7. ทั้งหึง ทั้งหวง

1877 Words
รถม้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพโดยที่มิมีใครเอ่ยถ้อยคำใดแม้แต่น้อย ใบหน้าบูดบึ้งของผู้เป็นนายปรากฏออกมา จนคนสนิทต่างก็มิกล้าเข้าใกล้ “มีอะไรกันหรือเปล่าเจ้าคะ เหตุใดท่านแม่ทัพถึงมีสีหน้าเช่นนั้น น่ากลัวมากเลย” “ไม่รู้สิ จู่ๆ ก็ต่อว่าข้าเรื่ององค์ชาย” “เอ๋!! องค์ชายมาเกี่ยวอะไรกับฮูหยินเจ้าคะ” “นั่นสิ ว่าแต่ข้าจะทำเช่นไรให้ท่านแม่ทัพตามองค์ชายไปล่ะพี่ชิงหมิง ภาพที่เห็นคือไม่รอดแน่หากพบตัวช้าเกินไป หรือเราจะออกไปตามหากันเอง” “จะไปเองได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านแม่ทัพสงสัยเอาพอดีหากทำเช่นนี้” “นั่นสินะเราจะทำเช่นไร” จินเยว่เดินไปมาภายในห้องอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจกุเรื่องขึ้นเพื่อให้แม่ทัพ ตามไปช่วยคนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย หญิงสาวเดินออกจากห้องก็เจอกับคนตัวโตเดินเข้ามาเสียก่อน “ท่านแม่ทัพมีอะไรกับฮูหยินหรือเจ้าคะ” “เจ้าออกไปก่อนข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง” ชิงหมิงหันกลับมามองผู้เป็นนายก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูลง นัยน์ตาคมหรี่ลงพร้อมเดินเข้ามาหาผู้ที่ยืนจ้องอยู่ ยิ้มร้ายผุดขึ้นก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กเดินไปยังเตียงกว้าง “ท่านจะทำอะไรกันท่านแม่ทัพ” “เจ้าทำข้าหงุดหงิด ข้าจะลงโทษเจ้า” สิ้นสุดเสียงที่เอ่ยออกมาริมฝีปากหนาก็บดลงที่ปากนิ่มของอีกคน กำปั้นน้อยทุบลงที่อกแกร่งทันที แต่ก็มิได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเลยแม้แต่น้อย ซือหลางบดเบียดดูดดึงปากหนุ่มราวกับเป็นอาหารที่มิเคยได้ริมรส แม้จะมีหนวดเคราแต่จูบนี้กลับทำเอาร่างเล็กคล้อยตามได้ไม่ยาก กำปั้นน้อยจากที่ทุบตีก็เปลี่ยนมาเป็นกำชุดคนตัวโตเอาไว้ ก่อนจะลูบไปตามแผงอกกว้าง แล้วเลื่อนขึ้นไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของอีกคน โดยที่ริมฝีปากทั้งคู่ยังคงไม่ผละจากกัน ซือหลางมิได้ล่วงล้ำเข้าด้านในอย่างที่ควรจะเป็น เพราะมิอยากให้ภรรยาตื่นกลัวตนหากทำเพราะความรีบร้อน สองแขนแกร่งประคองคนตัวเล็กเอาไว้ เพราะตอนนี้จินเยว่สติร่องรอยเตลิดไปหมดแล้ว “ปากเล็กที่เอาแต่เถียงข้าไม่คิดว่าจะหวานถึงเพียงนี้” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อถอนจูบออกแล้ว ปากอิ่มบวมเจ่อขึ้นพร้อมกับใบหน้าระเรื่อ จนซือหลางอดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากลงที่แก้มเนียนอีกครั้ง “ท่านรังแกข้าไหนบอกจะไม่ยุ่งกับข้าอย่างไรล่ะ” “รังแกที่ใดกัน ดูหน้าเจ้ามีความสุขจะตายไป” กำปั้นเล็กทุบลงที่อกแกร่ง พร้อมกับยิ้มร้ายของแม่ทัพ “ทำข้าเจ็บไม่กลัวข้าจะทำมากกว่าจูบหรือ รอบนี้ข้าไม่หยุดแล้วนะ” “ท่านเป็นแม่ทัพที่ไม่น่านับถือเลยสักนิด พูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง บอกเองว่าจะไม่ยุ่งกับข้าแต่กลับทำเช่นนี้” “ก็เจ้าเป็นภรรยาข้าแล้ว จะปล่อยเจ้าเอาไว้ก็เสียเปล่า อย่างไรก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มสิ” จินเยว่อดที่จะหันมองค้อนอีกคนไม่ได้ แม้จะรู้ว่าแม่ทัพพูดไปเช่นนั้นเอง เพราะหากอีกคนคิดทำอย่างที่เอ่ยจริงตนคงไม่รอดมานานขนาดนี้แน่ “ชิ พูดไปเถอะคิดว่าข้าจะสนใจคำพูดท่านหรือ” จินเยว่เอ่ยพร้อมกับตั้งท่าจะลุก แต่ก็ถูกแขนแกร่งกอดรั้งเอาไว้ ร่างเล็กปลิวไปตามแรงจนนั่งอยู่บนตักของคนตัวโตอย่างง่ายดาย ยิ้มร้ายผุดขึ้นอีกครั้งแต่ยังมิทันได้โน้มตัวเข้าใกล้ ก็ถูกมือเล็กปิดปากไว้ซะก่อน “ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินกลุ่มคนคุยกันว่าจะตามไปสังหารองค์ชาย จะไม่ตามไปจริงๆ หรือเจ้าคะ” “ว่าไงนะ เหตุใดเจ้าพึ่งมาบอก” “พอข้าพูดท่านก็ว่าข้าใส่ใจบุรุษอื่น ใครจะกล้ากันล่ะ” เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับหันหน้าหนี นัยน์ตาคมจ้องมองคนตัวเล็กในอ้อมกอด ก่อนจะใช้นิ้วเรียวรั้งใบหน้าให้หันมาสบตา จินเยว่ชะงักกับสายตาที่สื่อให้รู้ว่าอีกคนกำลังเอ่ยคำขอโทษออกมาโดยที่มิมีเสียง “เช่นนั้นต่อไปข้าจะฟังเจ้า บอกข้ามาว่าเจ้าได้ยินสิ่งใด จะได้วางแผนได้ถูก” จินเยว่จึงเล่าสิ่งที่ตนมองเห็นให้อีกคนฟัง โดยทำทีว่านี้คือคำพูดของคนเหล่านั้น และสถานที่ใช้สังหารองค์ชาย “ข้าจะรีบไป เจ้าอย่าออกไปไหนเด็ดขาด” “อืม” เสียงหวานเอ่ยตอบก่อนจะถูกยกออกจากตักแกร่ง ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยท่าทางองอาจสง่างาม “ฟู่ว” เสียงถอนหายใจดังขึ้น พร้อมกับชิงหมิงที่เดินเข้ามาในห้อง “ท่านแม่ทัพรีบไปที่ใดกันเจ้าคะ” “ไปช่วยองค์ชาย หวังว่าจะทันเวลานะ” “ฮูหยินคงไม่ได้บอกว่ามองเห็นหรอกนะเจ้าคะ” “พี่คิดว่าท่านแม่ทัพจะเชื่อเช่นนั้นหรือ ไม่มีทางหรอกคงได้ว่าข้าเป็นหญิงสติไม่ดีน่ะสิ” “นั่นสิเจ้าคะ ช่วงแรกพี่ยังคิดว่าท่านเองก็เป็นเช่นนั้น” จินเยว่มองหน้าพี่เลี้ยงดุทันที ชิงหมิงยิ้มแห้งใส่ก่อนจะถามถึงเรื่องก่อนนี้ แต่จินเยว่ก็มิยอมตอบมีเพียงใบหน้าขึ้นสีเท่านั้นที่ปรากกฎให้เห็น “หน้าแดงเช่นนี้สงสัยคงถูกท่านแม่ทัพรังแกเป็นแน่ ว่าแต่ฮูหยินยอมรับที่ท่านแม่ทัพเป็นเช่นนี้ได้แน่นะเจ้าคะ” “ยอมรับอะไรกันล่ะพี่หมิงจู ท่านแม่ทัพก็แค่แกล้งข้าไปวันๆ ก็เท่านั้น ฐานะแท้จริงคนผู้นี้เป็นถึงพระนัดดาฮ่องเต้และไทเฮา ส่วนข้าก็แค่สตรีบ้านนอก” “แต่หากท่านแม่ทัพมีใจแล้วก็คงมีใส่ใจเรื่องอื่นอีก เช่นนี้แล้วก็อย่าได้กังวลไปเลยนะเจ้าคะ” “ช่างเถอะ หากวันนั้นมาถึงข้าจะบอกเองว่าเป็นคนแย่งชิงเกี้ยวเจ้าสาวจากท่านพี่เอง เช่นนี้สกุลซูก็มิต้องโทษอันใดอีก” “ไม่ได้นะคะฮูหยิน ท่านจะยอมรับผิดผู้เดียวได้อย่างไร คนในจวนสกุลซูมิควรค่าให้ท่านสละตนแม้แต่น้อย พี่สาวท่านก็เอาแต่รังแก และเป็นนางเองที่มิยอมแต่งงานกับท่านแม่ทัพ เพราะรังเกียจบุรุษหน้าตาอัปลักษณ์มีบาดแผล” “พอเถอะพี่ชิงหมิง หากวันนั้นมาถึงสกุลซูอย่างไรก็สำคัญกว่าชีวิตข้า เลิกพูดเถอะข้าหิวแล้ว” จินเยว่เอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยมิได้เห็นว่ามีใครบางคนยืนฟังอยู่ ก่อนจะกลับไปสมทบกับคนของตนที่รออยู่ด้านนอก “เจ้าจัดการให้ทหารมาเฝ้าที่จวนอีก เราอาจจะอยู่นอกเมืองเป็นเวลานาน อาจจะไม่ได้กลับก็ได้” “ตอนแรกท่านแม่ทัพจะให้ฮูหยินไปพักที่จวนนายท่านมิใช่หรือขอรับ เหตุใดจึงปล่อยนางไว้ที่นี่” “อย่าถามมาก ทำตามที่ข้าสั่ง” ซือหลางเอ่ยจบก็ควบม้าออกไปทันที ในใจร้อนรุ่มราวไฟแผดเผา ถ้อยคำที่ชิงหมิงและฮูหยินเอ่ยแม่ทัพหนุ่มได้ยินทุกคำ สตรีที่คิดว่ายอมแต่งเข้าเพราะมิได้รังเกียจตน บัดนี้ได้รู้แล้วว่านางทำเพื่อสกุลของเท่านั้น ในใจก็คงกลำกลืนฝืนทนมิน้อย จะมีสตรีใดอยากอยู่กับตนจริงๆ “หึ กลับมาข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นความโหดร้ายที่เจ้าเป็นคนเลือกเองฮูหยินข้า” ความรู้สึกราวกับถูกหักหลังอีกคราผุดขึ้นในใจ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ปรากฏจนมิมีใครกล้าเข้าใกล้ จนการเดินทางมาถึงแนวเขตเมืองที่จินเยว่เอ่ยบอก ก็พากันออกตามหาองค์ชาย เพราะเห็นร่องรอยการต่อสู้เกิดขึ้น พร้อมทหารล้มตายจำนวนหนึ่ง แม้จะอดแปลกใจไม่ได้แต่ก็มิมีเวลาคิด “ตามหาองค์ชายให้พบ น่าจะอยู่ในถ้ำแถวนี้สักแห่ง’ ” ซือหลางเอ่ยพร้อมกับเดินตามหาจนพบร่อยรอยของญาติผู้พี่ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในถ้ำตามที่คนตัวเล็กเอ่ยบอก และก็เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อเห็นหยวนเหอนั่งพิงผนังถ้ำอยู่กับองครักษ์คนสนิท “องค์ชายเป็นเช่นไรบ้างพะย่ะค่ะ” “ซือหลางเจ้ามาได้เช่นไรกัน หรือมีคนไปตามเจ้า” “อย่าพึ่งพูดอะไรเลย กระหม่อมจะพาพระองค์กลับวัง จินถงเอารถมาม้าที่นี่” “ซือหลางอย่าพึ่งพากลับเข้าวัง ข้าอยากให้คนที่ทำร้ายคิดว่ากำจัดข้าได้แล้ว” “เช่นนั้นก็ไปที่จวนกระหม่อมก่อน” ซือหลางพาหยวนเหอเดินทางกลับจวนโดยใช้เวลาอยู่หลายชั่วยาม ทำให้กว่าจะมาถึงก็ดึกมากแล้ว “พระองค์อยู่ที่เรือนด้านหลังไปก่อน บาดแผลก็ดูไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงแล้ว” “อืมเจ้าเองก็ไปพักเถอะ ขอบที่อุตส่าห์ตามไปช่วยข้า” “เป็นเพราะฮูหยินกระหม่อมได้ยินกลุ่มคนพูดคุยกัน เรื่องลอบสังหารพระองค์ แต่แปลกตรงที่คนพวกนั้นมิรอบคอบเลยสักนิด เหตุใดจึงมาหารือเรื่องเช่นนี้ในที่ชุมชน จนจินเยว่ได้ยินเข้า” “คงเป็นเพราะข้ายังมิถึงฆาตก็ได้ นางถึงได้ยินเรื่องราวลอบสังหาร ฝากขอบใจฮูหยินของเจ้าด้วย” “พะย่ะค่ะ กระหม่อมขอตัวก่อน” ซือหลางเดินออกจากเรือนด้านหลัง พร้อมกับตรงไปยังห้องนอนของตนกับฮูหยิน ทหารเวรคำนับผู้เป็นนายก่อนจะเปิดประตูให้ และปิดลงเมื่อแม่ทัพเข้าไปแล้ว “หึ หลับสบายเชียวนะ” ร่างสูงคลานขึ้นเตียงก่อนจะนอนลงข้างๆ พร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด จินเยว่หันมากอดตอบทันที จนแม่ทัพหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้ “กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ องค์ชายเป็นเช่นไรบ้าง” เมื่อคนตัวเล็กเอ่ยถามถึงบุรุษอีกคน ก็ทำเอาแม่ทัพถึงกับชักสีหน้าใส่ฮูหยินในอ้อมกอดทันที “หึ เป็นห่วงมากก็เดินไปดูที่เรือนด้านหลังสิ” จินเยว่ลืมตามองซือหลางเช่นกัน ก่อนจะหันหลังให้พร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ข้าเป็นภรรยาของท่าน การห่วงผู้อื่นมันก็แค่ฐานะที่เกิดมาได้รู้จักกันเท่านั้น หากวันใดท่านห่วงสตรีอื่นที่ไม่ใช่ข้า ท่านก็คงคิดจะเอานางมาอยู่ร่วมชายคาใช่หรือไม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD