บทที่5:แม่มด

2662 Words
กิจกรรมที่ทางรุ่นพี่จัดให้ก็เป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรมของเด็กใหม่ปีหนึ่งที่ต่างโรงเรียนต่างที่มา ส่วนใหญ่ก็เป็นการให้แนะนำตัวและเปลี่ยนกลุ่มไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ปีหนึ่งได้พูดคุยและรู้จักกันมากขึ้น และสิ่งที่น้ำอิงรู้สึกได้อีกอย่างคือสาขาของเธอแทบไม่มีผู้หญิงเลย ผู้หญิงที่เห็นก็ดูจะเป็นทอมไปแล้วเกือบทั้งหมด หรือเรียกได้ว่าผู้หญิงผมยาวน่ะ มีเธอคนเดียวเลยในสาขานี้ ความฝันในการมีเพื่อนผู้หญิงตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่ริบหรี่อยู่แล้ว บัดนี้มอดดับไปในทันที “น้อง ๆ คะ เดี๋ยวจับกลุ่มเป็นกลุ่มละห้าคน เราจะเล่นกิจกรรมสุดท้ายแล้วพี่จะให้แยกย้ายกันแล้วน้าา~” พี่ ๆ สันทนาการพูดประโยคที่ทำให้หลายคนตาวาว เมื่อได้ยินคำว่าแยกย้ายกัน ทุกคนก็กระวีกระวาดหากลุ่มให้ครบทันที น้ำอิงยืนเคว้งคว้างหากลุ่มอยู่ หลายกลุ่มพยายามดึงเธอไปอยู่ด้วย เธอกำลังจะก้าวลงไปนั่งที่กลุ่มหนึ่งซึ่งเขาขาดคน ก็โดนมือใหญ่ของใครบางคนดึงแกมบังคับถูลู่ถูกังให้ไปนั่งอีกวงหนึ่ง “มาอยู่กับพวกเราดีกว่าน้ำอิง” มาร์ชที่ยิ้มแฉ่งอยู่ตรงกันข้าม มือเขาทั้งสองข้างไม่ได้จับเธอไว้ แต่คนที่จับให้เธอนั่งแหมะในกลุ่มคือ เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยประดับด้วยแว่นตาอย่างนธี เขาปล่อยมือเมื่อเธอมองที่แขนซึ่งถูกเขาจับไว้แน่น “ไอ้มาร์ชบอกให้ดึงเธอมา” เขาโบ้ยก่อนที่จะทำหน้าเหมือนกำลังจะบอกกับเธอว่า ‘เขาก็ไม่ได้อยากจะอยู่กับเธอเท่าไหร่ แต่เพื่อนบอกให้พามา เขาก็เลยต้องทำ’ สีหน้าเขามันชัดขนาดที่อ่านได้แบบนั้นเลยล่ะ! เธอกวาดสายตาไปรอบวงพบว่าอีกสองคนนอกจาก เธอ นธี และมาร์ช คือผู้ชายที่หน้าตาดี รังสีแพรวพราวกะล่อนออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ป้ายชื่อเขาคือ อาร์เจ กับผู้ชายผอม ๆ สูง ๆ อีกคนที่หน้าเบื่อโลกยิ่งกว่านธีเสียอีก ทว่าเขาดูดีไม่น้อยด้วยผิวสีแทนทำให้ดูเป็นคนคมเข้ม เขาชื่อ ปูน “ปูนกับอาร์เจเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่าของพวกเราเหมือนกัน” มาร์ชแนะนำ เธอก็ยิ้มแย้มทักทายพวกเขา ดูท่าทางพวกเขาเป็นมิตรมากทำให้เธอไม่เกร็งไปมากกว่าที่เป็นอยู่ หลังจากที่เงียบฟังพี่ ๆ บอกรายละเอียดของเกมที่พวกเราต้องเล่นเป็นเกมสุดท้ายของวัน มันเป็นเกมให้ทุกคนนึกชื่อผลไม้คนละ 1 ชื่อ และเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำกัน เริ่มด้วยคนที่ 1 พูดผลไม้ตัวเอง คนที่ 2 พูดชื่อผลไม้คนที่ 1 แล้วค่อยพูดผลไม้ของตัวเอง คนที่ 3 พูดชื่อผลไม้คนที่ 1 คนที่ 2 และของตัวเอง แบบนี้วนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีคนผิด ส่วนบทลงโทษเป็นสีน้ำข้นหนืดหลากสีตรงกลางวง ความหมายคือ คนที่พลาดจะต้องโดนเพ้นท์หน้า รุ่นพี่หลายคนกระจายกันเพื่อคอยสอดส่องดูแล ดูแล้วที่เก็บกิจกรรมนี้ก่อนปล่อยกลับคงเป็นเพราะมันจะต้องเละกันถ้วนหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ท่าทางแปลก ๆ ของคนในกลุ่มซึ่งดูขยาดสีน้ำกลางวงนั้นทำให้เธอกระตือรือร้นขึ้น น้ำอิงรู้สึกมั่นใจมากว่าตัวเองก็ความจำดีประมาณหนึ่ง เล่นตั้งหลายรอบ แค่พยายามจำก็พอ เดี๋ยวก็มีคนพูดผิดไปเองนั่นแหละ เมื่อรุ่นพี่ตีกลองให้สัญญาณกิจกรรมก็เริ่มขึ้น... “น้ำอิงเริ่มก่อนก็ได้ Lady first ครับ” อาร์เจพูดยิ้ม ๆ ซึ่งเธอก็พยักหน้า ดีเหมือนกันกว่าจะวนมาเจอเธออีกรอบก็คงมีคนผิดไปก่อนแล้ว “มะม่วง” “มะม่วง กล้วย” ตามด้วยนธีที่ดูเนือย ๆ แต่ก็ร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี “มะม่วง กล้วย ชมพู่ทูลเกล้า” มาร์ชพูดต่อทำให้ทั้ง น้ำอิง และนธีที่เล่นไปก่อนหน้านี้หันขวับไปหาทันที เธอหน้าเหวอเพราะดูเหมือนเกมไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อมาเล่นกับกลุ่มนี้ รุ่นพี่ที่เหล่ ๆ มองพวกเราขำพรืด สะกิดคนอื่นมาสนใจความเล่นใหญ่ของชื่อผลไม้เรา “มะม่วง กล้วย ชมพู่ทูลเกล้า แตงโมตอปิโด” อาร์เจไม่น้อยหน้าพูดแตงโมประหลาด ๆ ออกมาทำให้เธอเริ่มอยู่ไม่สุข เฮ้ย! ลืมแล้ว ชมพู่อะไรนะ? “มะม่วง กล้วย ชมพู่ทูลเกล้า แตงโมตอปิโด...พุทราสงวนทอง” ถามจริงเหอะ?! เกลียดไอ้พวกกระหายชัยชนะที่สุดเลย “มะม่วง กล้วย ชมพู่ทูลเกล้า แตงโมตอปิโด พุทราสงวนทอง...สาลี่” น้ำอิงทวนชื่อผลไม้ก่อนหน้าอย่างโล่งใจแต่ก็ต้องตาเหลือกอีกครั้ง “มะม่วง กล้วย ชมพู่ทูลเกล้า แตงโมตอปิโด พุทราสงวนทอง สาลี่ ...สับปะรดปัตตาเวีย” นทีก็เอากับเขาด้วย! แววตาที่กำลังลุกเป็นไฟเหมือนเขาก็เป็นพวกแพ้ไม่ได้เหมือนกัน โอเค...เกมนี้น้ำอิงขออนุญาตแพ้เองค่ะ! ผู้ชายกลุ่มนี้เป็นแฟนพันธุ์แท้ผลไม้หรือเปล่าวะเนี่ย “เฮ้ย...เธอเอาหน้าม้าขึ้นดิ้ เดี๋ยวผมก็เปื้อนหรอก” ยังจะต้องกลัวเปื้อนอีกหรือไง เต็มหน้าขนาดนี้แล้ว! มือเล็กรวบหน้าม้าตัวเองขึ้นด้วยใบหน้าเหม็นเบื่อเต็มที เล่นกันห้ารอบเธอก็แพ้อยู่คนเดียว พื้นที่หน้ามันเลยไม่พอให้วาด เขาก็ยังอุตส่าห์มุดไปเขียนหลังหน้าม้าของเธออีก ไม่มีความเห็นใจกันมั่งเลย แค่นี้ก็ไม่รู้จะล้างออกไหมแล้วนะ น้ำอิงหลับตาเพราะกลัวสีไหลเข้ามา แรงแปรงและความเย็นชืดของสีน้ำข้นกำลังลากไปมาทำให้รู้ว่าเขากำลังเขียนบางอย่างที่หน้าผาก ผู้ชายทั้งกลุ่มที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้านหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีต่างกับเธอที่เละตุ้มเป๊ะยิ่งกว่าตกถังสี รุ่นพี่หลายคนให้ความสนใจล้อมหน้าล้อมหลังกลุ่มของเราหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลัง บ้างก็เอากล้องมาถ่ายเธอไว้อีกต่างหาก เอาเถอะ...ให้มันจบ ๆ ไป ยังไงก็ไม่มีภาพลักษณ์อะไรให้รักษาอยู่แล้วนี่ “อยากถ่ายเก็บไว้ไหม” นธีที่กำลังวาดบางอย่างอยู่ก็เอ่ยถาม “ไม่!” “ไม่เป็นไร คนอื่นเขาถ่ายไว้ให้หลายเครื่องแล้ว” เขาพูดจากวนประสาท จนเธอจิ๊จ๊ะแล้วลืมตาก่อนจะจิกใส่คนที่ชักช้าลีลาอยู่นั่น เขามองไปยังหน้าผากของเธอและกำลังเขียนอย่างตั้งอกตั้งใจทำให้ดูน่าหมั่นไส้ “รีบเขียนได้แล้ว พูดมาก” พอรู้ว่าเรารุ่นเดียวกัน ความนอบน้อมที่เธอมีให้เมื่อคืนก็หายไปหมด ไม่หลงเหลือเด็กน้อยตาใสที่เคยพูดชื่นชมว่าพี่การ์ดใจดีอย่างนู้นอย่างนี้เลยซักนิด นธีเห็นท่าทีหงุดหงิดก็กลั้นหัวเราะเมื่อมองหน้าคนโชคร้ายใกล้ ๆ “อย่าแพ้แล้วพาลดิ นี่มันเวลาสนุกของคนชนะนะยัยบื้อ!” เขาโยกหัวเธอเหมือนตุ๊กตา ภายในกลุ่มหัวเราะเมื่อมองไปที่หน้าของเธอ มันต้องตลกหรือไม่เขาก็เขียนอะไรตลก ๆ แหงเลย “มาร์ช...นธีเขียนอะไรให้ฉันอ่ะ?” ร่างสูงผวาเมื่อเธอเอาหน้าไปใกล้ เธอตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ หน้าเธอทำเพื่อนกลัวขนาดผละออกห่างขนาดนั้นเลย? “โทษที ดูเองดีกว่านะ” เขายื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่ถ่ายหน้าเธอไว้ เมื่อเห็นก็แทบอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ หน้าเธอเป็นแมวใส่แว่นมีไฝสีดำเม็ดโตแถมขนงอกเป็นเส้นออกมาอีกต่างหาก พวกเขารวมหัวกันวาดให้เธอออกมาสภาพทุเรศขนาดนี้แล้ว แต่ก็มีไอ้คนกวนประสาทคนหนึ่งเขียนกลางหน้าผากประชดอีกว่า.... ‘สาวสวยเครื่องกล’ นี่มันล้อเลียนกันชัด ๆ !! “อย่ามาล้อกันนะ!” นธีหันไปอีกทางก่อนขำพรืดอย่างสุดทน ทำให้คนตัวเล็กหันไปมองเขาตาเขียว เห็นท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ เธอก็โมโหเข้าไปใหญ่จึงตะโกนใส่หูเขา “นธี!!!” “โอย...เสียงดังว่ะ เขากลับเข้าแถวกันแล้ว” ร่างสูงดันเธอเบา ๆ ให้ไปนั่งในแถว หลุดหัวเราะเป็นพัก ๆ ที่เผลอไปมองหน้าเธอเข้าให้ ผู้หญิงอะไรวะ หน้าตลกฉิบหาย หลังจากมีช่วงพูดคุยจากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้องรวมถึงการแนะนำอะไรต่าง ๆ หน้าของเธอก็เริ่มตึงเนื่องจากสีเริ่มแห้งกรัง และรับรู้ทุกครั้งที่ขยับใบหน้าว่าผงมันหลุดร่วงออกมาเต็มกระโปรงทรงพลีท บ้างก็เข้าตาจนเคืองไปหมด และทันทีที่รุ่นพี่ปล่อยเธอก็วิ่งไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งมีอ่างล้างหน้าด้านนอกก่อนเปิดก๊อกน้ำเพื่อลบมันออก ความเหนียวหนืดจากสีที่แห้งผสมน้ำอีกครั้งจนบางส่วนหลุดออก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ ๆ เมื่อลูบหน้าเงยมองผ่านกระจกก็พบว่าเป็น มาร์ช อาร์เจ และปูนที่เดินมาหา พวกเขายิ้มแห้งเหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เธอพยายามขยี้ตาสาเหตุของสีที่แห้งบางส่วนปลิวเข้าไป ส่วนไอ้คนที่แกล้งเธอหนักสุดหายหัวไปแล้ว! เหอะ! นี่เธอชักจะไม่แน่ใจแล้วนะว่าเขาแปลงร่างได้ในตอนกลางคืนหรือเปล่า ทำไมเมื่อคืนเขาใจดีจัง ทำไมวันนี้เขาเหมือนปีศาจมีเขี้ยวงอกออกมาได้ร้ายกาจแบบนั้น “เป็นไงบ้าง อยากให้ช่วยอะไรไหม คนสวยเครื่องกล” มาร์ชพูดล้อติดตลกตามคำที่นธีเขียนที่หน้าผากเธอ “มาร์ช...นายก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอ อย่านิสัยไม่ดีแบบนธีได้ไหม” เธอแอบเหน็บแนมคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ “ขอบคุณมากนะ อยากน้อยก็มีน้ำใจกว่าบางคน” “น้ำอิงมองไอ้ธีแย่เกินไปแล้วมันไม่ได้หนีกลับก่อนนะ มันไปที่รถหาผ้ามาให้อยู่” “อ้าว...เหรอ” เธอพูดเสียงเบา แล้วก็สะบัดหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็สะดุ้งเมื่อคนที่โดนนินทาเมื่อครู่เดินมาได้ยินประโยคนั้นของเธอพอดี “รู้ว่าเข้าใจผิดก็ขอโทษสิ เธอนั่นแหละนิสัยไม่ดี” ร่างสูงที่กลับมาพร้อมแพ็คทิชชูเปียก กล่องทิชชูแห้ง และผ้าขนหนูผืนเล็ก ต่อว่าเธอทันที “รู้งี้ปล่อยให้หน้าแมวต่อไปน่าจะดี” “เออ ขอโทษ ๆ” เธอขอโทษรัวเร็วอย่างเก้อ ๆ ก่อนจะรับทิชชูมาจากเขาแล้วดึงมาเช็ดส่วนที่ติดแน่นเป็นปื้นและภาพในกระจกที่ผู้ชายสี่คนยืนกอดอกรออยู่ด้านหลังเป็นภาพที่แปลกสำหรับคนอื่นไม่น้อย เพราะเธอเหลือบเห็นว่ารุ่นพี่ที่กำลังเก็บของหันมามองอย่างสนใจ “ขอบคุณมากที่เอาผ้ามาให้ พวกนายกลับกันได้เลย” เธอไล่พวกเขากลาย ๆ เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ งานกิจกรรมนี้ไม่ได้มีแค่สาขาเราแต่รวมทั้งคณะหมายความว่าตอนนี้คนที่ยังเหลืออยู่ที่ลานคณะจำนวนมากกำลังมองเธอแปลก ๆ “เดี๋ยวรอออกไปพร้อมกันก็ได้ พวกเราจะทิ้งน้ำอิงไว้คนเดียวได้ไง” ปูนตอบกลับ อยู่ ๆ ก็เป็นห่วงไม่มีปี่มีขลุ่ย “เธอไม่ต้องมองมันแบบนั้นหรอก พวกฉันรู้ว่าเธอไม่มีเพื่อน” นธีพูดเสียงเรียบแต่แทงใจดำคนตัวเล็กอย่างแรง “ปล่อยเธอโดดเดี่ยวเดินออกไปคนเดียว น่าสงสารตายห่า” “นี่นายมีปัญหาอะไรกับฉันมากเลยเหรอฮะ?” น้ำอิงชะงักมือที่กำลังซับหน้าก่อนเดินเข้าไปหาร่างสูงโปร่งด้วยคำถามหาเรื่อง จนมาร์ชหน้าตาตื่นรีบเดินเข้ามาแทรกกลางสงบศึก “ไอ้ธีมันหมายความว่าพวกเราอยากเป็นเพื่อนกับเธอไง” “กูพูดแบบนั้นเหรอ?” นธีหันไปถามเพื่อนตัวเองเสียงเรียบ และปฏิกิริยาตลกของผู้หญิงตรงหน้าก็ปรากฏทันทีอย่างที่เขาอยากเห็น เธอโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงปาผ้าขนหนูผืนเล็กมาตีเขาดังป้าบก่อนจะทำหน้าง้ำ แกล้งยัยนี่สนุกดีจริง ๆ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็พากันเดินออกมาทันทีก่อนที่จะเริ่มแยกกันไปคนละทิศละทาง ปูนขอตัวไปทางหอในอีกด้านหนึ่ง อาร์เจบอกว่าจะไปรับแฟน มาร์ชเองก็ต้องไปเอารถมอเตอร์ไซต์ที่จอดไว้อีกด้านของตึก “...” “...” เกิดอาการใบ้รับประทานกะทันหันเมื่อคนที่พูดมากอย่างมาร์ชเดินแยกออกไปเหลือแค่เธอและเขา แต่ถึงอย่างนั้นนธีก็เดินข้างเธอไปยังจุดหมายของเธอ เมื่อถึงจุดรับส่งวินมอเตอร์ไซต์เธอก็อ้าปากค้างกับสภาพที่เห็น “ถามจริง...” น้ำอิงอุทานเมื่อเห็นว่าแถวของวินหน้าคณะเธอนั้นยาวเป็นกิโลจนเลยร่มไม้ไปไกลโข คงเพราะทุกคณะก็เลิกกันเวลานี้ วินมอเตอร์ไซต์เลยไม่พอกับความต้องการ “จะเอายังไง” เสียงเข้มเอ่ยถามที่เธอยืนนิ่งนานเกินไป เธอก็ส่ายหน้าเนือย ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอายังไงต่อ “ไปต่อแถวตอนนี้กว่าจะถึงคิวเธอได้กลายเป็นแมวตากแห้งก่อนแน่” “ฉันก็ว่างั้นแหละ” ทั้งคู่เงยมองแดดตอนเที่ยงวันที่ทำงานดีสมกับมาจากพระอาทิตย์ ร้อนแรงและพร้อมเผาไหม้ทุกอย่างให้กลายเป็นจุณ คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนที่จะหันไปมองร่างสูงข้างกาย นึกคำพูดมาร์ชที่ว่านธีไปเอาของที่รถ นั่นแสดงว่าเขามีรถน่ะสิ และต่อด้วยคำแนะนำของเป้ที่ว่าหาเพื่อนมีรถไว้จะได้ไม่ลำบาก “นายไปส่งฉันหน่อยได้ไหม” เธอถามตาแป๋ว ทั้งที่เมื่อกี้ขู่กันเหมือนแมวสองตัวจะกัดกันตาย พอลำบากปุ๊บจากแมวกลายเป็นเปลี่ยนสีได้แบบกิ่งก่าซ่ะแล้ว “ฉันมีนัดกินข้าวกันเพื่อนที่คณะแพทย์ ไม่ว่าง” “แฟนป่ะ?” “ก็บอกอยู่ว่าเพื่อน หูหนวกเหรอ” “แล้วกินข้าวเสร็จว่างไหม” “ก็ว่าง” “งั้นขอไปกินข้าวด้วยได้ไหม” เธอทำตาปริบ ๆ อีกเช่นเคย จะว่าไปเธอก็หิวข้าวขึ้นมาแล้ว เมื่อเช้าก็ตาลีตาเหลือกมาคณะจนไม่มีอะไรรองท้องมาซักนิด นธีถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อคืนเขาคิดว่ายัยนี่โง่ได้ไง นี่มันฉลาดแกมโกงชัด ๆ จากที่ก่อนหน้าทำเป็นเหม็นขี้หน้าเขาแทบตาย เห็นความเจ้าเล่ห์ตรงหน้าจึงยกแขนขึ้นมากอดอกตีหน้านิ่ง “แล้วถ้าไม่ให้ไปล่ะ” “ฉันก็คงเป็นแมวตากแห้งไง ไม่สงสารเหรอ” ดวงตากลมโตกะพริบตาถี่ ย่นคิ้วเล็กน้อยขอความเห็นใจ “ไหน ๆ ก็เจอกันอีกรอบแล้ว ก็ช่วยใจดีแบบเมื่อคืนไม่ได้เหรอ เมื่อคืนนายน่ารักออก” “เพราะเมื่อคืนเธอไม่ก้าวร้าวขนาดนี้” “ตอนนี้ก็ไม่ก้าวร้าวแล้วไง ฉันขอร้องนายดี ๆ นายก็น่ารักได้แล้วใช่มั้ย?” เธอยิ้มอย่างที่ตัวเองชอบทำเวลาต้องการอะไรสักอย่าง พวกเป้เคยบอกว่าเธอเป็นแม่มดตาใส ที่หลอกใช้คนอื่นด้วยนัยน์ตาซื่อ ๆ แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันแย่นะ เพราะปราบใดที่มันยังทำให้เธอได้ทุกอย่างที่ต้องการมาอย่างง่าย ๆ เป็นแม่มดก็ไม่เห็นเป็นไร เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ดังออกมาจนเธอแอบยิ้มมุมปาก เพราะสุดท้ายแล้วไม่คิดว่า... “จะไปก็ตามมา” มันก็ใช้งานได้กับนธีด้วยอีกคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD