13 | ความจริง 2

2007 Words
วันต่อมา... คริสเตียนยังคงคิดไม่ตกกับเรื่องของไอยลดากับลูกสาว เขาไม่รู้ว่าจะหาทางพิสูจน์เรื่องนี้ยังไงดี และอีกเรื่องที่เขาสงสัย ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกเขาจริงๆ ทำไมเธอถึงไม่เรียกร้องอะไรจากเขา ทั้งๆ ที่เธอก็แสดงออกว่าชอบเขาอยู่เหมือนกัน “คุณนันติยามาแล้วค่ะ” “เชิญเข้ามาได้เลย” หลังจากเอ่ยอนุญาตออกไป ไม่นานผู้จัดการวัยกลางคนก็เดินเข้ามา “สวัสดีครับคุณนัตตี้” “สวัสดีค่ะคุณคริสเตียน สบายดีนะคะ” “สบายดีครับ เชิญนั่งก่อน” “มีเรื่องอะไรเหรอคะ ถึงได้เชิญฉันมาแบบเร่งด่วนขนาดนี้” นัตตี้ถามเข้าเรื่องทันที ทั้งๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะคุยเรื่องอะไร “ผมขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ” “ได้ค่ะ” “ไอยลดาแต่งงานหรือยังครับ” “ถ้าเป็นเรื่องนี้ ฉันว่าคุณไปถามเจ้าตัวเองดีกว่านะคะ” “ผมก็อยากจะทำอย่างนั้นนะครับ แต่เธอคงไม่ตอบตรงๆ แน่” “ฉันขอถามอะไรคุณได้มั้ยคะ” “เชิญครับ” “คุณต้องการที่จะรู้เรื่องนี้ไปทำไมคะ ในเมื่อคุณก็แต่งงานแล้ว” นัตตี้ถามออกไปตามตรง ถึงเธอจะอยากให้หลานของเธอมีพ่อ แต่เธอก็ไม่อยากให้คนที่รักเหมือนน้องสาวต้องมาเจ็บปวดเช่นกัน “ผมมีเหตุผลในเรื่องนี้ และผมพร้อมจะหย่า ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของผมจริงๆ” คริสเตียนพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม “ฉันว่าคุณไปเคลียร์เรื่องของคุณก่อนดีกว่านะคะ เพราะไอยลดาไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกอีกแล้ว เธอไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับสามีคนอื่นแน่ๆ และที่สำคัญเธอรักลูกสาวของเธอมาก คงไม่ยอมให้ใครพรากลูกของเธอไปแน่” ได้ยินเช่นนั้น... คริสเตียนก็รู้สึกมั่นใจในคำตอบขึ้นมาทันที แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะพรากลูกมาจากเธอหนิ เขาตั้งใจจะดูแลทั้งแม่ทั้งลูกเลยต่างหากหล่ะ .. @ ห้างสรรพสินค้า “คุณแม่ขา คิริณเอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ด้วยได้มั้ยคะ” เสียงของลูกสาวอ้อนคุณแม่ เมื่ออยากได้เค้กหลายๆ ชิ้น เพราะทุกชิ้นเป็นของโปรดของเธอทั้งนั้น “ไม่ได้หรอกลูก ซื้อไปหลายชิ้นก็กินไม่หมด” ไอยลดาบอกลูกสาวอย่างใจเย็น “ถ้างั้นเอาอันนี้กับอันนี้ได้มั้ยคะ” ลูกสาวออดอ้อนเสียงใส “คิริณอยากได้กี่ชิ้น เลือกเลยครับ เดี๋ยวลุงซื้อให้เอง” เสียงดังมาจากข้างหลัง ทำให้สองคนแม่ลูกหันไปมองทันที “คุณลุง!!” ลูกสาวตัวน้อยยิ้มให้คุณลุงด้วยท่าทางดีใจต่างจากคุณแม่ที่ทำหน้านิ่งเรียบขึ้นมาทันที “อยากได้ชิ้นไหนบ้างครับ” คริสเตียนนั่งลงถามเด็กน้อยด้วยท่าทางใจดี น้ำเสียงก็อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “คุณลุงจะซื้อให้จริงๆ เหรอคะ” คิริณพูดออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้น “จริงสิครับ เอาหมดร้านเลยมั้ย” “พอเลยค่ะ ฉันจะซื้อให้ลูกของฉันเอง ไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ” “แน่ใจเหรอว่าลูกคุณคนเดียว” “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ” ไอยลดาขมวดคิ้วถามชายหนุ่มด้วยท่าทางไม่เข้าใจ แต่หัวใจของเธอกับเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งเห็นแววตาที่มั่นใจของเขา ก็ยิ่งทำให้เธออยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะที่รัก” คริสเตียนพูดออกมาด้วยท่าทางทะเล้น OxO!! ใบหน้าสวยร้อนผ่าวขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากของเขา สรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอมันเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด แต่เธอก็พยายามปรับสีหน้าให้ปกติ “อย่าเรียกฉันแบบนั้นอีกนะคะ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และที่สำคัญ... คุณน่าจะเก็บคำนี้ไปเรียกภรรยาของคุณ” ไอยลดาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนคนฟังทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะเธอดูใจแข็งเหลือเกิน “สั่งเลยจ๊ะลูก แม่จะซื้อให้เอง” ไอยลดาบอกลูกสาวอย่างเอาใจ ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เพราะกลัวใครบางคนจะมาแย่งความสนใจจากลูกสาวไปซะก่อน “ทั้งหมด420 บาทค่ะ” เสียงพนักงานสาวบอกด้วยท่าทางสุภาพ “โอเคค่ะ” ไอยลดารีบเปิดกระเป๋า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใครบางคนชิงจ่ายตัดหน้าไปซะก่อน “นี่ครับ ไม่ต้องทอน” คริสเตียนยื่นแบงค์สีเทาให้ไป แล้วรีบถือเอาถุงขนมที่วางอยู่ พร้อมกับจูงมือลูกสาวตัวเล็กออกมาจากร้าน ปล่อยให้ผู้เป็นแม่เดินตามมาด้วยท่าทางไม่พอใจแล้วรีบตามมาจูงมือลูกสาวเหมือนกัน “หนูอยากได้ของเล่นมั้ย” คริสเตียนถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณแม่ขา หนูซื้อของเล่นได้มั้ยคะ” ลูกสาวหันไปถามผู้เป็นแม่ก่อน เพราะถูกสอนให้ใช้เงินเป็นประโยชน์ “หนูมีเยอะแล้วลูก กลับกันดีกว่านะคะ” ไอยลดาบอกลูกสาวด้วยท่าทางใจดี และมีเหตุผล “ค่ะ” ลูกสาวยอมทำตามอย่างว่าง่าย จนคนที่มองอยู่ถึงกับแปลกใจ ไม่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะพูดรู้เรื่องขนาดนี้ “คุณบังคับลูกแบบนี้ตลอดเลยเหรอ” คริสเตียนหันไปถามผู้เป็นแม่ ที่จูงมืออีกข้างของลูกสาว ซึ่งถ้าดูเผินๆ เหมือนพ่อแม่พาลูกมาเที่ยวไม่มีผิด “ฉันไม่เคยบังคับลูก คุณไม่เคยมีลูกอย่าพูดเลยดีกว่า ถ้าจะให้ดี อย่ามายุ่งกับเราอีก” ไอยลดาพูดออกไปอย่างไม่มีเยื่อใย แล้วจูงมือสูงสาวออกไปทันที คริสเตียนเดินตามสองแม่ลูกมาจนถึงรถ ระหว่างทางที่เดินมา เขาคอยสังเกตใบหน้าของเด็กน้อยตลอดเวลา แต่ยิ่งดูเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าใช่ลูกสาวของเขาแน่ๆ “จะตามเราไปถึงไหนคะ อย่าบอกนะว่ารถคุณจอดที่เดียวกันรถฉัน” ไอยลดาหันไปถามคนที่เดินตามมา “ผมแค่เดินมาส่ง” “เราถึงรถแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นคุณก็กลับไปได้แล้ว” “โอเคครับ แล้วเจอกันที่บ้านนะครับคิริณ” คริสเตียนบอกเด็กน้อยพร้อมกับยกมือลูบหัวทุยเบาๆ “เจอกันที่บ้าน? หมายความว่ายังไงคะ คุณจะตามเราไปที่บ้านอีกเหรอคะ?” ไอยลดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ทำไมคุณแม่ถึงใจร้ายกับคุณลุงหล่ะคะ” ลูกสาวตัวเล็กเงยหน้ามองผู้เป็นแม่ด้วยความไม่เข้าใจ “แม่ไม่ได้ใจร้ายนะคะ แม่แค่ไม่อยาก...” ไอยลดาหยุดชะงักไป ไม่รู้จะพูดยังไงให้ลูกสาวเข้าใจ “แม่แค่ไม่อยากให้... ลุงไปด้วยหน่ะ” คริสเตียนพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าคุณแม่คนสวย แต่กลับโดนคุณแม่ดุผ่านสายตา “ทำไมคุณแม่ไม่อยากให้คุณลุงไปด้วยคะ” “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะลูก คุณลุงเขามีงานต้องทำ แล้วภรรยาของคุณลุงก็กำลังรออยู่ ถ้าคุณลุงไปกับเรา ภรรยาคุณลุงก็จะร้องไห้” ไอยลดาอธิบายให้ลูกสาวฟังอย่างมีเหตุผล “เหรอคะ” “ค่ะ เรากลับบ้านเรากันดีกว่าค่ะ” ไอยลดารีบพาลูกสาวไปขึ้นรถทันที ปล่อยให้คริสเตียนมองตามตาละห้อย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความดื้อรั้นของแม่ของลูก แต่ถึงยังไง เขาก็ต้องหาวิธีเคลียร์เรื่องลูกสาวกับเธอให้ได้ ไอยลดายืนมองข้าวของที่วางอยู่ด้วยความสงสัย พร้อมกับกดโทรหาใครบางคนที่เธอไม่เคยคิดว่าจะโทร เพราะหมอภาคิณกับป้านัตตี้ไม่ได้เป็นคนซื้อ (สวัสดีครับคุณไอยลดา ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะโทรหาผม) ปลายสายพูดออกมาด้วยท่าทางดีใจจนน่าหมั่นไส้ “คุณคริสเตียน คุณคิดจะทำอะไร” ได้ยินน้ำเสียงยียวนของเขา เธอก็มั่นใจทันทีว่าเขาเป็นคนสั่งของพวกนั้นมา เธอจึงเข้าเรื่องอย่างไม่รั้งรอ (ผมทำอะไรเหรอครับ คุณเป็นคนโทรหาผมเองนะ) “ใช่ค่ะ ฉันโทรหาคุณ ก็เพราะของที่คุณซื้อมายังไงหล่ะคะ คุณทำแบบนี้ทำไม” (คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นผม บางทีอาจจะเป็นสามีคุณก็ได้ที่สั่งไปให้คุณ) “ไม่ใช่แน่นอนค่ะ ถ้าเป็นสามีฉัน เขาต้องถามฉันก่อนอยู่แล้ว ไม่ใช่คิดจะซื้ออะไรก็ซื้อแบบนี้” (โอเคครับ เอาไว้ครั้งหน้า ถ้าผมจะซื้ออะไร ผมจะถามคุณก่อน) ปลายสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยียวน “นี่คุณคริสเตียน คุณต้องการอะไรกันแน่” ไอยลดาถามออกไปพร้อมหัวใจที่เต้นแรง เธอเข้าใจไม่ผิดใช่มั้ย ที่เขากำลังแสดงออกว่าเป็นสามีของเธอ (ผมไม่ได้ต้องการอะไร ผมแค่ทำตามหน้าที่) “หน้าที่อะไรที่ต้องมาซื้อของให้คนอื่นคะ คุณรวยมากหรือไง” (ใช่ครับ ผมรวยมาก รวยมากพอที่จะซื้อของให้ลูกเมียได้ตามใจ) “นี่คุณคริสเตียน!!” ไอยลดาเริ่มทนไม่ไหวกับคำพูดยียวนของคนในสาย เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะมีมุมขี้แกล้งขนาดนี้ (ครับคุณไอยลดา) “นี่คุณ!! เลิกยั่วโมโหฉันสักที ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณต้องการอะไร แต่ฉันขอสั่งไม่ให้คุณมายุ่งเกี่ยวกับเราอีก” (ดุจัง) “ฉันดุมาก แล้วก็ร้ายกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณยังไม่เลิกมาวุ่นวายกับฉัน ฉันจะไปบอกภรรยาคุณ” (บอกว่ายังไงเหรอครับ จะบอกความจริงทั้งหมดเลยหรือเปล่า ผมโอเคนะ ถ้าคุณจะทำอย่างนั้น) ไอยลดาถึงกับกุมขมับกับคำพูดยียวนของคนในสาย นี่เขาคิดจะทำอะไรของเขากันแน่ ทำไมถึงได้พูดจาแปลกๆ อย่างกับว่าเขาไปรู้เรื่องอะไรมา ไม่ว่าเขาจะรู้เรื่องอะไรมาก็ช่าง เธอจะไม่มีวันทำให้สิ่งที่เขารู้เป็นเรื่องจริงเด็ดขาด (ว่ายังไงครับ ตกลงคุณจะบอกอะไร) “ฉันไม่มีอะไรจะบอกทั้งนั้น นอกจากบอกให้คุณเลิกยุ่งกับเรา แล้วมาเอาข้าวของพวกนี้กลับไปด้วย” (ไม่เอาคืนหรอกครับ ผมตั้งใจซื้อให้ลูก แล้วก็แม่ของลูกด้วยนะ) “ลูกใคร? พูดให้มันดีๆ ด้วยนะคะ” (ก็ลูกคุณไงครับ เอาเป็นว่าผมอยากซื้อให้ ในฐานะอะไรก็แล้วแต่คุณจะให้เป็นก็ได้ และตอนนี้ผมต้องเข้าประชุมแล้ว ถ้าคุณคิดถึงอยากคุยกับผม อีกสองชั่วโมงค่อยโทรมานะครับ) “ใครคิดถึงคุณกัน อย่าพึ่งวางนะคุณคริส...” ไอยลดายังไม่ทันได้พูดจบ ปลายสายก็ตัดไปซะก่อน เธอมองหน้าจอด้วยความมึนงง ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาตัวใหม่ที่จัดไว้ตรงมุมห้องที่ว่างพอดี ราวกับเจ้าของบ้านไปซื้อเอง ตอนนี้เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าสิ่งที่เธอคิดจะมาถึง เขาพูดอย่างกับรู้ว่าเธอปิดบังเรื่องอะไรไว้ แล้วยังพูดจาแปลกๆ กับเธออีก เฮ้อ... ไอยลดาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าและอึดอัดใจ เพราะคำพูดของเขายังคงติดอยู่ในหัวของเธอ ‘ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไร ฉันไม่มีทางยอมให้คุณทำสำเร็จแน่คุณคริสเตียน’ ไอยลดาตั้งใจอย่างเด็ดขาด และเธอจะไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับคนที่ขึ้นชื่อว่ามีภรรยาแล้วอย่างแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD