ตอนที่ 11 ยัยเด็กแสบ
อาทิตย์ต่อมา
11.00 น.
หนูยิ้มยังคงทำหน้าที่ในการเป็นแอมบาสเดอร์คู่กับวาตะ ซึ่งการถ่ายทำของทั้งสองเสร็จไปมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว อีกทั้งการถ่ายแบบยังคงเหลือโลเคชั่นเพียงอีกแค่ 3 ที่เท่านั้น โดยทั้งสามที่เป็นพื้นที่นอกมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นวิทยาเขตการดูแลของมหาวิทยาลัย
“เดี๋ยวหนุูยิ้มไปพักก่อนนะ ยังเหลือถ่ายอีก 3 ที่ แต่เป็นด้านนอกมหา’ลัยนะ ไม่มีปัญหาใช่ไหม” รุ่นพี่เอ่ยถามขึ้นมาเพราะกลัวว่าหนูยิ้มจะมีปัญหา ด้วยเพราะหญิงสาวเป็นเด็กใหม่
“ไม่มีปัญหาค่ะ หนูยิ้มเต็มที่ค่ะ”
“พักก่อนนะคะ เดี๋ยวทีมงานมาเรียกขึ้นรถอีกทีนะคะ งั้นพี่ไปก่อนนะ” หนูยิ้มพยักหน้ารับทันที ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย
หลังจากที่หนูยิ้มนั่งพักมาได้สักพัก วาตะก็เดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ของหญิงสาว
“พี่วาตะเหนื่อยไหมคะ นี่น้ำค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยพร้อมส่งขวดน้ำให้กับวาตะ ซึ่งวาตะไม่เพียงแต่ไม่รับน้ำจากหญิงสาว แต่เขาไม่คิดจะสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ เขาทำเหมือนหนูยิ้มเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น
“นี่ยังโกรธหนูยิ้มอยู่อีกเหรอ ดีกันนะคะนะ” หนูยิ้มมองวาตะด้วยดวงตาที่กลมโตออกมา ชูนิ้วก้อยพร้อมยกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ยังจะต้องถามอีกเหรอและอย่ามาทำท่าเป็นเด็กๆ” วาตะเบือนหน้าหนีเม้มปากสะกดยิ้มกับท่าทางที่อีกฝ่ายกำลังดูออดอ้อนเขาอยู่
“งั้นต้องทำแบบไหนพี่วาตะจะหายโกรธหนูยิ้มคะ” หนูยิ้มยื่นใบหน้าของตัวเองเข้าไปมองวาตะ
ในขณะที่วาตะหันกลับมามองหญิงสาวทำให้ทั้งสองสบสายตากันอย่างไม่ตั้งใจ หัวใจของวาตะเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ สายตาคู่คมเผลอมองสำรวจใบหน้าของหนูยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ
หนูยิ้มที่วาตะเคยเจอตอนนั้นกับตอนนี้มันช่างต่างกันสิ้นเชิง เมื่ออีกฝ่ายในตอนนี้ทั้งสวยทั้งมีออร่า แถมผิวพรรณยังผิดไปจากที่เขาเคยเจอเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
“มันหมายความว่ายังไงคะ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ทั้งวาตะและหนูยิ้มต่างพากันมองไปยังเจ้าของเสียง
“เรื่องอะไรคะ” รุ่นพี่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจท่าทีของเอมี่ในตอนนี้
“ทำไมต้องให้ยัยนี่มาถ่ายงานแทนเอมี่ด้วยค่ะ” เอมี่ชี้ไปทางหนูยิ้มก่อนเอ่ยด้วยความโมโห
“ก็น้องเอมี่มาถ่ายไม่ได้พี่เลยต้องให้คนที่ผ่านการคัดเลือกลำดับต่อไปมาแทนยังไงคะ หรือเอมี่คิดว่าตัวเองถ่ายทำไหว ถ้าทำได้ทำไมถึงไม่มาตั้งแต่แรก” รุ่นพี่ไม่คิดว่าเอมี่จะมาอาละวาดแบบนี้
ในการถ่ายทำเซตแรกด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปหลายวันแล้ว พอตอบข้อความกลับมาดันบอกว่าถ่ายทำวันนี้ไม่ได้จะให้เลื่อนออกไปอีก 2 วันทั้งที่ทุกอย่างถูกจัดเตรียมให้หมดแล้ว
“แต่เอมี่แจ้งไปแล้ว ว่ายังไงเอมี่ก็จะมาถ่ายงานเซตที่สองตามที่ตกลง แต่นี่อะไรพี่ไปเอาคนอื่นมาถ่ายคู่พี่วาตะแบบนี้เอมี่ไม่ยอม ” เอมี่มองหนูยิ้มอย่างไม่พอใจ ตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยชอบหนูยิ้มอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ชอบเข้าไปอีก
“ไม่ยอมแล้วยังไง คือจะให้พวกพี่ถ่ายใหม่เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“น้องเอมี่” รุ่นพี่เรียกอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่อย่างนั้นเอมี่จะไปไลฟ์สดด่าให้ดู”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ควรไปคัดคนมาถ่ายคู่ด้วย เพราะฉันจะไม่ถ่ายเพิ่ม ” วาตะที่ฟังมาได้สักพักพูดขึ้นก่อนเดินตรงไปยังหน้ากล้องอีกครั้ง ทำให้หนูยิ้มที่เห็นแบบนั้นต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พี่วาตะ” เสียงเอมี่เรียกวาตะเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ
การกระทำของเอมี่ในวันนี้ทำให้รุ่นพี่ ทีมงานพากันเอือมระอากับความเอาแต่ใจ ความไม่เป็นมืออาชีพทั้งที่เอมี่ทำงานเกี่ยวกับวงการนางแบบ อินฟูเอนเซอร์อยู่แล้ว รวมถึงการบอกว่าจะไลฟ์ด่าทีมงานอีก
หลังจากการถ่ายแบบผ่านพ้นไปได้ด้วยดี วันนี้ก็เป็นวันปิดกล้องปิดจบงานทั้งหมด ซึ่งทุกคนต่างดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี มีเพียงหนูยิ้มที่รู้สึกไม่ร่าเริงเหมือนที่ผ่าน ๆ มาเพราะเท่ากับว่าเธอจะไม่ได้เจอกับวาตะอย่างใกล้ชิดอีก
ซึ่งช่วงค่ำของวันนี้จะมีงานเลี้ยงปิดกล้อง หนูยิ้มไม่คิดปฏิเสธที่จะมางานเลี้ยงเพราะหญิงสาวอยากจะมาเจอกับวาตะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“พี่ขอบคุณทุกคนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ทุกอย่างออกมาดีด้วยนะคะ” สิ้นเสียงของรุ่นพี่ที่ดูแลงาน เสียงตบมือก็ดังออกมาทันที
“ต้องขอบคุณวาตะกับหนูยิ้มด้วยนะ”
“หนูยิ้มยินดีมากๆค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ต่างจากวาตะที่พยักหน้ารับเท่านั้น
“มา ๆ ดื่มกัน” รุ่นพี่พูดพร้อมส่งแก้วเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ให้กับหนูยิ้ม
“เอานี้ไป เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดดื่มเหล้า” วาตะไม่เพียงแต่พูดเปล่า เพราะเขาได้เปลี่ยนจากแก้วเหล้าในมือของหนูยิ้มเป็นน้ำอัดลมแทน
“เป็นห่วงหนูยิ้มเหรอคะ” หนูยิ้มพุดกับวาตะอย่างมีท่าทีดีใจ
“กิน ๆ ไปเถอะหน่า” หนูยิ้มไม่พูดอะไรต่อแต่ก็เลือกที่จะกินไปอย่างเงียบ ๆ แต่ในระหว่างนั้นวาตะก็รอบมองหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งรุ่นพี่ต่างพากันกลับเพราะดึกมากแล้ว
“หนูยิ้มกลับยังไง” รุ่นพี่เอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าหนูยิ้มไม่มีเพื่อนกลับ แถมยังไม่มีรถอีกด้วย
“เดี๋ยวหนูยิ้มเรียกรถกลับเองค่ะ” หนูยิ้มตอบอีกฝ่ายทันที
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ”
เมื่อทุกคนแยกย้ายกับกลับบ้าน หนูยิ้มเดินออกมากดเรียกรถที่หน้าร้าน ก่อนที่จะทำรายการจบ เสียงของวาตะก็ทักขึ้นมา ทำให้เธอเงยหน้ามองเขาทันที
“ขึ้นรถ” วาตะที่เดินตามออกมาพูดด้วยเสียงที่นิ่งเรียบตามแบบฉบับของเขา
“พี่วาตะจะไปส่งเหรอคะ” หนูยิ้มเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะไม่คิดว่าวาตะจะอาสาไปส่งตัวเองจริง ๆ
“อืม”
“หายโกรธหนูยิ้มแล้วใช่ไหม” หนูยิ้มเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาวาตะนิ่งงันไปครู่หนึ่งเพราะรอยยิ้มของหญิงสาว ทำให้เขาใจกระตุกไปครู่หนึ่ง
“คนละเรื่องกัน ไปขึ้นรถ” วาตะพูดจบก็เดินนำหนูยิ้มไปที่ลานจอดรถทันที
หนูยิ้มยอมเดินตามวาตะไปขึ้นรถหรูของเขาอย่างว่าง่าย แถมเจ้าตัวยังดีใจมาก ๆ ที่อีกฝ่ายอาสาไปส่งตัวเอง วันนี้เป็นวันที่หนูยิ้มบอกกับตัวเองว่ามีความสุขเอามากๆ
หลังจากที่นั่งรถมาได้พักใหญ่ หนูยิ้มก็บอกชื่อหอพักและเส้นทางแต่วาตะนั้นคุ้นเคยกับเส้นทางแถวมหาวิทยาลัยดี เขาจึงไม่ตอบโต้อะไร เมื่อมาถึงหอพักก่อนที่หนูยิ้มจะลงจากรถ เธอเอ่ยปากถามวาตะอีกครั้ง
“พี่วาตะคะ” หนูยิ้มเอ่ยเรียกคนที่เอาแต่สนใจถนนไม่สนใจเธอ
“ว่า”
“หนูยิ้มต้องทำยังไงพี่วาตะถึงจะหายโกรธคะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของวาตะก่อนเอ่ยถามออกมา
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“พี่วาตะหายโกรธหนูยิ้มแล้วเหรอคะ” หนูยิ้มเอ่ยด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่มีทางให้อภัยเธอ ลงไปได้แล้ว” วาตะหันกลับมามองใบหน้าของหนูยิ้มหลังจากจอดรถหน้าหอพักของหนูยิ้มแล้ว
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าวาตะหันหน้าไปทางอื่น เธอก็รีบโน้มใบหน้าพุ่งเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายจนจมูกตัวเองจมแก้มของวาตะ ก่อนจะรีบลงจากรถด้วยความเร็ว
“นี่เธอ ยัยเด็กบ้า”
วาตะที่ถูกหอมแก้มฟอดใหญ่โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนี้ทำได้เพียงแต่ตะโกนตามหลังหนูยิ้มอย่างหัวเสียที่ทำอะไรหนูยิ้มไม่ได้ เพราะหญิงสาววิ่งเข้าไปในหอพักอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองเขาเลยด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวจะโดนยัยเด็กแสบ”