บทที่ 1 ฮูหยินเชลย2

1461 Words
‘ที่วันนี้มารั้งอยู่จวนโหวมิไปหอเริงรมย์ คงมิแคล้วอยากยลโฉมสตรีที่ฝ่าบาทประทานให้กระมัง’ เสี่ยวหมิงคิด “ข้ามิมีใจพิศวาสนางได้ลง หากเข้าหอแล้วข้าจะให้แม่นมจี้ฉงเตรียมยาห้ามครรภ์ไว้” “เลือดเย็น!” อู๋โหยงเยี่ยนกล่าวออกมา ทั้งแบะปากคว่ำมองบนกับบุรุษที่ไม่อยากได้องค์หญิงเชลยผู้นั้นเป็นเมีย แต่เตรียมพร้อมเข้าหอ ปากไม่ตรงกับใจ...! “ใยวันนี้เจ้ามิไปหอเริงรมย์” เขาเกริ่นไล่กลาย ๆ เพราะมันมาดื่มสุราอยู่ตรงนี้ใกล้กับเรือนที่เขาจะจัดให้เป็นห้องหอ และไม่เหมาะที่จะให้มันได้ยินสิ่งใด แล้วจะเอาไปหยอกล้อเขาในกองทัพอีก “มิต้องไล่...ข้าไม่ปลุกคนเข้าหอให้ขาดตอนตกใจหรอก ไปเสี่ยวหมิง...เจ้าไม่ต้องเฝ้านายเจ้าหรอก ครองพรหมจรรย์มานานให้เสียตัวเสียบ้าง” เสียงเอ็ดอึงของอู๋โหยงเยี่ยน เรียกสีหน้าทะมึนตึงของเจ้าของจวนเป็นอย่างดี ดวงตาที่กราดมองมายังเขาพร้อมกับไอสังหารพวยพุ่งออกมาจากกายนั้นทำให้อู๋โหยงเยี่ยนรีบเผ่นพร้อมลากเสี่ยวหมิงตามไปด้วย “ไปสิ...อยู่ให้กระบี่เจี้ยนหลัวดื่มเลือดเจ้างั้นรึ” อู๋โหยงเยี่ยนกล่าวเมื่อเห็นว่าเสี่ยวหมิงยังอยากเป็นก้างขวางคอเจ้านายตนอยู่ “แต่ข้ามิได้...” “ไม่ต้องคิดมากน้องชาย...มานี่พี่เจ้าจะสอนให้ว่ายามออกเรือนต้องทำอย่างไร รับรองว่านกกระจอกเจ้าทันกินน้ำแน่นอน” เสียงพูดคุยเรื่องเข้าหอยามผ่านสาวใช้ในจวนที่ยังไม่ออกเรือน เรียกสีหน้าแดงก่ำให้กับพวกนางที่วันนี้อยู่ทำงานจนมืดค่ำ “ท่านก็เบาหน่อยมิอายหรือ” “บุรุษองอาจมีอะไรให้น่าอาย...หรือเจ้ายังมิ...อื้อ...อื้อ...!!!” ยังไม่ทันที่อู๋โหยงเยี่ยนจะกล่าวจบ มือของเสี่ยวหมิงก็อุดปากที่สว่างของเขาเสียแล้วลากตัวออกจากจวนนิ่งอันโหวไป เมื่อเจ้าสองตัวแสบกุนซือและคนสนิทออกไป ก็จวนเจียนยามห้ายพอดี เขาจึงรีบก้าวเท้าเข้าไปยังเรือนรับรองที่สั่งให้จัดเป็นห้องหอชั่วคราว ฝีเท้าที่ตบเข้ามาถึงหน้าเรือน และเสียงประตูที่ผลักออกและหุบสนิทลงทำเอาคนที่เพิ่งเข้าห้องหอเป็นคืนแรกสะดุ้งเล็กน้อย ประสานมือจิกเล็บอย่างตื่นเต้น นางนั่งก้มหน้าอยู่ที่เตียง มิกล้าขยับ เมื่อบุรุษผู้นั้นเข้ามากลิ่นหอมของแมกไม้ก็ตลบอบอวลเข้ามาด้วย ‘หอมเช่นนี้ ใช่บุรุษที่ไม่ปรารถนาความรื่นเริงจริงหรือ?’ นางได้แต่สงสัยแต่มิกล้ากล่าวอันใดออกมา ทั้งลุ้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักระส่ำระสาย ราวกับโจรกำลังจะเข้ามาปล้นสวาท ร่างกายสูงใหญ่มายืนในห้อง บุรุษในชุดคลุมสีดำปักลายนกอินทรี ที่สงบนิ่งบริเวณกลางห้องด้วยท่าทางแสนเย่อหยิ่ง กลิ่นอายความคับแค้นเปล่งออกมาจากสีหน้า สังเกตได้จากกรามที่ขบเป็นสัน ดวงหน้าหวานของจิวฮวาเงยขึ้นมองไปยังร่างสูงที่ยืนยักแย่ยักยันไม่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนเสียที ดวงตาประกายราวกับมีหยาดน้ำทิพย์ในดวงตาของนาง มองท่าทางโอหังของเขาที่ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด ‘หากข้าคิดจะเปลี่ยนชะตา...ควรเริ่มที่ข้าหรือไม่’ นางคิดและทบทวนเรื่องที่เกิดในห้วงฝัน เป็นภาพที่นางหวาดหวั่นเขาราวกับเจอพยัคฆ์ในป่าใหญ่ เช่นนั้นบัดนี้นางจะมิกลัวเขาอีก ลองดูสักตั้งก็ดี เมื่อเขาไม่ย่างเยื้องเข้ามาเสียที เช่นนั้นองค์หญิงอย่างนางต้องลดตัวเสียหน่อยเป็นอย่างไร “คารวะท่านโหว” นางประสานมือเบื้องหน้าแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย พร้อมกับเปล่งน้ำเสียงที่หวานหูออกมา แน่นอนว่าประสาทการรับรู้ของเขาย่อมตื่นขึ้น บุรุษที่เจนสนามรบเช่นเขาไม่บ่อยครั้งที่ยลโฉมสตรีงดงาม เขามองดวงหน้าของนางแล้วใจสั่นขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ความเป็นบุรุษในกายมันทรยศ ทั้งที่ต้องการจะมากระทำให้นางเจ็บช้ำ แต่ความต้องการส่วนลึกนั้นทำให้เขาเสียอาการ “เป็นเชลยเหตุใดไม่คุกเข่า” สายตาคมกริบมองไปยังสตรีสวมอาภรณ์สีดอกท้ออย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งผินหน้าละจากร่างของนางชั่วคราวเพื่อตั้งสติให้มั่น “มิใช่ว่าฝ่าบาทประทานข้าให้เป็นฮูหยินท่านหรอกหรือ” ดวงหน้าที่ฝืนใส่จริตพร้อมทั้งฉีกยิ้มออกมาคล้ายกับสตรีนางโลมใช้ยั่วยวนบุรุษเพศ ทำให้เขาใบหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน “สามหาว...ฐานะเจ้าเบื้องหน้าคือฮูหยิน แต่ที่จริงต่างจากเชลยตรงไหนกัน” นางบังอาจกล่าววาจาถือดีหยิ่งผยองเช่นนี้เชียวหรือ ไม่รู้หรืออย่างไร ว่าบิดานางทำสิ่งใดไว้กับข้าบ้าง หึ...เขาก็อารมณ์ร้อนเช่นนี้เอง! “หึ...เช่นนั้นให้ข้าคุกเข่ายันรุ่งเช้าหรือไม่” “เจ้า!!!” คุกเข่ายันรุ่งเช้าแล้วเมื่อใดจะเข้าหอ นี่นางกล้าต่อล้อต่อเถียงเขางั้นรึ...หากนางไม่อยากเข้าหอ เขาก็จะลากนางขึ้นเตียงประเดี๋ยวนี้ “ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว...เสียเวลา” เขาพยายามเก็บอาการร้อนรนไว้ แต่เมื่อสบใบหน้าที่ยิ้มเย้ยหยันนั้นทำให้เขาไม่พอใจ น่าหงุดหงิดชะมัด...ให้ตายเถิด! แล้วเขาก็เผลอจ้องดวงตาดังหยดน้ำของนาง และนั่นทำให้หัวใจชายที่หยาบกระด้างอ่อนไหวราวกับหัวใจสูบฉีดเลือดจนเต้นแรงนัก นางเป็นจิ้งจอกเร้นกายมาหรือไม่? “หากท่านอยากร่วมหอกับข้า มิเห็นต้องกล่าวอันใดให้มากความ ก็แค่...” นางไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาด้านหน้า คลายปมเสื้อคลุมตัวสีดำออกแล้วแขวนไว้ ผินหน้าอย่างใส่จริตมาหาอย่างเชิญชวนราวกับสตรีคณิกา แต่ทว่าน้ำเสียงเสียดสีนั่นทำเอาบุรุษองอาจชาตินักรบถึงกับบึ้งตึง แรงอารมณ์ทั้งโกรธและปรารถนาผสมปนเป “เจ้าเติบโตที่หอนางโลมหรือไม่” “ทำไมหรือเจ้าคะ...ท่านโหว หากท่านโหวไม่โปรดฮูหยินเชลยเช่นข้า...ก็แค่อย่าร่วมหอหรือเข้าใกล้ แต่นี่เพียงพระราชโองการมา ท่านก็รีบร้อนมิได้จัดงานรื่นเริงกระทั่งสุรามงคลก็มิอยากดื่มด้วยซ้ำ หากไม่คิดว่าท่านโหวชื่นชอบในตัวข้าก็เห็นเป็นอื่นใดเล่า...” นางลอยหน้าลอยตายั่วโมโหเขา ซึ่งต่างจากกาลก่อนมากและหวังให้ชะตาค่อย ๆ แปรเปลี่ยน ไปทีละเล็กทีละน้อย แต่ทว่าร่างสูงที่ไม่อาจความคุมอารมณ์โกรธ ผลักร่างของนางให้ล้มลงบนเตียงตรึงสองแขน ด้วยมือหนาไว้กับฟูกนุ่ม จ้องมองนางเขม็งด้วยแววตาที่แข็งกร้าว เขาขึ้นคร่อมนางให้อยู่ใต้ร่าง จับข้อมือนางแรง ๆ แต่ใบหน้าหวานไม่ได้สลดเลยสักนิดเดียว ทั้งยังเรียบเฉยไม่ได้ตกใจกับท่าทางของเขาเลยแม้แต่น้อย เรียกความประหลาดใจบนใบหน้าให้เขายิ่ง ผิดกับเขาที่อารมณ์ดำมืดเดือดดาลเป็นอย่างมาก หรือที่จริงนางยั่วยวนบุรุษเป็นนิตย์? ช่างท้าทายข้าเสียจริง! “ท่านโหว...คิดอยากทำอะไรกับข้าหรือเจ้าคะ” “ข้าก็จะทำให้สตรีแพศยาอย่างเจ้าเรียนรู้ว่า ความเจ็บปวดยามถูกย่ำยีเป็นเช่นไรดีหรือไม่” สิ้นคำกล่าวนางราวกับรู้ชะตา พริ้มตาลงพร้อมกับใบหน้าคมคายที่ก้มหน้าซุกไซร้เข้าที่ซอกคอขาวเนียนของนางในทันที เรียวลิ้นร้อนไล่สัมผัสปลุกนางให้ตื่นตัวจนขนลุก อย่างฉับพลัน แม้นางจะล่วงรู้เหตุการณ์ แต่ความรู้สึกทางกายนั้นไม่ได้รับสัมผัสมาด้วย ยามนี้รู้สึกร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งทรวง จนยากจะควบคุมจนสติเริ่มเตลิด ความรู้ที่ต่อต้านและเจ็บปวดตีรวนกันในสมองกับภาพของบุรุษตรงหน้า จนทำให้คอของนางแดงระเรื่อ แต่ทว่าปากเล็ก ๆ ช่างฉอเลาะของนางก็ไม่หยุดทั้งยังยั่วยุเขาต่อไปอีก “ท่านโหวหลงฮูหยินเชลยเสียแล้ว กลืนน้ำลายตัวเองหรือเจ้าคะ” คำยั่วยุของนางหมายจะหยุดแต่ทว่าเขากลับรุนแรงขึ้น “อืออ...!!!” เสียวหวานครางอย่างต้องการปฏิเสธ สองมือดิ้นรนให้หลุดจากกรงเล็บของเขา เมื่ออีกฝ่ายประกบจูบริมฝีปากของนางพร้อมบดขยี้อย่างดิบเถื่อนเร่าร้อน ทั้งส่งลิ้นอุ่นแทรกลึกเข้ามาด้านใน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD