หยิ่ง

1638 Words
@ธารากรุ๊ป เสียงคลิกเมาส์ระคนเสียงกดแป้นคีย์บอร์ด ดังอยู่ภายในห้องทำงานของบริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ลำดับต้นๆ ของประเทศ ร่างบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาแต่กลับได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหาร กำลังตรวจสอบเอกสารผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทด้วยสีหน้าเคร่งครียด เมื่อดูยังไงผลออกมาก็คือขาดทุน ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ก่อนจะพบกับวันใหม่เลขาของผู้บริหาร ที่ทำงานกับผู้บริหารคนก่อนของธารากรุป ซึ่งหลังจากท่านเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง เธอก็ผลันตัวมาเป็นเลขาของลูกสาวเจ้าของบริษัทแทน “นี่ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ทาน พี่ว่าคุณมิราพักทานอะไรสักหน่อยเถอะค่ะ” วันใหม่เดินเข้ามาพร้อมกับอาหารว่าง เธอวางมันลงบนโต๊ะทำงานของมิราเอ่ยเชื้อเชิญด้วยความเป็นห่วงผู้ที่เธอนับถือเป็นเจ้านาย “ขอบคุณค่ะ แต่มิไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ อีกอย่างพี่วันใหม่ก็รู้ว่าสถานการณ์ของบริษัทเราในตอนนี้ มันชวนให้อดข้าวอดน้ำประท้วงโชคชะตาจริงๆ” มิราเอ่ยด้วยความพูดติดตลก พลางเปิดรายชื่อผู้ร่วมหุ้นที่ระดมถอนหุ้นออกไปจนเกือบหมด ราวกับกำลังกระโดดน้ำหนีเรือลำใหญ่ที่เกิดรอยรั่วถูกน้ำไหลเข้าท่วมทั้งลำ และกำลังจะอับปางลงกลางท้องทะเลในไม่ช้า “คุณมิราก็ยังมีอารมณ์ขันนะคะ ทานสักหน่อยเถอะค่ะ” มือเรียวผายไปทางของว่างที่เธอยกมาให้เจ้านายอีกครั้ง จนมิราต้องยกแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นมาจิบอย่างเสียมิได้ “ขอบคุณนะคะ อ้อ...ตัวเลขโบนัสประจำปีของพนักงาน มิตรวจสอบเสร็จแล้วนะคะ รบกวนพี่วันใหม่ส่งต่อให้ฝ่ายบุคคลด้วยค่ะ” มิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ในขณะที่ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่กล้าสบตาเข้าตรงๆ กับเลขาสาวสวย ด้วยว่าในใจเธอไม่ได้ร่าเริงเหมือนน้ำเสียงที่พูดออกมา “คุณมิราจะไม่ให้คุณนิรมลลงนามก่อนเหรอคะ พี่ว่า...” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ยังไงมิก็มีอำนาจมากกว่าคุณแม่ การตัดสินใจทุกอย่างสิ้นสุดที่มิเท่านั้นค่ะ” มิรายักคิ้วให้กับวันใหม่อย่างเป็นต่อ “อีกอย่างท่านก็ไม่ได้สนใจอะไรบริษัทนี้อยู่แล้ว แค่รอปันผลประจำปีก็เท่านั้น” “ค่ะท่านประธาน แล้วนี่นักลงทุนที่เราเสนอให้เขามาร่วมทุนด้วย มีเจ้าไหนตอบกลับมาแล้วบ้างคะ” “...” หญิงสาวส่ายหน้าพรืดพลางยักไหล่ไหว “ยังไม่มีใครตอบรับเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าสหายของคุณพ่อแต่ละคน จะหายไปพร้อมๆ กับลมหายใจของคุณพ่อ” หญิงสาวหัวเราะหยันตัวเองในใจ เมื่อเธอพยายามเสนอให้บริษัทที่เป็นของเพื่อนผู้เป็นพ่อมาร่วมลงทุนด้วยแต่กลับไม่มีซักบริษัทที่จะตอบรับกลับมา “ยังจะมาตบมุกตลกอีกนะคะคุณมิรา เอาเป็นว่าพี่วันใหม่เอาเอกสารไปให้ฝ่ายบุคคลแล้วขอกลับเลยนะคะ คุณมิราก็อย่างอยู่ดึกมากนะ พี่เป็นห่วง” “ค่ะ เดินทางดีๆ นะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มพิมพ์ใจให้กับเลขาที่เป็นทั้งพี่เป็นทั้งที่ปรึกษาให้เธอ ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหุบลงทันที หลังจากวันใหม่เดินออกไปจากห้อง ก้อนสะอื้นที่อยู่ในคออยู่มันก็ตีขึ้นมาดื้อๆ ขอบตาร้อนผ่าวน้ำใสๆ รื้อออกมาจากขอบตา เธอเบือนสายตาไปมองรูปถ่ายที่อยู่ในกรอบรูปสีขาวก่อนจะหยิบมันขึ้นดู นิ้วเรียวลูบลงที่ใบหน้าพ่อของเธอเบาๆ ราวกับต้องการขอกำลังใจจากคนที่เธอรักสุดหัวใจ “บนนั้นสุขสบายดีมั้ยคะ ป่านนี้พ่อคงยิ้มหล่อมองลงมาที่ลูกคนนี้อยู่สิท่า เห็นมั้ยคะว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อนั่งตำแหน่งท่านประธานบริษัทตั้งแต่เรียนยังไม่จบ แถมกำลังพาเรือสำราญลำใหญ่แล่นหนีคลื่นลม แบบตุ๊บปัดตุ๊บเป๋โดยที่ไม่กลัวเลยสักนิด พ่อให้กำลังใจหนูด้วยนะ” กรอบรูปสีขาวที่มีรูปถ่ายของเธอกับคุณพ่อบรรจุอยู่ในนั้น ถูกยกขึ้นมากอดเอาไว้แนบอก ค่อยๆ ปล่อยให้สายธารน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอหยดแล้วหยดเล่า ราวกับว่าความเข้มแข็งของเธอได้หายไป เมื่ออยู่ลับตาผู้คนเธอก็ไม่จำเป็นต้องแสดงความเข้มแข็งออกมาเพื่อใคร เพราะความจริงคือเธอเหลือเพียงตัวเอง ตัวเองที่แทบจะหมดแรงต่อสู้อยู่เพียงลำพัง @โรงแรมเอ็มบี “อยู่ไหนเนี่ย อย่าบอกนะว่าลืม อะไรมันจะมาซวยวันหนึ่งวันเดียวพร้อมกันขนาดนี้ แบ่งไว้ซวยวันอื่นบ้างก็ได้ ชีวิต” ร่างบางที่อยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีดำเดินนวดนาดอยู่บนส้นสูง เธอก้าวเดินบนทางเดินช้าๆ มุ่งหน้าเข้าไปในโรงแรมหรู ในขณะที่เธอกำลังง่วนอยู่กับการหากระเป๋าตังค์อยู่ในกระเป๋าสะพายของเธอไปด้วย ตุ๊บ! “อ๊ะ!..ขะ..ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวัง” มิราเดินชนเข้ากับแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งตรงหน้าลิฟต์อย่างจัง ด้วยว่าไม่ได้มองทางที่กำลังเดินอยู่ หญิงสาวเกือบล้มลงไปกองกับพื้นไปหากไม่ติดว่าวงแขนแข็งแกร่งของคนตัวโตที่เธอเดินชนตวัดโอบเธอเอาไว้ได้ทัน ทั้งสองสบตากันและกันราวกับมีแม่เหล็กดึงดูด ‘หละ...หล่อมาก หล่อยังกับเทพ แถมยังตัวหอมมากๆ อีก งื้อ~...’ “จะเคลิ้มอีกนานมั้ย” เสียงเข้มของเจ้าของใบหน้าเรียบตึงดังขึ้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อคมของเขาอย่างเสียมารยาท แววตาประกายวิบวับชัดเจน ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เดินชนเขาเลยสักนิด มิรารีบดึงสติกระพริบตาปริบๆ เด้งตัวออกจากอ้อมแขนของผู้ชายคนนั้นทันทีที่สติกลับมาอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นไหว้ขอโทษเขาด้วยสีหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย “อ่ะแฮ่ม! ขอโทษค่ะ ฉันมองไม่เห็นคุณจริงๆ” เท้าทั้งสองข้างก้าวถอยหลังออกห่างเว้นระยะจากชายหนุ่มพอสมควร แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายของเขา กลับทำให้เธอเผลอใจเต้นแรงออกมาอย่างเก็บอาการไม่อยู่ "ตามีปัญหาก็ไปรักษา" "คะ!"มิราเลิกคิ้วถามงงๆ เกาคอแก้เก้อ ถอยห่างจากเขาไปอีกสองก้าว “หูหนวกด้วย” "หา! ดะ...ด่าเหรอ" "..."ไทเรลล์พยักหน้าน้อยๆ ให้มิราคือยืนเอ๋อเหรออยู่ห่างเขาหลายเมตร ก่อนจะหันกลับไปสนใจตัวเลขที่อยู่หน้าลิฟต์ต่อ ต่างจากมิราที่ยืนกระมิด กระเมียดอยู่ข้างๆ คนตัวสูง เธอแอบลอบมองใบหน้าคมจากทางด้านข้างอยู่หลายครั้ง ราวกับเขาเป็นจุดศูนย์กลางของโลก 'คนอะไร วิชามนุษยสัมพันธ์คงสอบตกแหงๆ' มิราคิดในใจ ใบหน้าหล่อคมคายสไตล์หนุ่มยุโรป เรือนผมสีควันบุหรี่ของเขายิ่งเพิ่มบุคลิกให้เขาดูน่ากลัวแปลกๆ ทว่ามันกลับมีแรงดึงดูดจนทำให้มิราไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ เธออยากทำความรู้จักกับเขามากกว่านี้ แต่ติดตรงที่เขาไม่แม้แต่ชายตามองเธอเลยสักนิด “เอ่อ...คุณจะไปชั้นไหนคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงหวาน คนที่ถูกถามเบือนสายจากตัวเลขหน้าลิฟต์มองลงที่หญิงสาวที่พึ่งเดินชนเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเธอ เหมือนเธอจะพยายามขยับเข้ามาใกล้เขาจนเกินสมควร ติ๊ง! ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับมองไปที่ประตูลิฟต์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวลิฟต์อย่างรวดเร็วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก โดยที่เขาไม่ได้ใส่ใจมิราที่ยืนรอใช้ลิฟต์อยู่ข้างเขาแม้แต่น้อย “อ๊ะ!รอฉันด้วยค่ะ” คนตัวเล็กรีบแทรกตัวเข้าไปภายในลิฟต์อย่างเสียไม่ได้ นิ้วเรียวรีบยื่นเข้าไปกดหมายเลขชั้นที่เธอนัดหมายเอาไว้กับเพื่อนสนิท อย่างเก้ๆ กังๆ เพราะคนที่ยืนอยู่ในห้องลิฟต์ก่อนเธอ ดูไม่สบอารมณ์กับการกระทำของเธอสักเท่าไหร่ แต่ก็นั่นแหละ เธอมาเลยเวลานัดมากแล้ว ถ้าไม่ตัดสินใจในลิฟต์ตัวนี้ตอนนี้ ก็คงไปเจอเพื่อนสายมากกว่านี้ “เมื่อสักครู่ฉันขอโทษนะคะ ฉันนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ” “....” ไทเรลล์หลุบตาลงมองหญิงสาวด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับกำลังจะบอกว่ารำคาญในสิ่งที่เธอกำลังพร่ำพูด ซึ่งนั่นก็ทำให้มิราปิดปากตัวเองเอาไว้สนิท จนเขาเดินออกจากลิฟต์ตัวนั้นไปในชั้นสิบสองของโรงแรม “ฟู่ว~ หล่อก็จริงแต่หยิ่งชะมัด” มิราใช้นิ้วสะบัดผมที่คลอเคลียไหล่เล็กไปทางด้านหลัง เธอเบะปากไปทางแผ่นหลังหนาด้วยความหมั่นไส้ ทว่าสายตากลับจับจ้องไปที่เขาจนประตูลิฟต์ตัวนั้นจะปิดลงในที่สุด ปกติมีแต่คนที่อยากเข้าหาเธอ แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ แม้แต่คำขอโทษก็ยังเมินเฉย 'ไร้มารยาทสิ้นดี แบร่~' นอกจากเธอจะเบะปากใส่เขาแบบเปิดเผยแล้ว มิรายังแอบแลบลิ้นให้เขาในใจไปอีกหนึ่งยก ก่อนจะดึงสายตากลับไปมองตัวเลขชั้นที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD