้วรถก็ไปจอดอยู่ห้องพักเก่า ๆ โทรม ๆ ครู่ใหญ่ก็เห็นแม่นั่นขนกระเป๋าขึ้นรถไปกับป้องภพ
“นี่คงไม่ได้ไปอยู่ด้วยกันหรอกนะ” เขากำหมัดแน่นทุบเข้ากับพวงมาลัยรถอย่างเดือดดาล
“นังผู้หญิงสำส่อน...ร่านนัก แค่ห่างผู้ชายไม่ถึงสองเดือนก็ดิ้นเร่า ๆ อยากได้อันใหม่แล้วเหรอ” เขานึกถึงคืนแต่งงานที่ได้เปิดบริสุทธิ์ของเธอ ไม่คิดว่าเธอจะร่านขาดของไม่ได้ ท่าทางเหมือนผู้หญิงรักดี แต่ไม่คิดว่าจะไวไฟจับผู้ชายได้ปานวอก
ป้องภพกับพินดารามัวแต่ขนของขึ้นรถนั้นจึงไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งตามทั้งคู่มา จนเมื่อโทรศัพท์ของพินดาราโชว์รูปในแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งเป็นรูปเธอและเขาเข้าไปหาห้องพักพร้อมกับข้อความประกอบ
“ร่านให้มันน้อย ๆ หน่อย”
“คุณล่ะ อาลัยฉันมากเหรอคะ หรือติดใจ”
หญิงสาวก็ไม่ยอมเช่นกัน สะกดรอยตามมายังมาถ่ายรูปของเธออีก นี่จะรู้ให้ได้เลยใช่ไหมว่าเธออยู่ที่ไหนทำอะไร ทั้งที่จบกันไปแล้ว ทำไมเขายังไม่อยากจบ
ตุลย์...“ท่อนไม้อย่างเธอฉันไม่พิศวาสหรอก”
พิน...“แต่ที่คุณทำเหมือนกำลังหึงนะคะ”
ตุลย์ภพ เสียหน้าที่สุดที่ให้แม่คนหลงตัวเองว่าเขาเอาได้ เขาก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน อยากให้อยู่ต่อหน้านัก ดูสิจะปากเก่งเหมือนอย่างที่พิมพ์ไหม
ตุลย์...“ฉันเห็นแก่หน้าฉันนามสกุลฉันหรอก เธออย่าพึ่งหลงตัวเองไป”
พิน...“พอดีว่าฉันไม่ได้ใช้นามสกุลคุณนะคะ ไม่เห็นต้องห่วง”
พินดาราปิดโทรศัพท์และไม่คุยกับเขาอีก เขาอยากส่งอะไรมาก็ส่งไปคนเดียว เธอไม่อยากรับรู้ด้วย ตอนนี้ขอเพียงมีที่นอนเธอก็จะนอนให้สบายใจ ไม่ต้องคอยระแวงว่าเขาจะไม่พอใจสิ่งใด
พอกันที นรกที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้เธออยู่ใต้อาณัติ มันไม่มีอีกแล้ว เชิญเขาเสพสุขบนวิมานเพียงภัทรากับบรรดาคู่ขาให้พอใจ
ตุลย์ภพขับรถมาถึงร้านอาหารในเวลาหนึ่งทุ่ม แต่สีหน้าเขาไม่ค่อยพอใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นพินดาราอยู่กับผู้ชายอื่น เขาไม่ชอบให้เธอมีที่หมายใหม่ เขาอยากเหยียบให้เธอจมอยู่แทบเท้าเขา
เวลาแม่นั่นตีสยายปีกเหมือนนกที่แข็งแกร่ง เขารู้สึกขัดใจนัก
“ไม่น่าปล่อยให้ออกจากบ้านไปเลยให้ตายสิ...!” ขณะรออาหารเขาก็เผลอสบถขึ้นมาดื้อ ๆ จนทำให้เพียงพิธาสงสัยว่าเขาไม่พอใจใคร
“ตุลย์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ อารมณ์เสียมาจากไหน” หญิงสาวที่อยากจะจับตุลย์ภพถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเชื่อมฟังหวานหู เพื่อให้เขารู้สึกสบายใจและผ่อนคลาย
ผู้ชายร้อยทั้งร้อย แค่ผู้หญิงออดอ้อนเอาใจก็เสร็จทุกราย ตอนนี้เพียงพิธาแทบไม่ต้องถ่ายละคร เดินแบบหรือรับพรีเซนเตอร์เธอก็อยู่ได้ เพราะเขาเป็นสปอนเซอร์ใหญ่
เธอร่ำร้องอยากเป็นนายหญิงบ้านเพียงภัทรามานานแสนนาน ผู้ชายรูปหล่อ บ้านรวย แม่ตาย นี่มันสเปกในฝันชัด ๆ ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว
เพียงพิธาที่นึกถึงยัยทึ่มนั่น ที่เอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัว อุตส่าห์ได้เป็นถึงนายหญิงแล้ว กลับคว้ามันไว้ไม่ได้ น่าสงสารนัก แต่แข่งอะไรก็แข่งได้ ของอย่างนี้มันอยู่ที่บุญพาวาสนา หากตำแหน่งนายหญิงเพียงภัทรามันจะเป็นของเธอ ให้ตายใครก็แย่งมันไปไม่ได้ เธอต้องได้เป็นเพียงพิธา เพียงภัทรา อย่างแน่นอนเธอมั่นใจมาก
“เปล่าหรอกครับ แค่คนใช้ลาออกไปนะ ผมกำลังหาคนใหม่อยู่” ใช่เธอมันก็แค่คนรับใช้ในบ้านของเขา ไม่เห็นได้สลักสำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด
“ให้เพียงหาให้ไหมคะ เดี๋ยวจะหาคนที่ดีและถูกใจคุณให้เองค่ะ” ที่จริงเธอก็อยากวางคนของตัวเองไว้ในบ้านนั้นบ้าง แต่ทว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจจะเข้าไปได้ มีเพียงตอนนี้สบโอกาสเหมาะจริง ๆ
“อย่าดีกว่าครับ คนน้อยดีเหมือนกัน ผมไม่ชอบวุ่นวาย” เขาไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายในบ้านเพียง
ภัทรา มันคงติดในสายเลือดที่คนในบ้าน ต้องเป็นคนเก่าแก่ที่ไว้ใจได้ ตอนนี้ก็มีแค่เขาที่อยู่บ้านหลังนั้น คงไม่ต้องการให้คนมาดูแลมากมายนัก
“อ๋อ...ค่ะ” เพียงพิธายิ้มใบหน้าเจื่อนลงทันที เมื่อเขาปฏิเสธน้ำใจ แต่เธอก็ไม่เซ้าซี้เอาแต่ใจ อยากให้เขาตามใจเหมือนผู้หญิงอื่น ผู้หญิงเราต้องมีรุกมีถอย ยามใดรุกได้รุก ยามใดต้องถอยเธอก็ถอย ไม่ว่ายทวนกระแสน้ำให้เหนื่อย เธอถึงได้ควงกับเขาได้ยาว
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอึมครึม สุดท้ายก็จบลงที่ดื่มไวน์แล้วก็นั่งฟังเพลงได้เพียงครู่เดียวเขาก็ขอตัวกลับก่อน
“ผมมีงานต้องสะสาง เดี๋ยวกลับก่อนนะครับ” เขาลุกขึ้นยืนเพื่อจะกลับบ้าน วันนี้เขาดูหงุดหงิดไม่อยากอยู่กับใครอยากอยู่คนเดียวมากกว่า
“ค้างกับเพียงไหมคะ เพียงกลัวคุณเหงา”
“ไว้โอกาสหน้าดีกว่า”
เขาไม่ยอมให้เธอได้เอ่ยคำที่รั้งเขาไว้ต่อ หันหลังเดินออกจากร้านอาหารหรูในโรงแรมไปทันที
เพียงพิธาไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอทำได้แค่เป็นผู้หญิงน่ารัก ไม่เรื่องมากเท่านั้น หากทำเหมือนพวกผู้หญิงหน้าโง่เหล่านั้น เธอจะจับเขาไว้ไม่ได้
ห้องพักใหม่...
พินดาราเสียเวลากับการจัดของห้องใหม่เสียนาน ต้องขอบคุณป้องภพที่หาห้องดี ๆ ราคาถูกให้เธอ แถมยังใกล้ที่ทำงานเดินทางได้สะดวกอีกด้วย เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว เธอไม่รู้สึกหิวใด ๆ ตอนนี้ตู้เย็นก็มีเพียงน้ำเปล่ากับไข่ แล้วก็มาม่า แม้แต่ข้าวสารเธอก็ไม่ได้ซื้อ เพราะเครื่องครัวเธอยังไม่ได้หามา แต่ทว่าที่นี่มีกระติกทำน้ำร้อนที่ดีกว่าแบบพกพาที่เธอมี กับไมโครเวฟที่สามารถอุ่นอาหารได้ นั่นทำให้เธอทุ่นเรื่องค่าใช้จ่ายในเรื่องการกินไปได้ส่วนหนึ่ง
“สู้ต่อไปนะพิน”
เธอให้กำลังใจด้วยเอง หากพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก็พบสารพัดคำก่นด่าของตุลย์ภพ ที่ทำเหมือนเธอไปด่าพ่อล้อแม่เขาก็ไม่ปาน
“อะไรนักหนา...นี่ยังไม่จบใช่ปะ”
พินดารามองดูมือถือที่ยังไม่หยุดพิมพ์ส่งคำด่าเข้ามา เหมือนเขาเป็นคนโรคจิตที่เห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้
“ใบหย่าก็ได้แล้ว”
“จะเอาอะไรอีกคะ”
“หรือติดใจท่อนไม้?”
เธอตอบโต้เขาบ้าง ประสาทคนอะไร เมื่อไม่อยู่ให้เหม็นขี้หน้าก็ยังส่งข้อความมา ประสาทกันไปใหญ่แล้ว
“หนึ่งเดียวที่ฉันแคร์ คือวาดนภา...อย่างอื่นก็แค่ขยะ”
ตุลย์ภพได้เห็นข้อความที่เธอส่งกลับ ก็รู้สึกแสบร้อนเหมือนแผลสดโดนทิงเจอร์ราดก็ไม่ปาน
“นังคนเนรคุณ...นังแพศยา...ผู้หญิงร่าน”
“หากฉันร่าน คุณก็แค่หมาติดสัดเดือนสิบสอง เอาไม่เลือก เอาแม้กระทั่งในบ้านที่แม่กำลังป่วย หึ...เลวกว่าฉันอีกกี่เท่ากัน” พินดาราทั้งโกรธทั้งโมโห เลยเลือกจะปิดเสียงแจ้งเตือนแล้วไปอาบน้ำนอน
ตุลย์ภพที่ด่าแล้วเธอไม่อ่านก็เขวี้ยงโทรศัพท์ระบายอารมณ์
“คอยดูฉันเจอเธอเมื่อไหร่ จะบีบคอให้ตายไปเลย”
เพล้ง...!
เสียงแก้วแตกในบ้านเรียกให้แจ๋วสะดุ้งตื่นขึ้นหลังจากนอนไปเมื่อสองทุ่ม
“เฮ้อ...คุณตุลย์ภพ เอาอีกแล้ว” เธอตื่นขึ้นมาถอนหายใจแล้วก็หลับต่อ เดี๋ยวนี้เจ้านายหนุ่มอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนคุณพินดาราอยู่เสียอีก คิดว่าไม่เห็นหน้าเธอแล้วอารมณ์จะดีขึ้น คงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก