เอ็งรู้ตัวรึไม่?

1521 Words
ตอนที่ 9 เอ็งรู้ตัวรึไม่? .....มันยังไงแล้วเขารู้ได้อย่างไรกัน? “หมายความว่านายฮ้อยรู้มาก่อนยังไงเหรอว่าจะเจอฉันที่แม่น้ำมูล” ธารทิพย์เอ่ยถามรำพึงอย่างที่ใจตัวเองสงสัย อีกฝ่ายนั้นหน้าเจื่อนเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองเผลอหลุดเอ่ยในบางสิ่งที่ไม่สมควรเอ่ยออกไปแล้ว “อะ..เอ่อ นายฮ้อยเพลิงคงแค่พูดให้ฉันกับคะนิ้งสบายเท่านั้นแหละจ้ะคงไม่มีอะไรดอก ฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านี้แค่ร่วมขบวนมาเท่านั้นเอง” รำพึงตัดบทก่อนจะลุกออกจากเรือนเดินไปด้านนอกเพิง เพื่อจัดการกับธุระส่วนตัว แถมยังตะโกนมาบอกเธอ “หากเอ็งจะปลดทุกข์หนักเบามาเข้าตามข้าทีหลังนะ พี่บากทำที่ปลดทุกข์ชั่วคราวไว้ให้แล้ว” ที่ปลดทุกข์ชั่วคราวที่ว่า น่าจะขุดหลุมลงในดินแล้วฝังกลบแบบง่ายๆ แค่คิดธารทิพย์ก็รู้สึกหวั่นใจว่าตัวเองจะขับถ่ายหนักเบาได้สะดวกแค่ไหน แม้จะตระหนักว่ายุคนี้อย่างไรเสียก็ไม่ได้มีชักโครกและห้องน้ำที่มีสุขภัณฑ์แบบยุคปัจจุบันที่เธอคุ้นชินมาก่อนแน่นอน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับความฉงนในหัวตอนนี้ . หลังกินข้าวมื้อเช้าที่ไอ้บากกับไอ้เข้ม คนงานยกสำรับมาให้ที่เพิง รำพึงกับคะนิ้งเริ่มเก็บของบางส่วนและแจ้งกับเธอว่าหลังจากวัวควายกินน้ำและอาหารอิ่มหนำสำราญแล้ว ทัพควายจะเคลื่อนขบวนต่อในตอนสายวันนี้ ธารทิพย์ช่วยทั้งสองเก็บของได้สักพัก และเมื่อเปรยตามองยังเพิงของนายฮ้อยเพลิงที่อยู่ใกล้เห็นว่าเขาน่าจะสะดวกแล้ว หญิงสาวจึงรีบปรี่ไปที่เพิงของเขา และเปิดผ้าม่านที่กั้นด้านหน้าเดินเข้าไปทันที “เห็นรำพึงบอกว่านายฮ้อยรู้มาก่อนว่า...” เธอชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าด้านในเพิงไม่มีเพียงแต่นายฮ้อยเพลิงที่นั่งกินสำรับเช้าอยู่ในนั้น แต่มีชายชราผมสีดอกเลาอยู่อีกสองคนและคนของเขาที่ดูท่าทางน่าเกรงขามอีกสามคน ทุกคนกำลังกินข้าวและมองมาอย่างเธอเป็นตาเดียวทันทีที่หญิงสาวเปิดผ้ากั้นเข้าไป “กินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วรึ?” นายฮ้อยเพลิง เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คนอื่นๆนั้น จึงก้มหน้ากินข้าวต่ออย่างไม่ใส่ใจนัก มีเพียงชายชราผมสีดอกเลาผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเขามองเธอด้วยแววตาที่อ่อนโยนทว่าลุ่มลึก และเป็นท่าทีที่ธารทิพย์อ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร “อะ..เอ่อ ขอโทษจ้ะฉันไม่รู้ว่านายฮ้อยกินมื้อเช้ายังไม่เสร็จ” เธอโค้งหน้าลงเล็กน้อย แม้จะอย่างไรก็ตามตั้งแต่เด็กแล้ว เธอถูกเลี้ยงดูสั่งสอนว่าการให้เกียรติและเคารพผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฎิบัติอย่างเคร่งครัด เธอจึงหันหลังแล้วเดินถอยหลังออกจากเพิงอย่างรวดเร็ว แล้วกลับมาช่วยคะนิ้งกับรำพึงเก็บของต่อที่เพิง แต่ไม่นานนักไอ้เข้มก็เดินมาบอกที่เธอ “นายฮ้อยให้เดินมาบอกเอ็งน่ะว่ากินมื้อเช้ากับเหล่าท่านหมอแล้วผู้ช่วยอิ่มแล้ว พวกข้าเก็บถ้วยชามเรียบร้อยแล้ว” เหล่าพ่อหมอและผู้ช่วยอย่างงั้นเหรอ? ธารทิพย์พลันนึกถึงหนังสือเรื่องสามก๊กที่เธอชอบอ่าน แล้วภาพโจโฉตอนเคลื่อนทัพเพื่อเตรียมออกรบก็ลอยละล่องเข้ามาในหัว โจโฉนั้นถือคติว่ายอมทรยศกับคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้คนทั้งโลกทรยศกับตัวเอง การบริหารคนของโจโฉถือเป็นสุดยอดศาสตร์วิชา ทั้งพระเดชพระคุณเพื่อให้กองทัพขนาดใหญ่เป็นหมื่นคนมีทิศทางไปในทางเดียวกันเพื่อมุ่งสู่จุดหมายโดยไม่วอกแวกได้ โจโฉนั้นจะชอบสะสมคนเก่งไว้รอบตัวและเลี้ยงดูอย่างดีทั้งครอบครัวประเคนทรัพย์สินเงินทองให้ นั่นทำให้มีคนเก่งและที่ปรึกษามากมายอยู่รายรอบ ทุกครั้งเวลาพักโจโฉจะให้บรรดาผู้ช่วยที่เป็นที่ปรึกษาเหล่านั้นมานั่งล้อมวงเล่นหมากล้อม และพูดคุยเพื่อวางแผนรบอยู่เสมอ ชั่วขณะนั้นเธอนึกถึงภาพที่ทับซ้อนของเขา เมื่อตอนที่เห็นนายฮ้อยนั่งกินสำรับเช้ากับเหล่าบรรดาผู้ช่วยของเขาเมื่อสักครู่ ต่างกันแต่เพียงทัพของเขาคือทัพควายที่เธอร่วมขบวน “มีอะไรกับข้างั้นรึ?” นายฮ้อยเพลิงเอ่ยถามเมื่อเธอตวัดผ้าม่านเปิดเข้าไปในเพิง เขานั่งหันหลังอยู่บนตั่งไม้และสูบยาสูบอยู่ควันขาวพุ้งนั้นพ่นไปสายยาวขึ้นไปด้านบน ปกติเธอไม่ชอบกลิ่นของมันเท่าใดนักเวลาได้กลิ่นบุหรี่ที่เพื่อนผู้ชายในคณะสูบมักจะเบี่ยงหน้าและเดินหนีประจำ แต่ทำไมพออยู่บนตัวเขามันมีกลิ่นหอมแปลกๆ ยิ่งกลิ่นที่ติดมากับปลายลิ้นสากร้อนนั้น ชวนหลงใหลยิ่งนัก ...ไม่นะ!! เธอจะเคลิบเคลิ้มกับเขาไม่ได้เด็ดขาด “รำพึงบอกว่านายฮ้อยรู้อยู่แล้วว่าฉันจะมาปรากฎตัวที่ลำน้ำมูลในระหว่างทาง ..นายฮ้อยรู้ได้เช่นไรแล้วรู้อะไรเกี่ยวกับฉันอีก?” เธอถามอย่างที่ใจตัวเองอยากรู้ ร่างสูงเหยียดกายลุกขึ้น และหันมาสบตาเธอก่อนจะขยี้มวนยาสูบยังพื้นด้านล่าง “รำพึงบอกอะไรอีกรึไม่?” “บอกแค่นี้แหละ..นี่ฉันถามนายฮ้อยอยู่นะตอบฉันมาก่อนได้มั้ย” เธอปราดเข้าไปชิดใกล้เขาด้วยความร้อนใจใคร่รู้ จนไม่ตระหนักว่าร่างบางของตัวเองบดเบียดแนบชิดกับร่างกำยำนั้น และมือหนานั้นก็โอบตวัดรัดเอวคอดไว้แน่นให้อกอิ่มของเธอเสียดสีกับอกแน่นเครียดของเขามากกว่าเดิม “อ๊ะ นายฮ้อย” “เมื่อคืนฝันถึงข้ารึไม่?” หน้าหล่อเข้มโน้มลงมาใกล้ และกระซิบถามเสียงแหบพร่า ไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามของเธอเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้สองแก้มของธารทิพย์ร้อนผ่าวขึ้นมา นี่เขาเป็นโจโฉสองหรืออย่างไรกัน... “นายฮ้อยจะทำอะไรปล่อยฉันก่อนแล้วตอบคำถามฉันมาด้วยเดี๋ยวนี้ว่าทำไมนายฮ้อยรู้ว่าฉันจะมา” เธอเงยหน้าเอ่ยถามเขาในระยะชิดใกล้ มือนิ่มพยายามดันร่างตัวเองออกจากอกแกร่งแต่เหมือนจะไม่เป็นผล เพราะยิ่งดิ้นวงแขนแข็งแรงนั้นกลับโอบรัดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม “หือ ยังไม่ตอบเลยว่าฝันถึงข้ารึไม่?” นอกจากไม่ตอบคำถามเธอแล้ว จมูกโด่งเป็นสันยังไล้ยังปรางแก้มนวลและกดลงอย่างหนักหน่วงสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอก่อนจะไล้ไปมายังซอกคอขาวและขบเม้มเนื้ออ่อนข้างๆลำคอเบาๆ “ส่วนข้าพะวงถึงแต่รสจูบของเอ็งแทบทั้งคืน” “อื้อ..” ไม่นะ!!เธอจะมาเคลิบเคลิ้มกับถ้อยคำและสัมผัสวาบหวามนี้จากเขาไม่ได้เด็ดขาด นี่เธอกำลังถูกล่อลองเบี่ยงประเด็นสำคัญที่เธอควรจะรู้! สตินะธารทิพย์เธอจะต้องมีสติ!! “ว่าไงเอ็งคิดเหมือนข้ารึไม่?” เธอกำลังถูกล่อลวง เมื่อนิ้วเรียวแข็งของเขาไล้กดยังเรียวปากอิ่มของเธอช้าๆ และดันให้เธอเผยอปากออกก่อนที่นิ้วเขาดันเข้าไปในปากเธอ และเธอก็ดูดดุนมันอย่างเผลอตัว ดวงตาคู่สีนิลเข้มเหมือนจะดำมืดลง เมื่อเรียวปากจิ้มลิ้มดูดตวัดรัดลิ้นของเขา มือหนาอีกข้างกดบั้นท้ายอวบอิ่มของเธอให้กระชับแนบแน่นเข้ากับตัว จนหญิงสาวรู้สึกได้ว่าส่วนล่างของเธอภายใต้กางเกงฝ้ายตัวหลวมกำลังเสียดสีกับท่อนลำแข็งขึงกลางกายของเขาจนเธอรู้สึกผ่าวร้อนไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเริ่มเต้นระส่ำ มวลท้องน้อยเริ่มจะหดเกร็ง “อื้อ..” นิ้วของเขาถูกถอดถอนออก เปลี่ยนมาตรึงท้ายทอยเอาไว้แน่นให้ได้ระดับองศา ดวงตาคู่สีนิลมองเธออย่างล้ำลึกก่อนที่เขาจะประทับจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นสากร้อนสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากนุ่มและตวัดรัดรึงลิ้นเล็ก ริมผีปากบดเคล้าแนบชิดดูดเม้มและจาบจ้วงอย่างเอาแต่ใจ ธารทิพย์อ้าปากค้างเมื่อถูกจู่โจมอย่างรวดเร็วอีกครั้ง นี่เธอจะเข้ามาถามเขาเพื่อต้องการคำตอบ เหตุใดจึงถูกเขาต้อนจนมุมเช่นนี้กัน เขาจูบเธออย่างเร่าร้อนและเนิ่นนานก่อนจะถอนริมผีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง หน้าหล่อเหลาแดงก่ำด้วยแรงปราถนาและกระชิบบอกเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เอ็งรู้ตัวรึไม่?..ว่ากำลังจะทำให้ข้าคลั่งตายเสียให้ได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD