คืนนั้น...ณ มีดีคอนโด เวลา 23.45 น.
เจ้าของร่างระหงภายใต้เดรสพอดีตัวสีดำเดินซวนเซขึ้นลิฟต์มายังห้องพักของตัวเอง ทว่าขณะที่กำลังล้วงหาคีย์การ์ดในกระเป๋าจนข้าวของร่วงหล่น เธอก็ต้องตกใจเมื่อมีใครบางคนก้มลงเก็บมันให้
“เมามากรึไงเรา” เสียงทักคุ้นหูทำมีอาชะงักไปเล็กน้อย ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเลยล่ะ ไต้ฝุ่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ไม่เมาค่ะ” เธอพึมพำ ทำไมเป็นเขาอีกแล้วล่ะ
“บังเอิญจังเนอะ พี่อยู่ห้องตรงข้ามเรานี่เอง” ไต้ฝุ่นเอ่ยแล้วยกยิ้มบาง คอนโดที่นาน ๆ จะมานอนค้างสักครั้ง ไม่คิดเลยว่ามันจะอยู่ตรงข้ามกับห้องพักของรุ่นน้องสาวสวยอย่างมีอา
“อะไรนะคะ?” มีอาถึงกับตกใจไม่น้อย เขาอยู่ห้องตรงข้ามเธองั้นเหรอ แต่เปิดเทอมมาสองเดือนแล้วนะ แถมเธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนกว่าแล้วด้วย ไม่เคยเจอเจ้าของห้องนี้เลยสักครั้ง จนเธอคิดไปว่ามันอาจจะเป็นห้องว่างด้วยซ้ำ ไหงมันถึงกลายเป็นห้องของไต้ฝุ่นได้ล่ะ
“พอดีวันธรรมดาพี่จะพักอีกที่ เพราะมันอยู่ใกล้มอมากกว่า จะได้นอนตื่นสายได้” ไต้ฝุ่นอธิบายให้เธอเข้าใจ ดูท่าต่อไปเขาคงต้องเอาเสื้อผ้ามาพักที่นี่แล้วล่ะ ดูซิว่าถ้าเจอหน้ากันทุกวันแม่สาวสวยคนนี้จะใจอ่อนให้เขาจีบบ้างไหม
“แล้วทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ล่ะคะ”
“ห้องนั้นพี่ให้ช่างซ่อมแซมภายในอยู่ ก็เลยมานอนที่นี่” เขาเอ่ยมันอย่างเป็นธรรมชาติทั้ง ๆ ที่เพิ่งคิดเหตุผลได้เมื่อกี้เลย
“อ่า ขอตัวนะคะ” มีอาได้แต่เอ่ยรับไปอย่างนั้น นั่นห้องเขาก็สิทธิ์ของเขาไม่เกี่ยวกับเธอ พรุ่งนี้แค่ออกไปแต่เช้าหน่อยก็คงไม่เจอกันแล้ว
เมื่อเห็นว่าเธอยังคงเมินใส่กันอยู่ ไต้ฝุ่นจึงไม่อยากรุกเธอแรงนัก ทรงนี้คงต้องลองใช้ความอดทนดู ค่อย ๆ เข้าใกล้ไปทีละนิด เพราะถึงยังไงเธอก็หนีไม่พ้นมือเขาหรอก
เช้าวันถัดมา...ณ ห้องพักของมีอา
วันนี้มีอาตั้งนาฬิกาปลุกไว้เร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง เพื่อที่เธอจะได้ออกไปเรียนก่อนรุ่นพี่หนุ่ม เมื่อแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จหญิงสาวก็คิดว่าจะไปฝากท้องที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย จึงคว้ากระเป๋าเดินออกมาเลย ทว่าในตอนที่เธอเปิดประตูออกมานั้นเธอก็ต้องตกใจเมื่อไต้ฝุ่นเองก็เปิดประตูออกมาเช่นกัน แถมเขายังอยู่ในชุดนิสิตวิศวะแล้วด้วย ทำไมเขาตื่นเช้าขนาดนี้ล่ะ ไหนว่าชอบนอนตื่นสายหน่อยไม่ใช่ อย่างน้อยตื่นหลังจากนี้หนึ่งชั่วโมงก็ไม่สายเลยนะ
“มอนิ่ง! จะไปเรียนเหมือนกันเหรอ ดีเลย! ไปรถพี่ไหม” เขาเอ่ยทักแล้วยกยิ้มบนมุมปากน้อย ๆ ทั้งที่ในใจนั้นชอบใจกับสีหน้าของเธอที่ดูตกใจเหลือเกิน คงไม่คิดว่าจะเจอเขาเวลานี้สินะ แต่โทษทีเขาเริ่มเกมแล้ว และเธอก็อย่าคิดว่าจะหนีเขาไปได้ง่าย ๆ ล่ะ
“ไม่เป็นไรค่ะหนูก็มีรถ งั้นขอตัวนะคะ” หญิงสาวว่า และเดินเลี่ยงเขาไป ทำให้ไต้ฝุ่นเดินตามเธอเข้าไปในลิฟต์เช่นกัน ในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ไม่มีใครเลยแฮะ กลายเป็นว่าเธอต้องอยู่ในลิฟต์กับเขาสองต่อสองเสียอย่างนั้น แล้วกลิ่นหอม ๆ พวกนี้มันอะไรกัน มาจากตัวเขาเหรอ
“ชอบเหรอ เป็นกลิ่นมาใหม่ของแบรนด์ซีเอชเอ็นน่ะ” คนที่หลุบสายตาคู่คมมองมายังสาวสวยข้าง ๆ เอ่ย ทำให้มีอาได้แต่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธอก็ไม่ได้แสดงออกว่ากำลังสนใจกลิ่นน้ำหอมของเขานะ ทำไมเขาถึงรู้ตัวล่ะ น่าอายจริง ๆ
“...”
“เราเป็นคนไม่ค่อยพูดเหรอ” เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบอะไรเขาจึงเอ่ยถาม ทำไมทำท่าทีระแวดระวังเหมือนเขาเป็นภัยสังคมแบบนั้นล่ะ
“เปล่าค่ะ ก็ปกติค่ะ” เธอพึมพำ ทำไมลิฟต์จากชั้นเจ็ดไปยังชั้นหนึ่งมันถึงนานแบบนี้ล่ะ เมื่อไหร่จะได้ออกไปจากตรงนี้สักที
“กินข้าวเช้ารึยัง พี่ว่าจะไปฝากท้องที่โรงอาหารน่ะ” ไต้ฝุ่นเอ่ยต่อ และเห็นเธอเงยหน้าขึ้นแล้วตาโตแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร แปลว่าเธอก็จะไปกินข้าวที่โรงอาหารเหมือนกันสินะ เด็กคนนี้ก็น่าจะเดาทางไม่ยากนี่หว่า
ติ๊ง!
“โอ๊ะ! ชั้นหนึ่งพอดีเลย ขอตัวนะคะ” ว่าแล้วก็ก้าวพรวด ๆ เดินนำเขาออกไปก่อน ทำไมวันนี้ต้องมาเจอเขาแต่เช้าด้วยนะ แล้วดูเขาทำตัวตีซี้กับเธอสิ มองไม่ออกรึไงว่าเธอจงใจเลี่ยงเขาน่ะ
ติ๊ด ๆ / ติ๊ด ๆ
“อ้าว! พี่ก็ว่ารถใครทำไมยี่ห้อเดียวกัน รถเราน่ะเอง ชอบสีดำเหมือนกันเลยนะ” เสียงสัญญาณปลดล็อกดังพร้อมกันไม่พอ นี่รถเขายังจอดอยู่ข้างรถเธออีกเหรอ ทำไมมันถึงบังเอิญขนาดนี้นะ ไอ้รอยยิ้มบนมุมปากที่เอาแต่หว่านเสน่ห์ไปทั่วนั่นก็ด้วย น่าหมั่นไส้จริง ๆ
“พ่อซื้อให้น่ะค่ะ หนูไม่ได้เลือก” เธอแย้งไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วบิดาให้เธอเลือกเองว่าจะเอารถยี่ห้อไหน สีอะไร เพราะมันเป็นรางวัลที่เธอสามารถสอบเข้าเรียนที่มหา’ลัยชื่อดังด้วยคะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง…ไม่คิดเลยว่ารสนิยมเรื่องรถจะไปเหมือนเขาเสียอย่างนั้น
“แปลว่าคุณพ่อเทสดี” ไต้ฝุ่นเอ่ยรับ ก่อนที่เขาจะเห็นว่าเธอเดินเลยไปยังท้ายรถ แล้วก้ม ๆ เงย ๆ ดูบางอย่าง
“มีอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มเดินตามมาสอบถาม