คำเตือนจากแม่

1709 Words
ตอนที่ 7 ระหว่างทาง คุณปราณีจับแขนบุตรสาวเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนแต่มีความหมายแอบแฝงเอ่ยขึ้น คล้ายว่าจะเตือนสติของพริมา “หนูโตแล้วจะทำอะไรก็ให้รู้จักป้องกันให้ดีๆ นะลูก ยุคสมัยนี้... เรื่องพวกนี้มันง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ... แต่ก็อันตรายก็เยอะกว่าเมื่อก่อนเหมือนกัน...ที่แม่เตือนเนี่ยก็เพราะห่วงหนูนั่นแหละ” คำพูดของผู้เป็นมารดาทำเอาพริมารู้สึกหน้าร้อนผ่าว เธอรู้ดีว่าแม่หมายถึงอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแม่คงจะรู้แล้ว หรือไม่ก็อาจแค่เตือนด้วยความเป็นห่วงในฐานะแม่ “ค่ะแม่... หนูเข้าใจค่ะ” พริมาพยักหน้ารับเบาๆ ไม่กล้าหันมาสบตากับแม่ ก่อนจะพยายามมีสมาธิอยู่กับการขับรถ หลังจากพริมาและมารดากลับจากไปจ่ายตลาดมาแล้ว คุณปราณีก็รีบจัดเตรียมทำอาหารเช้า พริมาช่วยแม่ทำอาหารอย่างเงียบๆ 07.00 น. ภาสกรก็เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับจีน่าที่ดูจะเพิ่งตื่นนอน จีน่าดูอารมณ์ดีและวิ่งไปหาคุณยายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อ้าว!! ตื่นกันแล้วเหรอจ๊ะ” คุณปราณีทักทายหลานสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางภาสกรที่เดินตามมา ไฮโซหนุ่มยิ้มสุภาพหญิงสูงวัยอย่างสุภาพนอบน้อมก่อนจะเอ่ย “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่” “เป็นไงคะ..เมื่อคืนหลับสบายมั้ย” คุณปราณีถามอย่างเป็นกันเอง “ครับคุณแม่ อากาศที่นี่เย็นสบาย ผมหลับสบายมากเลยครับ” ภาสกรตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม จีน่าเกาะขาคุณยาย มองหน้าภาสกรสลับกับพริมาด้วยดวงตากลมโต “คุณย่าขา...เมื่อคืนคุณพ่อมานอนด้วย สนุกจังเลยค่ะ!” คำพูดไร้เดียงสาของหลานสาวทำเอาพริมาหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย แต่ก็พยายามฝืนยิ้ม คุณปราณีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองพริมาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง แล้วหันไปบอกไฮโซหนุ่ม “คุณภาส!!! เดี๋ยวมาทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะ” ”ครับคุณแม่” ไฮโซหนุ่มพูดเสร็จก็เดินตรงไปยังห้องน้ำ เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็พร้อมเพรียงกันที่โต๊ะอาหารตรงชานด้านนอก แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลงมากระทบใบหน้าของแต่ละคน บรรยากาศดูอบอุ่นและเป็นกันเอง พริมาและภาสกรพยายามทำตัวให้เป็นปกติ โดยเฉพาะภาสกร ยังคงทำหน้าที่ 'คุณพ่อจำเป็น' ได้อย่างแนบเนียน พร้อมกับพูดคุยกับคุณปราณีได้อย่างสุภาพ แสดงความสนใจในเรื่องต่างๆ ของชาวบ้าน ทำให้คุณปราณียิ่งชื่นชมในตัวเขา พริมาได้แต่นั่งเงียบๆ ทานข้าวไป มองลูกสาวที่หัวเราะร่าเริง และมองภาสกรที่แสดงบทบาทได้อย่างดีเยี่ยม แต่ความรู้สึกผิดยังคงตามหลอกหลอนเธอ เพียงแค่เธอพยายามซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยเท่านั้น หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ พริมาเข้าไปเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ในห้องนอนพอคุณปราณีหันไปเล่นกับจีน่า ภาสกรก็แอบตามพริมาเข้าไปภายในห้องของเธอ ก่อนจะรีบโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง “ขอบคุณนะ..ที่รัก ที่เมื่อคืนคุณยอมให้ผมนอนด้วย” ไม่เพียงการกระทำเท่านั้นที่ดูแย่ แต่คำพูดนั้นยิ่งทำให้พริมารู้สึกแย่กว่าการกระทำเสียอีก เธอมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก “ฉันเก็บของเสร็จแล้วค่ะ เรากลับกันเถอะค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างเลื่อนลอย ภาสกรยิ้มบางๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร และก็ไม่ได้แสดงท่าทีใส่ใจอะไรมากนัก เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งสองคนก็ลงจากบ้านเพื่อร่ำลาคุณปราณี “ผมลานะครับ...คุณแม่ สวัสดีครับ” “ขอบคุณมากนะคะ คุณภาสกรที่มาส่งยัยปริม ไว้มาเที่ยวอีกนะค่ะ “ยินดีครับคุณแม่ แล้วผมจะพาพริมากลับมาเยี่ยมคุณแม่กับน้องจีน่าบ่อย ๆ นะครับ ภาสกรยังคงทำหน้าที่ทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ขณะที่พริมาได้แต่ยิ้มบางๆ อย่างเกร็งๆ น้องจีน่าที่เมื่อครู่ยังวิ่งเล่นหัวเราะร่าเริงอยู่แถวชานบ้าน เมื่อเห็นพริมาหยิบกระเป๋าและท่าทีเตรียมพร้อมจะไป น้ำเสียงและบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไปทันที น้องจีน่ามีแววตาเศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากเล็กๆ เริ่มเบะออก แสดงความรู้สึกเสียใจที่รับรู้ว่าคุณแม่กำลังจะจากเธอไปอีกครั้ง พริมาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าลูกสาว ใบหน้าสวยหวานที่ปกติจะแต่งแต้มรอยยิ้ม ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บปวดที่ต้องเห็นลูกเสียใจ “ไม่เอานะคะคนเก่งของแม่” พริมาเอ่ยเสียงอ่อนโยน พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล “แม่ต้องกลับไปทำงานนะคะ เดี๋ยวแม่ทำงานเสร็จแล้ว แม่จะรีบมาหาหนูใหม่นะคะ” เด็กน้อยส่ายหน้าช้าๆ แววตาคลอไปด้วยน้ำตา “หนูไม่อยากให้คุณแม่กลับไปเลยค่ะ...หนูอยากให้คุณแม่อยู่กับหนูที่นี่” เสียงเล็กๆ อ้อนวอน ทำให้ใจคนเป็นแม่แทบขาด พริมาฝืนยิ้มทั้งน้ำตา ค่อยๆ ดึงลูกสาวเข้ามากอดไว้แน่น สัมผัสอบอุ่นของลูกทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้น หญิงสาวกระชับอ้อมกอด “ไหน!!!...คุณแม่ขอหอมให้ชื่นใจหน่อยนะคะ!” เธอหอมแก้มซ้ายขวาของลูกสาวฟอดใหญ่ ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่เล็กๆ ของจีน่า สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคย จีน่าเองก็ยกแขนเล็กๆ ขึ้นโอบกอดคอแม่ไว้แน่น ราวกับกลัวว่าแม่จะหายไป คุณปราณียืนมองสองแม่ลูกกอดกันอยู่ไม่ไกล สายตาเต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของทั้งคู่ดี แต่ก็รู้ว่าชีวิตของพริมาในตอนนี้ยังไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ ภาสกรยืนอยู่ข้างๆ พริมาและจีน่า มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย อาจจะมีความรู้สึกบางอย่างฉายวาบในดวงตา แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจน เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปจริงๆ พริมาคลายอ้อมกอดจากลูกสาวอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วปาดน้ำตาที่เริ่มคลอเบาๆ ที่หางตาของจีน่า พริมายิ้มฝืนๆ ให้ลูกอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “แม่ไม่อยู่ หนูต้องเป็นเด็กดีนะคะลูก... เชื่อฟังคุณยายนะคะ... เดี๋ยวแม่จะโทรหาหนูทุกวันเลย ดีมั้ย” จีน่าพยักหน้ารับทั้งน้ำตา แต่ก็ยอมปล่อยให้แม่ลุกขึ้น พริมาเดินเข้าไปกราบลาคุณปราณี คุณปราณีกอดลูกสาวไว้แน่น “ไปดีมาดีนะลูก... ขับรถก็ระวังๆ นะคุณภาส” “ครับคุณแม่...กราบลานะครับ” ภาสกรยังคงรักษาบทบาท 'ว่าที่ลูกเขยผู้แสนดี' ได้อย่างแนบเนียน เขายกมือไหว้คุณปราณีอย่างนอบน้อม ก่อนจะจูงมือพริมาไปส่งขึ้นรถ ภาสกรขับรถออกจากบ้านไม้หลังเก่าของคุณปราณีไปอย่างช้าๆ พริมามองย้อนกลับไปที่บ้าน เห็นคุณแม่ยืนยิ้มโบกมือให้จนลับสายตาข้างๆ คุณแม่ มีร่างเล็กๆ ของจีน่ายืนมองตามรถไปจนสุดสายตาเช่นกัน ภาพลูกสาวที่ยืนมองตามด้วยแววตาเศร้าสร้อย ยังคงติดตรึงอยู่ในใจของพริมาตลอดการเดินทาง ความรู้สึกผิดที่ต้องทิ้งลูกไว้ และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับภาสกร กัดกินหัวใจของเธออย่างเงียบๆ บนเส้นทางกลับสู่เมืองกรุง... รถยนต์คันหรูแล่นฉิวไปบนถนน ทิ้งบ้านไม้หลังเก่าและชีวิตที่เรียบง่ายไว้เบื้องหลัง พริมานั่งมองวิวข้างทางไปเรื่อย ๆ ความเงียบในรถทำให้เธอได้ยินเสียงความคิดของตัวเองชัดขึ้น ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อเห็นป้ายบอกทางเข้าตัวเมือง พริมาก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น “คุณภาสคะ... รบกวนแวะร้านขายยาข้างหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ” ภาสกรหันมามองเล็กน้อย เห็นสีหน้าของพริมาก็พอจะเดาได้ว่าเธอต้องการอะไร เขายิ้มบางๆ อย่างรู้ทัน ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าร้านขายยาแห่งหนึ่ง พริมาลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านด้วยท่าทีที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด เธอตรงไปที่เคาน์เตอร์ พูดคุยกับเภสัชกรหญิงเสียงเบา “ดิฉันขอซื้อยาคุมฉุกเฉินค่ะ” ขณะที่จ่ายเงิน เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า แต่ก็จำต้องทำเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เมื่อกลับขึ้นมาบนรถ ภาสกรก็ไม่ได้ถามอะไร พริมาเองก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองนั่งเงียบๆ ปล่อยให้บรรยากาศอึดอัดเข้าครอบงำ รถขับต่อไปอีกสักพัก โทรศัพท์มือถือที่เชื่อมเอาไว้ภายในรถยนต์ของภาสกรก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ ‘มนต์ตรา’ ภาสกรกดรับสายที่ปุ่มรับสายบนพวงมาลัย เสียงลำโพงในรถดังเป็นปกติเพริมาจึงได้ยินด้วย ภาสกร: ฮัลโหลคุณ ผมใกล้ถึงแล้ว มนต์ตรา: คุณอยู่ที่ไหนคะ? จะกลับถึงบ้านกี่โมง? ภาสกร: อ๋อ... ผมกำลังขับรถกลับอยู่ครับ พอดีแวะดูงานที่ต่างจังหวัดนิดหน่อย... คิดว่าน่าจะถึง...” เขาเหลือบมองนาฬิกาภายในรถ ภาสกร: น่าจะไม่เกินบ่ายโมงครับ มนต์ตรา: อ้อ เหรอคะ... งั้นคงไปดูหนังรอบบ่ายไม่ทัน งั้นเราพาลูกไปดูรอบเย็นได้มั้ยคะ...คุณรีบกลับมานะคะ ภาสกร: ได้ครับคุณมนต์ แล้วเจอกันที่บ้านนะครับ ภาสกรกดปุ่มวางสายที่พวงมาลัยเรียบร้อย แววตาของเขาฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองพริมา “ผมอาจจะอยู่ต่อกับคุณได้ไม่นานนะครับ พริมา... เพราะช่วงเย็นต้องรีบพาลูกไปดูหนัง” พริมาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าเขาจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD