สัมผัสที่โหยหา

1302 Words
ตอนที่ 16 สัมผัสที่โหยหา “เอ็งหอมละมุนนัก ..ข้าอยากจะดอมดมทั้งคืนเลย” เสียงกระซิบนุ่มทุ้มต่ำข้างใบหู นั่นทำให้ท้องน้อยของเธอหดเกร็งและร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม เขาคงเป็นบุรุษแห่งไฟ!! อย่างที่ว่าจริงๆ “นะ..นายฮ้อย” ธารทิพย์รู้สึกเหมือนลำคอตัวเองเริ่มจะแห้งผาก และรู้สึกถึงความฉ่ำชื้นบริเวณกลางกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เริ่มลิ้มรสชาติความวาบหวามเช่นนี้ หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านิ่ง ปรางแก้มทั้งสองเห่อร้อนและแดงก่ำ ดูยั่วยวนน่ามองยิ่งกว่าเดิม จนนายฮ้อยเพลิงต้องคำรามต่ำในลำคอ “ข้าจะพยายามอดทนรอจนกว่าจะถึงเวลา” หน้าหล่อเหลาก้มลงซุกยังลำคอขาวของเธอ สูดกลิ่นหอมของกายสาวผสานกับดอกการะเกดเข้าไปเต็มปอด วันนี้เขารู้สึกว่าดอกไม้ชนิดนี้ชั่งหอมเย้ายวนกว่าปกติยิ่งนัก “เวลาอะไรงั้นรึ?” เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ “เวลาที่เหมาะสม...ที่ข้าจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ” ชายหนุ่มขบเม้มเนื้ออ่อนบริเวณซอกคอของเธอเบาๆ จนเป็นจ๊ำรอยสีกุหลาบ ร่างบางของเธอแอ่นเบียดชิดเข้ากับอกแกร่งแน่นเครียดของเขา ความร้อนรุ่มปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง “อื้อ..” เธอควรจะถามและสงสัยมากกว่านี้ แต่ธารทิพย์คล้ายรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวไปกับรสสัมผัสของเขา จนลำดับความคิดตัวเองไม่ถูกว่าควรจะเอ่ยคำใดออกไป เขาเป็นไฟที่กำลังแผดเผาตัวตนของเธอ ธารทิพย์หลับตาลงเอนกายเล็กน้อย เมื่อปากและลิ้นของเขาพรมจูบไปทั่วลำคอบและไหล่ลาด เสื้อฝ้ายของเธอถูกถลกขึ้น “ข้าอยากสัมผัสเอ็ง” เขากระซิบบอกเบาๆก่อนจะก้มลงจูบเนินอกขาวสล้าง และครอบครองยอดทรวงดูดดุนจนแข็งชันเป็นใต ร่างเล็กสะดุ้งไหวและแอ่นกายตอบสนองสัมผัสที่อุกอาจของเขาราวกับต้องมนต์บางอย่าง เขาคงมีมนต์คาถาให้เธอพร่าเบลอชั่วขณะ ตึกๆ เสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งวนเวียนดังอยู่ด้านนอกเพิง นั่นทำให้ธารทิพย์ได้สติและรีบผละร่างลุกขึ้นห่างจากเขาทันทีพร้อมถึงชายเสื้อลงมาอย่างรวดเร็ว นายฮ้อยเพลิงได้แต่มองเธอตาปรอยๆอย่างเสียดาย “ฉันจะกลับเพิงไปนอนละ” เอ่ยเสร็จหญิงสาวก็รีบผุดลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหล่อคมเข้มที่จ้องตาไม่กระพริบ ทั้งที่ใจอยากจะถามต่อนัก ...ว่าเวลาที่เหมาะสมคืออะไร? ไว้ถามวันหลังละกัน ขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อเธอต้องควบคุมตัวเองไม่ได้แน่นอน นายฮ้อยเพลิงมองตามร่างบางจนลับตาออกไปด้านนอก ก่อนจะหลุบตามองหมอนของตัวเองและดอกการะเกดที่วางไว้แต่ละมุมแล้วอมยิ้มออกมาเล็กน้อย “มีอะไรรึท่านพราน?” เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม และผิวปากบอกเป็นเชิงแจ้งให้ พรานป่าสิงห์ เดินเข้ามาด้านในได้ “เรียบร้อยแล้วครับนายฮ้อย” พรานสิงห์ ก้มหน้าบอกเมื่อเดินเข้ามาด้านใน และรับมวนยาสูบจากมือของประมุขทัพควายขึ้นมาจรดปากและสูดเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันออกมาเป็นสายยาว “ดีมาก” การบริหารคนนั้นว่ากันว่า ต้องรู้จักชมและดุในเวลาที่เหมาะสม จึงจะเลี้ยงคนได้ทั้งพระเดชพระคุณ ผู้เป็นลูกน้องเตรียมจะถอยออกจากเพิงเมื่อรายงานนายแล้ว ด้วยต้องการให้นายฮ้อยได้พักผ่อนแต่พลันก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกไม้แตะจมูก “เพิงพักของนายฮ้อยวันนี้ชั่งหอมรัญจวนยิ่งนัก” นายฮ้อยหลุบตาต่ำเล็กน้อย ด้วยไม่แน่ใจว่ากลิ่นที่พรานสิงห์ได้รับนั้น เพียงแค่กลิ่นดอกไม้อย่างเดียวรึไม่? เพราะเขาเองไม่อยากจะให้ใครได้รับรู้แม้เพียงกลิ่นเล็กน้อยจากกายของเธอ “ออกไปได้แล้ว” “ครับนายฮ้อย” ร่างหนาเอนกายยังฟูกนอนสูดดมกลิ่นหอมรอบตัวอีกครั้ง ดวงตาคมกริบเหม่อมองยังเพดานจากที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆด้วยแววตาครุ่นคิด พลันนึกถึงคำบอกของ หมอสรวง หมอมอเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อของตนที่ติดตามรับใช้เขามาเนิ่นนาน “สุริยคาสจะเกิดหลังดวงจิตบริสุทธิ์ในร่างของหญิงสาวลำน้ำมูลปรากฎ เธอผู้นั้นจะเสริมบารมีและเป็นคู่ครองของเจ้า” คู่ครองของเขาอย่างนั้นรึ? เขาฟังคำนี้มาตั้งแต่อายุเจ็ดแปดขวบได้กระมัง ในวันที่พ่อของเขาได้ พาไปพบกับชายผู้หนึ่งผิวดำเข้มที่เป็นเพื่อนสนิทชื่อว่า เพลี๊ยะ ที่ทราบว่าเป็นชาวไทยเชื้อสายเขมรที่ข้ามฝั่งมาแต่งงานกับผู้หญิงไทยใน หมู่บ้านตาดแดด ที่อยู่ห่างจากบ้านเขาคนละเขตอำเภอ “บุตรชายเจ้าเองรึ?” ชายชื่อเพลี๊ยะเอ่ยถาม ขุนเดช ผู้เป็นพ่อของเขาขณะยืนอยู่ข้างกับหมอสรวงและกุมมือขวาของเขาไว้แน่น “ใช่ลูกชายข้าเอง นามว่าเพลิง” “เพลิง ...พ่อจะบอกเจ้าไว้ว่าเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือก” พ่อเพลี๊ยะย่อกายลงตรงหน้าเขา พร้อมเอื้อมมือลูบไล้ปานแดงตรงต้นคอ เขาในขณะนั้นไม่เข้าใจความหมายของถ้อยคำเหล่านี้สักเท่าใดนัก “ถูกเลือก เลือกอะไรรึ?” เขาเอ่ยถามด้วยความฉงน “ความสมดุลของจักรวาลโลกคู่ขนานทั้งสุริยะและดวงจันทร์จะยังโคจรหากเรายังคงรักษามันไว้ได้ไม่ให้ถูกทำลาย” เขาไม่เข้าใจถ้อยคำที่อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จักรวาลโลกคู่ขนานคืออะไร แล้วเกี่ยวกับอะไรกับเด็กอายุแปดขวบเช่นเขา “อย่างไรรึ?” “สักวันหนึ่งข้าจะมีลูกชายชื่อไกรศร แต่ข้าและเมียอาจต้องจากภพนี้ไปก่อนวัยอันควร ไกรศรจะเป็นคนรักษาสมดุลนี้ต่อจากข้าด้วยการสร้างบ่วงชีวิตจากจิตบริสุทธิ์ข้ามภพกับหญิงคนนั้น ...เธอชื่อจำปา” ไกรศรกับจำปางั้นดอกรึ? เหตุใดพ่อเพลี๊ยะถึงรู้เหตุการณ์ในอนาคตทั้งที่ตัวเองยังไม่มีลูกด้วยซ้ำ จะรู้กระทั่งว่าลูกชายตัวเองจะได้เจอเมียชื่อจำปานี่เขากำลังฟังนิทานหลอกเด็กที่พ่อเคยเล่าให้ฟังก่อนนอนใช่รึไม่? น่าตลกเหลือเกิน ...เขาไม่โง่ขนาดนั้นดอกนะ “แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า?” “จำปาเมียไกรศรลูกชายข้าเป็นจิตบริสุทธิ์ที่คนเลวต้องการนักเพื่อจะเปลี่ยนระบบคู่ขนานนี้ หากแต่เมื่อนางได้คลอดลูกชายชื่อไพรสันต์แล้ว จิตนางจะเป็นคนในภพนี้ตลอดไป” พ่อเพลี๊ยะ ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย ดวงตาจับต้องเขานิ่ง “ก็ดีแล้วนี่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทำร้ายจำปาได้แล้ว” “ไม่ใช่นะซิ ..พอจำปาท้องลูกคนที่สองเป็นลูกสาว หญิงผู้นี้คือจิตบริสุทธิ์ที่ฝ่ายอธรรมต้องการนัก ทั้งคู่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเอาลูกสาวของตนไปซ่อนไว้ให้ปลอดภัยจากมนต์มืดเหล่านั้น” หากนี่คือนิทาน ก็ถือว่าพ่อเพลี๊ยะเล่าเรื่องได้ดีมาก “ว่ากันว่าจำปาจะวนกลับภพตัวเองในทุกๆสิบสองปี ทั้งคู่วางแผนอย่างดีจนส่งสามารถส่งลูกสาวไปฝากไว้กับสามีภรรยาคู่หนึ่งในภพของจำปา ..แต่เมื่อหลานสาวข้าอายุใกล้เบญจเพศกลิ่นจิตบริสุทธิ์จะดึงดูดให้พวกอธรรมเห็นจนได้ เมื่อนั้นพระแม่คงคาน้ำมูลจะดึงเธอกลับมายังภพนี้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD