ตอนที่ 4
ทั้งสี่คนนั่งคุยกันจนเวลาล่วงเลยมาราว ๆ เกือบสองทุ่มเศษ เสียงจิ้งหรีดเรไรเริ่มดังระงมในความมืดมิด คุณปราณีเห็นว่าจีน่าเริ่มง่วง จึงขอตัวพาหลานเข้านอนก่อน
“คุยกันไปก่อนนะ แม่ว่า...จีน่าเริ่มง่วงแล้วล่ะ ป่ะ!!...จีน่าไปนอนกับยายดีกว่านะลูก” เด็กน้อยรีบเกาะมือคุณยายปราณีแต่โดยดี
“ค่ะ..คุณยาย” น้องจีน่าขานรับเสียงใส
คุณปราณีจูงมือน้อยของหลานสาวเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้พริมาและภาสกรนั่งอยู่บนชานนอกบ้านด้วยกันเพียงสองคน ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาแทนที่เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยเมื่อสักครู่
พริมานั่งนิ่ง รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยที่ต้องอยู่กับภาสกรตามลำพังในบรรยากาศที่เงียบสงบเป็นส่วนตัวขนาดนี้ ภาสกรก็เอาแต่ชวนคุย จนเวลาล่วงไปเกือบหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวรู้ดีว่าถึงเวลาที่ตนเองควรจะถอยห่าง
“ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พริมาเอ่ยบอกเสียงเบาหวิว ก่อนจะลุกขึ้นยืน
พริมาสาวเท้าไปยังห้องนอนของตนเองอย่างรวดเร็ว ราวกับต้องการหลีกหนีจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดนั้น มือเรียวคว้าชุดนอนเนื้อนุ่ม แล้วรีบเร่งไปยังห้องน้ำที่ทอดตัวค่อนไปทางหลังบ้าน แสงไฟสีส้มนวลจากหลอดไส้ส่องสว่างลอดบานประตูไม้เก่า ๆ
พริมาลอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบา หวังว่าช่วงเวลาเงียบสงัดเพียงครู่เดียวในห้องน้ำ จะช่วยบรรเทาความร้อนรุ่มในอกเธอได้บ้าง นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ปลดซิปชุดเดรสออกจากเรือนร่างอย่างเชื่องช้า เนื้อผ้าลื่นไหลหลุดล่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นผิวเนื้อเนียนละเอียดต้องกับแสงไฟสลัวยามค่ำคืน
หญิงสาวเลื่อนมือไปด้านหลัง ปลดตะขอเสื้อชั้นในเบาๆ ปล่อยให้ทรวงอกอวบอิ่มเป็นอิสระ ทรงสวยได้รูปภายใต้แสงไฟสีนวล เรือนร่างเปลือยเปล่าค่อยๆ ปรากฏสู่สายตาของใครบางคนในความเงียบสงัดนั้น แสงจันทร์นวลสาดส่องลอดช่องไม้ระแนงเป็นทางยาว ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปแผ่นไม้ประตูห้องน้ำเก่าๆ ที่มีรอยผุพังจนเกิดเป็นรูเล็กๆ
พริมาเดินไปยังโอ่งน้ำดินเผาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างผนังห้องน้ำ มือเรียวสวยคว้าขันใบเล็กตักน้ำเย็นใสขึ้นมาช้าๆ แล้วค่อยๆ ราดรดลงบนผิวกายทีละน้อย หยาดน้ำเย็นเยียบไหลรินลงมาตามลาดไหล่เนียน ผ่านเนินอกอวบอิ่ม และหน้าท้องแบนราบ... ความเย็นสดชื่นค่อยๆ ปลุกประสาทสัมผัสให้ตื่นตัว
หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงเมื่อดวงตาได้สบกับภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน หยาดน้ำเกาะพราวบนผิวกายเปลือยเปล่าของพริมา ไหลรินลงมาตามลาดไหล่เนียนสวย ผ่านเนินอกอวบอิ่มที่สั่นไหวเล็กน้อยยามที่เธอเคลื่อนไหว ทุกสัดส่วนโค้งเว้าภายใต้แสงสลัวช่างเย้ายวนเกินกว่าจะละสายตา
ความปรารถนาที่เคยคุกรุ่นกลับโหมกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง ภาพเมื่อตรงหน้าช่างชวนให้ร้อนรุ่มจนแทบกลั้นหายใจ รูเล็กๆ บนบานประตูไม้เก่า ๆ กลายเป็นช่องทางที่นำพาเขาไปสู่โลกส่วนตัวอันแสนเร้าร้อนของเธอ... โลกที่เขาอยากเข้าไปสัมผัส
เวลาผ่านไปไม่นานนัก บานประตูห้องน้ำก็ค่อยๆ แง้มออก พร้อมกับไอน้ำจางๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำที่ลอยตลบอบอวลไปทั่ว พริมาอยู่ในชุดนอนบางเบา เธอกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับหยดน้ำออกจากเส้นผมยาวสลวย มืออีกข้างกำลังจะเอื้อมไปปิดประตู เพื่อกลับเข้าไปสู่โลกส่วนตัวอันเงียบสงบ
ทว่า... ภาพที่ปรากฏตรงหน้า กลับทำให้มือเรียวงามชะงัก ร่างสูงใครบางคนในมุมมืดยืนอยู่ไม่ห่างนักจากประตูห้องน้ำ แสงไฟสลัวจากภายในห้องน้ำส่องสว่างทาบทอไปทั่วร่างของเขา ดวงตาคมกริบจับจ้องมาที่เธออย่างเปิดเผย ราวกับต้องมนต์สะกด
“คุณภาส!” พริมาอุทานเสียงแผ่ว ความตกใจแล่นริ้วไปทั่วร่าง หัวใจเต้นกระหน่ำ ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อย มือที่กำลังจะปิดประตูกลับแข็งทื่อ หวังว่าสิ่งที่เธอคิดคงไม่เป็นเช่นนั้น... หวังว่าสายตาที่จ้องมองมาอย่างลึกล้ำนั้น จะไม่ได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอไปเสียแล้ว ความร้อนวูบวาบแล่นปราดไปทั่วใบหน้า
“มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!” คำถามนั้นแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
พริมายืนจ้องหน้าเอาคำตอบ ชุดนอนเรียบง่ายสีครีมอ่อนๆ เป็นผ้าแบบเรียบ ๆ ไม่ได้หวือหวา แต่ด้วยเนื้อผ้าที่ทิ้งตัวตามทรวดทรง ทำให้เห็นเค้าโค้งเว้าของร่างกายภายใต้ชุดนอนนั้นอย่างชัดเจน สายเดี่ยวเส้นเล็กเผยให้เห็นหัวไหล่เนียนผ่อง ผิวพรรณหลังอาบน้ำดูเปล่งปลั่งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แม้จะไม่ได้แต่งหน้า แต่ความสวยตามธรรมชาติของเธอก็ยังคงสะกดสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี
ภาสกรยืนมองพริมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะได้สติแล้วรีบเอ่ยขึ้น
“คุณพริมา!!! อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ...” เสียงของเขาแหบพร่าอย่างน่าประหลาด พริมารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าและพยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจาย
“ค่ะ... คุณภาสมีอะไรหรือเปล่าคะ?” น้ำหวานแผ่วพร่าเล็กน้อย
ภาสกรก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ระยะห่างระหว่างกายหยาบทั้งสองลดลงจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกันและกัน กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอรวยรินเข้าสู่โพรงจมูกเขา
“อ๋อ ปะ เปล่า ๆ ครับ...คือผมแค่มารออาบน้ำน่ะครับ” ภาสกรเอ่ยเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย พร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ ที่ปรากฏขึ้น ทว่า...ดวงตาคมกริบกลับมิได้ละไปจากใบหน้าแดงปลั่งของเธอเลยแม้แต่น้อย ราวกับต้องมนต์สะกดกับความงามที่เพิ่งพ้นจากม่านน้ำ พริมาหายใจสะดุด เธอรู้ดีว่าคำตอบในแววตาคู่นั้นมันไม่ตรงกับคำพูดของเขา
“งั้นเชิญเลยค่ะ” เธอรีบขยับหลีกทางอย่างรวดเร็ว มือเรียวสวยยกขึ้นซับผมที่ยังเปียกชื้น เพื่อปกปิดความกังวลใจที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภาสกรเดินผ่านเธอไป กลิ่นสบู่อ่อนๆ จากกายของหญิงสาวลอยมาแตะจมูก แต่สายตาคมกริบยังคงตรึงอยู่ที่ร่างของเธอจนกระทั่งร่างระหงเดินจากไปจนพ้นสายตา
พริมาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทว่าหัวใจกลับยังเต้นระรัวราวกับกลองศึกจากการเผชิญหน้าเมื่อครู่ เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบพายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำอยู่ในใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินลึกเข้าไปในตัวบ้าน ปลายทางคือห้องนอนใหญ่ของผู้เป็นมารดา
เมื่อแง้มมุ้งที่กางเอาไว้ออก ภาพที่เห็นทำให้ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา จีน่ายังไม่หลับ เธอเงยหน้ายิ้มตาใสอยู่ในอ้อมกอดของคุณปราณี สองยายหลานนอนแนบชิดกันอย่างอบอุ่นในความมืดสลัว
“อ้าว! ยัยปริม... อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” คุณปราณีเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“ให้คุณภาสเค้านอนข้างในนะลูก...เดี๋ยวยุงจะหามเอา แล้วหนูก็เข้ามานอนกับแม่ในนี้ เบียด ๆ กันสามคนไม่เป็นไรหรอก” พริมาเธอมีห้องนอนของเธออีกห้องหนึ่ง ซึ่งคุณปราณตั้งใจจะให้เป็นห้องของชายหนุ่มต่างถิ่น แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันมากเด็กน้อยก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“เย้!!!.ดีเลยค่ะ..คุณยาย!!! จีน่าอยากนอนกับคุณแม่บ้าง จีน่าไม่ได้นอนกอดคุณแม่นานแล้ว” เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อน ก่อนจะทำตาแป๋ว พริมามองหน้าลูกสาวด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“งั้นจีน่ามานอนกับแม่คืนหนึ่งม่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ก็กลับแล้ว” เธอบอกกับลูกสาว พลางลูบผมนุ่มๆ ของจีน่า
“อ่าวยัยปริม ทำไมไม่นอนตรงนี้ด้วยกันซะเลยล่ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นลูกสาวจะพาหลานเดินออกไปนอนห้องของตัวเอง
“ห้องนอนปริม คงให้เค้านอนไม่ได้หรอกค่ะ...นาน ๆ จะนอนสักที ฝุ่นมันเยอะ แล้วเค้าก็บอกเองว่าจะนอนข้างนอก” พริมาตอบเสียงเข้ม ก่อนจะรีบหาข้ออ้างกับผู้เป็นมารดา ความไม่พอใจยังคงกรุ่นกับสิ่งที่เธอคาดเดาไว้เมื่อสักครู่
“งั้นก็ไปกางมุ้งให้เค้านะ เดี๋ยวยุงจะหามเอา” ผู้เป็นมารดาสั่งด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ” พริมารับคำสั้นๆ ก่อนจะพาลูกสาวเดินออกจากห้องไป
คุณปราณีมองสองแม่ลูกด้วยความงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อเห็นหลานสาวดูจะดีใจมากที่จะได้นอนกับผู้เป็นแม่
พริมาจูงมือน้องจีน่าออกจากห้องนอนใหญ่ของผู้เป็นมารดาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเผชิญหน้ากับภาสกรที่ยืนรออยู่
“คุณไม่ต้องกางมุ้งให้ผมก็ได้ครับ เอาแค่ที่นอนกับผ้าห่มก็พอ” เขาคงได้ยินบทสนทนาในห้องนอนเมื่อครู่แล้วกระมัง ถึงได้บอกเช่นนี้ หญิงสาวคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ก่อนจะทำตามคำขอร้องของชายหนุ่ม โดยเธอรีบเข้าไปห้องนอนเพื่อนำฟูกแบบพับได้ซึ่งเก็บไว้ในตู้ พร้อมกับมุ้งขนาดกะทัดรัดมาให้เขา หญิงสาวทำท่าจะกางมุ้งให้ภาสกรอย่างเสียไม่ได้ แต่ภาสกรกลับยกมือห้ามเบา ๆ จีน่ามองยืนมองทั้งสองด้วยความขบขัน
“ไม่ต้องหรอกครับ...คุณพริมา” น้ำเสียงของเขาเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด พริมามองหน้าภาสกรอย่างงุนงง เขาส่ายหน้าเบาๆ
“ผมใช้แค่ฟูกแล้วก็ผ้าห่มผืนเดียวก็พอแล้วครับ คุณไม่ต้องกางมุ้งให้ยุ่งยากหรอก”
คุณปราณีออกมายืนแอบมามองดูเหตุการณ์นั้นอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นว่าภาสกรต้องการเพียงแค่นั้นจริง ๆ จึงกลับเข้าไปภายในห้องนอนของตัวเอง
“งั้น... ฉันกับลูกขอตัวไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปตลาดแต่เช้า” พริมารีบบอก ก่อนจะปล่อยฟูกและผ้าห่มทิ้งเอาไว้ให้ภาสกร แล้วจูงมือเล็กๆ ของน้องจีน่าเดินจากไป
ภาสกรยืนมองตามหลังสองแม่ลูกที่เดินลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนฟูก รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า แววตาคมๆ จ้องมองไปที่ประตูห้องที่พริมากับจีน่าเข้าไป...
“คุณแม่ขา ทำไมไม่ให้คุณพ่อนอนห้องเดียวกับเราล่ะคะ” เด็กน้อยถามขึ้นอย่างไร้เดียงสา พริมาเก็บมุ้งกลับเข้าไปในตู้ตามเดิม
“ไม่ได้หรอกลูก คุณพ่อเค้าเป็นผู้ชาย..ต้องนอนคนเดียวค่ะ” พริมาเอ่ยเสียงอ่อนโยน มองลูกสาวที่ทำท่าทางอยากจะไปเล่นคลุกคลีกับภาสกร
“เหรอคะ หว้าแย่จัง!!” น้องจีน่าพึมพำเสียงแผ่ว
“หนูก็นอนได้แล้วลูก ดึกแล้ว” พริมาบอกพลางดึงผ้าห่มคลุมตัวลูกน้อย