ตอนที่ 16
สัมผัสที่โหยหา
“เอ็งหอมละมุนนัก ..ข้าอยากจะดอมดมทั้งคืนเลย”
เสียงกระซิบนุ่มทุ้มต่ำข้างใบหู นั่นทำให้ท้องน้อยของเธอหดเกร็งและร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม
เขาคงเป็นบุรุษแห่งไฟ!! อย่างที่ว่าจริงๆ
“นะ..นายฮ้อย”
ธารทิพย์รู้สึกเหมือนลำคอตัวเองเริ่มจะแห้งผาก และรู้สึกถึงความฉ่ำชื้นบริเวณกลางกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เริ่มลิ้มรสชาติความวาบหวามเช่นนี้ หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านิ่ง ปรางแก้มทั้งสองเห่อร้อนและแดงก่ำ ดูยั่วยวนน่ามองยิ่งกว่าเดิม
จนนายฮ้อยเพลิงต้องคำรามต่ำในลำคอ
“ข้าจะพยายามอดทนรอจนกว่าจะถึงเวลา”
หน้าหล่อเหลาก้มลงซุกยังลำคอขาวของเธอ สูดกลิ่นหอมของกายสาวผสานกับดอกการะเกดเข้าไปเต็มปอด วันนี้เขารู้สึกว่าดอกไม้ชนิดนี้ชั่งหอมเย้ายวนกว่าปกติยิ่งนัก
“เวลาอะไรงั้นรึ?”
เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้
“เวลาที่เหมาะสม...ที่ข้าจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ”
ชายหนุ่มขบเม้มเนื้ออ่อนบริเวณซอกคอของเธอเบาๆ จนเป็นจ๊ำรอยสีกุหลาบ ร่างบางของเธอแอ่นเบียดชิดเข้ากับอกแกร่งแน่นเครียดของเขา ความร้อนรุ่มปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อื้อ..”
เธอควรจะถามและสงสัยมากกว่านี้ แต่ธารทิพย์คล้ายรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวไปกับรสสัมผัสของเขา จนลำดับความคิดตัวเองไม่ถูกว่าควรจะเอ่ยคำใดออกไป
เขาเป็นไฟที่กำลังแผดเผาตัวตนของเธอ
ธารทิพย์หลับตาลงเอนกายเล็กน้อย เมื่อปากและลิ้นของเขาพรมจูบไปทั่วลำคอบและไหล่ลาด เสื้อฝ้ายของเธอถูกถลกขึ้น
“ข้าอยากสัมผัสเอ็ง”
เขากระซิบบอกเบาๆก่อนจะก้มลงจูบเนินอกขาวสล้าง และครอบครองยอดทรวงดูดดุนจนแข็งชันเป็นใต ร่างเล็กสะดุ้งไหวและแอ่นกายตอบสนองสัมผัสที่อุกอาจของเขาราวกับต้องมนต์บางอย่าง
เขาคงมีมนต์คาถาให้เธอพร่าเบลอชั่วขณะ
ตึกๆ
เสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งวนเวียนดังอยู่ด้านนอกเพิง นั่นทำให้ธารทิพย์ได้สติและรีบผละร่างลุกขึ้นห่างจากเขาทันทีพร้อมถึงชายเสื้อลงมาอย่างรวดเร็ว นายฮ้อยเพลิงได้แต่มองเธอตาปรอยๆอย่างเสียดาย
“ฉันจะกลับเพิงไปนอนละ”
เอ่ยเสร็จหญิงสาวก็รีบผุดลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหล่อคมเข้มที่จ้องตาไม่กระพริบ ทั้งที่ใจอยากจะถามต่อนัก ...ว่าเวลาที่เหมาะสมคืออะไร?
ไว้ถามวันหลังละกัน ขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อเธอต้องควบคุมตัวเองไม่ได้แน่นอน
นายฮ้อยเพลิงมองตามร่างบางจนลับตาออกไปด้านนอก ก่อนจะหลุบตามองหมอนของตัวเองและดอกการะเกดที่วางไว้แต่ละมุมแล้วอมยิ้มออกมาเล็กน้อย
“มีอะไรรึท่านพราน?”
เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม และผิวปากบอกเป็นเชิงแจ้งให้ พรานป่าสิงห์ เดินเข้ามาด้านในได้
“เรียบร้อยแล้วครับนายฮ้อย”
พรานสิงห์ ก้มหน้าบอกเมื่อเดินเข้ามาด้านใน และรับมวนยาสูบจากมือของประมุขทัพควายขึ้นมาจรดปากและสูดเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันออกมาเป็นสายยาว
“ดีมาก”
การบริหารคนนั้นว่ากันว่า ต้องรู้จักชมและดุในเวลาที่เหมาะสม จึงจะเลี้ยงคนได้ทั้งพระเดชพระคุณ
ผู้เป็นลูกน้องเตรียมจะถอยออกจากเพิงเมื่อรายงานนายแล้ว ด้วยต้องการให้นายฮ้อยได้พักผ่อนแต่พลันก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกไม้แตะจมูก
“เพิงพักของนายฮ้อยวันนี้ชั่งหอมรัญจวนยิ่งนัก”
นายฮ้อยหลุบตาต่ำเล็กน้อย ด้วยไม่แน่ใจว่ากลิ่นที่พรานสิงห์ได้รับนั้น เพียงแค่กลิ่นดอกไม้อย่างเดียวรึไม่? เพราะเขาเองไม่อยากจะให้ใครได้รับรู้แม้เพียงกลิ่นเล็กน้อยจากกายของเธอ
“ออกไปได้แล้ว”
“ครับนายฮ้อย”
ร่างหนาเอนกายยังฟูกนอนสูดดมกลิ่นหอมรอบตัวอีกครั้ง ดวงตาคมกริบเหม่อมองยังเพดานจากที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆด้วยแววตาครุ่นคิด พลันนึกถึงคำบอกของ หมอสรวง หมอมอเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อของตนที่ติดตามรับใช้เขามาเนิ่นนาน
“สุริยคาสจะเกิดหลังดวงจิตบริสุทธิ์ในร่างของหญิงสาวลำน้ำมูลปรากฎ เธอผู้นั้นจะเสริมบารมีและเป็นคู่ครองของเจ้า”
คู่ครองของเขาอย่างนั้นรึ?
เขาฟังคำนี้มาตั้งแต่อายุเจ็ดแปดขวบได้กระมัง ในวันที่พ่อของเขาได้ พาไปพบกับชายผู้หนึ่งผิวดำเข้มที่เป็นเพื่อนสนิทชื่อว่า เพลี๊ยะ ที่ทราบว่าเป็นชาวไทยเชื้อสายเขมรที่ข้ามฝั่งมาแต่งงานกับผู้หญิงไทยใน หมู่บ้านตาดแดด ที่อยู่ห่างจากบ้านเขาคนละเขตอำเภอ
“บุตรชายเจ้าเองรึ?”
ชายชื่อเพลี๊ยะเอ่ยถาม ขุนเดช ผู้เป็นพ่อของเขาขณะยืนอยู่ข้างกับหมอสรวงและกุมมือขวาของเขาไว้แน่น
“ใช่ลูกชายข้าเอง นามว่าเพลิง”
“เพลิง ...พ่อจะบอกเจ้าไว้ว่าเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือก”
พ่อเพลี๊ยะย่อกายลงตรงหน้าเขา พร้อมเอื้อมมือลูบไล้ปานแดงตรงต้นคอ เขาในขณะนั้นไม่เข้าใจความหมายของถ้อยคำเหล่านี้สักเท่าใดนัก
“ถูกเลือก เลือกอะไรรึ?”
เขาเอ่ยถามด้วยความฉงน
“ความสมดุลของจักรวาลโลกคู่ขนานทั้งสุริยะและดวงจันทร์จะยังโคจรหากเรายังคงรักษามันไว้ได้ไม่ให้ถูกทำลาย”
เขาไม่เข้าใจถ้อยคำที่อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จักรวาลโลกคู่ขนานคืออะไร แล้วเกี่ยวกับอะไรกับเด็กอายุแปดขวบเช่นเขา
“อย่างไรรึ?”
“สักวันหนึ่งข้าจะมีลูกชายชื่อไกรศร แต่ข้าและเมียอาจต้องจากภพนี้ไปก่อนวัยอันควร ไกรศรจะเป็นคนรักษาสมดุลนี้ต่อจากข้าด้วยการสร้างบ่วงชีวิตจากจิตบริสุทธิ์ข้ามภพกับหญิงคนนั้น ...เธอชื่อจำปา”
ไกรศรกับจำปางั้นดอกรึ?
เหตุใดพ่อเพลี๊ยะถึงรู้เหตุการณ์ในอนาคตทั้งที่ตัวเองยังไม่มีลูกด้วยซ้ำ จะรู้กระทั่งว่าลูกชายตัวเองจะได้เจอเมียชื่อจำปานี่เขากำลังฟังนิทานหลอกเด็กที่พ่อเคยเล่าให้ฟังก่อนนอนใช่รึไม่?
น่าตลกเหลือเกิน ...เขาไม่โง่ขนาดนั้นดอกนะ
“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“จำปาเมียไกรศรลูกชายข้าเป็นจิตบริสุทธิ์ที่คนเลวต้องการนักเพื่อจะเปลี่ยนระบบคู่ขนานนี้ หากแต่เมื่อนางได้คลอดลูกชายชื่อไพรสันต์แล้ว จิตนางจะเป็นคนในภพนี้ตลอดไป”
พ่อเพลี๊ยะ ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย ดวงตาจับต้องเขานิ่ง
“ก็ดีแล้วนี่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทำร้ายจำปาได้แล้ว”
“ไม่ใช่นะซิ ..พอจำปาท้องลูกคนที่สองเป็นลูกสาว หญิงผู้นี้คือจิตบริสุทธิ์ที่ฝ่ายอธรรมต้องการนัก ทั้งคู่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเอาลูกสาวของตนไปซ่อนไว้ให้ปลอดภัยจากมนต์มืดเหล่านั้น”
หากนี่คือนิทาน ก็ถือว่าพ่อเพลี๊ยะเล่าเรื่องได้ดีมาก
“ว่ากันว่าจำปาจะวนกลับภพตัวเองในทุกๆสิบสองปี ทั้งคู่วางแผนอย่างดีจนส่งสามารถส่งลูกสาวไปฝากไว้กับสามีภรรยาคู่หนึ่งในภพของจำปา ..แต่เมื่อหลานสาวข้าอายุใกล้เบญจเพศกลิ่นจิตบริสุทธิ์จะดึงดูดให้พวกอธรรมเห็นจนได้ เมื่อนั้นพระแม่คงคาน้ำมูลจะดึงเธอกลับมายังภพนี้”