“ไผ่อยากให้พ่อกลับมาเร็ว ๆ จัง พ่อจะต้องเอาของเล่น เอาขนมเป็นเส้น ๆ ยาว ๆ มาฝากไผ่เหมือนพ่อแกงส้มแน่เลย”
“อึก ชะ ใช่จ้ะ”
ยิ่งได้รับรู้ถึงความหวังที่วาดฝันของลูกเธอยิ่งอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ทว่าตั้งแต่มีต้นไผ่มาเธอก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็น ต่อให้จะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ฝืนทนฝืนอดกลั้น เธอทนเจ็บได้ แต่ลูกเธอเล่า เขายังเด็กมาก หากมีโอกาสเธอก็อยากบอกความจริงลูกเหมือนกัน
“เดี๋ยวแม่ไปทอดไข่ให้ดีกว่า”
“ครับ^^”
น้ำค้างรีบเปลี่ยนเรื่องทันที เธอเข้าครัวเตรียมลงมือทอดไข่เจียวที่ลูกชายคนเดียวนึกอยากกิน จริง ๆ ต้นไผ่ก็กินไม่กี่อย่าง ไข่เจียว ปลาทูทอด หมูปิ้ง ไก่ย่าง ตอนเช้าก็เต้าหู้ ต่อให้เธอจะยากจนก็หาของกินที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ ตัวเองกินน้ำพริกผักลวกเกือบทุกวันก็กินได้
ไข่ไก่ที่เก็บมาจากเล้าหลังบ้านสองฟองถูกตอกลงถ้วย เหยาะซอสปรุงนิดหน่อยเพราะคนกินยังเด็กมาก กินรสจัดไม่ดีต่อสุขภาพ กระทะเก่า ๆ แต่ทำความสะอาดเป็นอย่างดีวางลงบนเตาฟืน ใส่น้ำมันเล็กน้อยรอให้น้ำมันเดือดไข่ที่ตีไว้ก็ถูกเทลง ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยคลุ้งไปทั่วใต้ถุนบ้านในเวลานี้
“อึก”
กลิ่นหอมชวนหิว ทำเอาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ท้องก็พาลร้องจ๊อก ๆ
บ้าเอ้ย! จะมาหิวอะไรตอนนี้เนี่ย! คะ แค่บ้านเมียเก่า ไม่สิ! อดีตคนเคยคบกันทอดไข่ให้ลูกเขากินน่ะนะ!
“ก็แค่ทอดไข่ไหมวะ”
เสียงพึมพำกับตัวเองจากชายหนุ่มที่มุดอยู่ในป่าใบเตยใกล้บ้านหลังนั้น เขามาซุ่มดูอยู่สักพักแล้ว เขาเปล่าสนใจชีวิตเธอซะหน่อยแค่อยากรู้ว่าตอนนี้สามีเธอกลับบ้านมาหรือยัง เมื่อตอนกลางวันเขาเจอเด็กคนนั้นตอนที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานแล้ว
เห็นแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้จริง ๆ เด็กน้อยเค้าหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็ก โชคดีจริง ๆ ที่ไม่ได้พ่อมา ไม่งั้นหล่อไม่ได้ขนาดนี้หรอก
แต่ถ้ายิ่งได้ฉันเป็นพ่อนะไอ้หนู สาวกรี๊ดแกจนตดแตกแน่
ไอ้ก้องหน้าปลาดุกชนเขื่อนนั่น หล่อไม่ได้ครึ่งของเขาสักนิด
...
“หอมมาก~~”
ต้นไผ่ยืนถือจานน้ำลายไหล เด็กน้อยตื่นเต้นดีใจที่จะได้กินข้าวฝีมือแม่ ยืนใจจดใจจ่อตักข้าวรอแล้วด้วย
“เสร็จแล้วจ้ะ เอาจานมาลูก”
“ฮู้~~~”
เด็กน้อยรีบยื่นจานไปรับไข่เจียวจากแม่ พอได้แล้วก็รีบเอามาวางตรงกลางแคร่ที่นั่ง มื้อเย็นวันนี้มีแค่เมนูเดียวเท่านั้น แต่กลับสุขใจและอิ่มเอมที่สุดแล้ว
“แม่มากินข้าวกันครับ”
“แม่ยังไม่หิวเลยจ้ะ ไผ่กินก่อนเลยลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยพลันส่งยิ้มหวาน ผมยาวถูกมวยขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าสวยสด เธอเองเพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น ผิวพรรณก็ยังนวลผ่อง ออร่ากระแทกตาคนที่มุดอยู่ในป่าใบเตย จนหายใจฟึดฟัด
สวยแล้วไง ไม่ใช่เมียเขาสักหน่อย!
“แม่กินกับไผ่หน่อยสิครับ กินคนเดียวมันไม่อร่อยเลย” ต้นไผ่ส่ายหน้าพลันทำแก้มป่อง เรียกคะแนนความสงสาร เด็กน้อยอยากให้แม่กินด้วยใจจะขาด
“งั้นก็ได้จ้ะ” เธอปฏิเสธลูกได้ที่ไหน จึงพยักหน้าหงึก ๆ รอให้ลูกชายตักเข้าปากคำหนึ่ง เห็นสีหน้าเปล่งความสุขนั่นแล้วก็แทบไม่อยากตักข้าว อิ่มใจไปแล้วน่ะสิ
“อร่อยที่สุดเลยยยยยย”
ต้นไผ่หลับตาพริ้ม ชูช้อนขึ้นเหนือหัวโยกไปโยกมา เป็นการแสดงท่าทางเฉพาะตัวเมื่อกับข้าวนั้นถูกปากและถูกใจเป็นอย่างมาก โดยการกระทำนั้นย่อมมีสายตาอีกคู่จับจ้องอยู่ตลอดเวลา
เต้นท่าเดียวกับกูเป๊ะ!
เมื่อก่อนเขาก็เต้นท่านี้หน้าเวทีหมอลำเหมือนกัน สุดท้ายแล้วโดนตีนกี่คู่ก็ไม่รู้รุมตื้บซะน่วม แต่ก็ได้สาวมาช่วยปลอบใจและทำแผลให้ด้วยแหละ ไม่อยากจะคุย เพราะถ้าคุยต่อล่ะก็นะ...
เธอคนนั้นมีลูกมีผัวไปแล้ว
“อร่อยขนาดนั้นเชียว”
“อร่อยมากครับ แม่ชิมดู”
เด็กน้อยตักข้าวป้อนแม่ ตัวแค่นี้ก็จริงแต่เขานั้นความคิดโตก่อนวัย รู้ว่าแม่ลีลาเพื่อถ่วงเวลาไม่ไปตักข้าว
“อื้ม~” เธอเคี้ยวไปยิ้มไป มองหน้าลูกชายที่สุดแสนจะน่ารักก็อดภูมิใจไม่ได้
“ถ้าพ่อกลับมาแล้วได้กินฝีมือแม่ต้องติดใจแน่นอน”
“อึก”
หากข้าวคำใหญ่กว่านี้มีหวังได้ติดคอเธอพอดี ไม่รู้สิ เวลาพูดถึงพ่อของลูกทีไรก็มักจะจุกในอกจนพูดไม่ออกทุกครั้ง นั่นเพราะไม่รู้ว่าควรพูดถึงเขาอย่างไรจึงจะถูก
“มะ เมื่อก่อนพ่อก็ชมว่าแม่ทำกับข้าวอร่อยมาก”
“หึ”
เสียงหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินประโยคนั้นเต็มสองรูหู รอยยิ้มถากถางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ไอ้ก้องมันก็คงชมฝีมือการทำกับข้าวของเธอเหมือนกับเขาสิท่า เหอะ!
ทีเมื่อก่อนล่ะก็มีแต่เขาเท่านั้นแหละที่ได้ชิม ทำกับข้าวส่งทุกเย็นข้างสนามตะกร้อนี่ พอมาตอนนี้เป็นเมียคนอื่นแล้วก็คงทำให้คนนั้นกินแทน ก็ไม่แปลกนี่นา แต่ทำไมเขาถึงได้โมโหขนาดนี้ก็ไม่รู้
“แม่งเอ้ย! ยุงกัด” เสียงกัดฟันข่มความคันที่เกิดจากการบริจาคเลือดให้ยุงในป่าใบเตย กระดิกตัวมากก็ไม่ได้กลัวคนในบ้านรู้ว่ามาแอบมอง
“อิ่มแล้วครับแม่”
เด็กน้อยยกจานเปล่าโชว์คนเป็นแม่ด้วยความภูมิใจเต็มเปี่ยม และแน่นอนว่าได้รับรางวัลโดยการจุ๊บแก้มหนึ่งที เพราะวันนี้ต้นไผ่ทานข้าวเยอะเป็นพิเศษ
“จุ๊บ~ เก่งมากจ้ะ”
รอยยิ้มนั่น รอยจุ๊บแก้มนั้น เหอะ!
เมื่อก่อนเขาก็เคยได้รับเหมือนกันแหละน่า! ปั๊ดโถ่!
เขารออยู่นานแล้ว จนกระทั่งมืดค่ำตะวันลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม สองแม่ลูกอาบน้ำขึ้นบนบ้านชั้นสองซึ่งเป็นบ้านไม้หลังเก่าเรียบร้อย แต่ทว่าก็ยังไม่เห็นพ่อของเด็กน้อยกลับบ้านมา
“ค่ำแล้วยังไม่กลับบ้าน ปล่อยให้ลูกเมียกินข้าวสองคน ไม่ได้เรื่อง!”
เขาก่นด่าเสียงไม่ดังมาก ก่อนจะโผล่ตัวออกจากป่าใบเตยเพราะทนให้ยุงกัดต่อไม่ไหว แอบลอบมองบนบ้านก่อนจะเดินกลับไปทางป่าไผ่หลังบ้าน ซึ่งแน่นอนว่ามันเคยเป็นที่พบรักของเด็กหนุ่มกับสาวน้อยในวันวาน
แต่เขาไม่อยากนึกถึงสักหน่อย หากหลังบ้านไม่เชื่อมกันเขาก็ไม่ผ่านมาตรงนี้หรอกน่า
มัน
จำเป็น
ต้อง
ผ่าน!