“ไอ้แก่”
เพล้ง!!
โครม!!
“โอ๊ย! ทำอะไรของแกอีเด็กเวร” เสี่ยพุงพลุ้ยเอามือกุมหัวตัวเองที่มีเลือดอาบลงมา ได้แผลเพราะหญิงสาวเอาขวดเหล้าฟาดที่หัวเขาอย่างจัง
“แก่จะลงโรงอยู่แล้วยังจะมีคิดต่ำๆ กับเด็กรุ่นลูกอยู่อีก” เธอเดือดจัดและพยายามยืนขึ้นเพราะตอนที่เอาขวดเหล้าฟาดโดนอีกฝ่ายผลักลงไปกับพื้นอย่างแรงจนทรงตัวไม่ได้
“ไปเรียกผู้จัดการมากูจะเอาเลือดหัวอีนี่ออก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลย มึงไม่รู้รึไงว่ากูเป็นใคร”
“แล้วเป็นใครล่ะ มึงยังไม่รู้ว่ามึงเป็นใครแล้วกูจะรู้กับมึงไหม”
“ปากดีอีเด็กเวร กูจะเอาอีนี่เข้าตารางให้ได้เลยคอยดู”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นค่ะ” วิกานดาวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบเมื่อได้ยินเสียงข้าวของแตกเสียหายและได้ยินเสียงคนโหวกเหวกโวยวาย
“อะไรซะอีกล่ะ เด็กมึงเอาขวดเหล้ามาตีหัวกู”
“วิขอโทษผบ. ด้วยนะคะ น้องมันเป็นเด็กใหม่ไม่รู้ประสีประสา วิจะทำโทษให้นะคะ” วิกานดาพูดอย่างเอาใจและส่งสายตาดุมาทางแววตาอย่างเอาเรื่อง
“ไอ้แก่นี่พยายามลวนลามฉัน จะให้ฉันทำไงล่ะถ้าไม่ป้องกันตัว” เธอพยายามแก้ต่างถึงแม้รู้จะไม่เป็นผลก็ตามที
“โห..อีเด็กเวรนี่ มึงยังกล้ามาห่วงศักดิ์ศรีอีกเหรอ มึงเลือกทำงานแบบนี้มึงคิดจะยังมีศักดิ์ศรีอยู่ไหม มึงมันวอนตีนกูซะแล้ว”
เพียะ!
ใบหน้าสวยหันไปตามแรงและล้มลงไปกับพื้นด้วยแรงตบ เสี่ยลงพุงเดินเข้ามาซ้ำและตบอีกรอบโดยมีคนยืนดูโดยไม่กล้าเข้ามาช่วยเหลือเธอแม้สักคนเดียว
“ไอ้แก่กูมีมือมีตีนเหมือนกันโว้ย”
ปึก โครม!!
แววตาเอาเท้าถีบไปที่พุงหนาๆ ของอีกฝ่ายจนล้มลง เธอลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่โกรธจัด
“ยืนทำเชี่ยไรกัน ไปจับมันมาให้กูสิวะ” เสียงโกรธจัดสั่งลูกน้องอย่างหัวเสียที่พลาดท่าให้เด็กรุ่นคราวลูก
แววตาตั้งการ์ดพร้อมสู้ตายถ้าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำร้ายเธอ ฝ่ายชายสามคนพยายามเดินเข้ามาประทุษร้าย แต่มีเสียงทรงอำนาจขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นว่ะ” เสี่ยภูมิพูดเสียงดังและเดินตรงเข้ามาที่พื้นที่กระจัดกระจายไปด้วยเศษแก้ว
สายตาคมกวาดมองผู้คนรอบๆ และมาสะดุดตาเข้ากับหญิงสาวร่างเล็กแต่มีทรวดทรงองเอวแบบที่เขาชอบ
“จะอะไรซะอีกล่ะ เด็กเสี่ยภูมิทำร้ายผม”
“ผมขอโทษผบ.ศักดิ์ด้วยนะครับ เด็กคนไหนที่กล้าทำเรื่องเสียมารยาทต่อท่านครับ”
“อีนี่” ทันทีที่ตาแก่ลงพุงชี้มาที่หญิงสาว เสี่ยภูมิจึงเดินเข้ามาที่หญิงสาวและฟาดฝ่ามือลงมาที่แก้มนวลอย่างแรงซ้ำข้างที่พึ่งโดนตบ
เพียะ!
“อ๊ะ!” แววตาหน้าหันไปตามแรงตบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเจ็บจนหัวหมุนจนแทบทรงตัวไม่อยู่
“เป็นแค่อีตัวอย่างเธอกล้ามาทำร้ายแขกได้ยังไง” เสี่ยภูมิขึ้นเสียงและกำลังง้างมือขึ้นตบอีกครั้งแต่กลับชะงักลง
“คิดว่าฉันอยากมาสถานที่เฮงซวยที่นี่รึไงกัน ไอ้พวกเลวระยำเอ๊ย” หญิงสาวขึ้นเสียงด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าและเข้ามาทุบตีที่อกแกร่งอย่างไม่เกรงกลัวตาย
เหล่าผู้คนเห็นเหตุการณ์ต่างคิดในใจว่าถึงคราวชะตาขาดของเด็กสาวคนนี้เสียแล้ว
“เธอ!..” เสี่ยภูมิขึ้นเสียงอย่างโกรธจัดที่หญิงสาวเข้ามาถูกเนื้อต้องตัวของตัวเองจึงตวัดสายตามองไปที่ลูกน้อง
“ไอ้หรั่งมึงเอาตัวอีเด็กนี่ไปขังไว้ กูจะไปจัดการทีหลัง”
“ครับนาย” หรั่งรับทราบและรีบกระชากหญิงสาวให้เดินตามตนออกมา
“เดี๋ยวผมจัดการคนของผมเอง ผบ.ไปทำแผลก่อนดีกว่านะครับ ค่าใช้จ่ายผมเคลียร์ให้อีก และคราวหน้ามาผมจะไม่คิดเงินและจะให้เด็กมาคอยบริการให้ดีที่สุดครับ”
“ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องหรอก แต่อีเด็กนั้นไม่เจียมกะลาหัวเลยจริงๆ”
“เชิญท่านผอ.ไปหาหมอก่อนดีกว่าครับ เชิญ” ถึงแม้เสียงจะราบเรียบแต่แอบแฝงการบังคับให้อีกฝ่ายออกไป
ผบ.ศักดิ์ที่ไม่อยากมีเรื่องด้วยจึงรีบสั่งให้เด็กของตนเองออกมาเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนเป็นน่ากลัว
“เด็กนั่นชื่ออะไร” เขาถามเสียงห้วนโดยไม่เจาะจงว่าถามใคร
“ชื่อแววตาค่ะ เพิ่งมาใหม่อาทิตย์นี่ค่ะ” วิกานดาเป็นฝ่ายตอบ
“หึ เด็กนี่นี้เองสินะที่สร้างแต่เรื่อง”
“ผมเอาเด็กนั้นไปขังตามที่นายสั่งแล้วครับ” หรั่งเข้ามารายงานเมื่อตัวเองทำตามคำสั่งเสร็จเรียบร้อย
“ไม่ต้องเอาข้าวเอาน้ำให้มันกินสองวัน” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม และจัดแจงงานของตัวเองต่อ
“แต่นายครับ ถ้าไม่ให้น้ำมันเลย มันอาจตายได้นะครับ” หรั่งแย้งเพราะยังไงเด็กสาวนั้นก็ยังเด็กอยู่
“ให้น้ำมันแค่ขวดเดียวเท่านั้น และห้ามให้อะไรนอกเหนือจากที่กูสั่งอีก” เสียงทรงอำนาจสั่งการ หรั่งจึงไม่กล้าหืออีก
อีกด้านภายในห้องแคบๆ ที่มีแค่พัดลมและเตียงนอนเก่าๆ โทรมๆ ที่แตกต่างจากห้องที่เธอเคยอยู่อย่างสิ้นเชิง เพราะห้องก่อนหน้ามันดีมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง และมีห้องน้ำในตัว แต่ที่นี่ไม่มีเลย กลิ่นก็อับจนไม่อยากสูดอากาศหายใจเข้าไป
ปัง! แกร้งๆ!
เสียงเตะลูกกรงดังออกมาจากข้างนอก เธอได้แต่เงื้อหูฟัง เพราะเป็นประตูเหล็กปิดทึบหน้าต่างก็ไม่มีให้ จึงไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น สักพักช่องเล็กๆ ก็หย่อนขวดน้ำมาให้หนึ่งขวดกลาง
“ใครอยู่ข้างนอกนะ ปล่อยฉันออกไปนะ” เธอส่งเสียงเกรี้ยวกราดออกไป แต่ก็มีแต่ความเงียบเท่านั้น
เธอร้องตะโกนดังออกไปจนรู้สึกเหนื่อย และดื่มน้ำไปจนเหลือแค่ครึ่งขวดตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา
“ฉันหิวข้าวขอข้าวให้ฉันกินหน่อยได้ไหม” แววตาทำเสียงอ่อนลงเลิกประท้วงและเอ่ยขอข้าวประทังชีวิตอย่างไร้ซึ่งหนทาง
“นายไม่ให้อะไรเอ็ง มีแค่น้ำขวดนั่นแหละประทังหิวไปก่อน” เสียงใหญ่เอ่ยตอบกลับมา
เธอจึงเอะใจว่าคงอยู่เฝ้าเธอข้างนอกซินะ
“แต่น้ำมันเหลือแค่ครึ่งขวดเองนะ อีกอย่างตอนนี้ฉันหิวข้าวมาก หิวจนจะเป็นลมอยุ่แล้ว”
“อย่ากินน้ำหมดล่ะ เพราะเอ็งต้องเก็บน้ำเอาไว้สำหรับวันพรุ่งนี้อีก”
“อะไรนะ นี่จะให้ฉันอดข้าวอดน้ำตายเหรอ” ร่างเล็กตกใจและวิ่งเข้ามาทุบประตูเหล็กด้วยมือเปล่าจนเจ็บมือ แต่คนข้างนอกก็ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก
โครกคราก!!
เสียงท้องร้องประท้วงด้วยความหิว และตอนนี้เธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเวลากี่โมงแล้ว หยิบขวดน้ำกะจะกระดกดื่มเพื่อประทั้งความหิว แต่น้ำเหลืออยู่ไม่มาก เพราะคนข้างนอกสั่งให้เหลือน้ำเอาไว้ใช้สำหรับวันพรุ่งนี้
“ทำไมชีวิตฉันต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย” เธอหวีดร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อรู้สึกเหนื่อยจึงเอนตัวลงนอนบนฟูกเก่าๆ
“หึ พยศเก่งสินะ” เสียงราบเรียบยิ้มเยาะ เมื่อมองกล้องวงจรปิดที่ฉายภาพเด็กสาวในห้องแคบๆ นั้นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ดูหญิงสาวยังคงไม่หมดแรงง่ายๆ ทั้งที่เขาปล่อยให้เธออดข้าวขนาดนั้นแล้วแท้ๆ
ในเมื่อไม่ยอมเชื่องเขาก็จะทำให้เด็กบ้านั้นเชื่องเอง ไม่ได้ซื้อมาให้สุขสบายซื้อมาเพื่อทำงานและสร้างเม็ดเงินให้เขา แต่นี่อะไรเขาต้องเสียเงินไปไม่รู้กี่บาทเพราะเด็กบ้านั้นที่พยศไม่เข้าเรื่อง
“นายจะให้ทำยังไงกับเด็กนั้นต่อครับ นี่ก็หนึ่งวันผ่านไปแล้ว”
“ปล่อยมันไปยังงั้นแหละ มึงไม่เห็นรึไงผ่านไปหนึ่งวันแล้วเด็กนั้นมันเชื่องให้มึงรึไงไอ้หรั่ง”
“ก็ไม่ครับ” เขาตอบกลับเจ้านายไปและรู้สึกทึ่งกับหญิงสาวคนนั้นไม่น้อยเพราะเธอฤทธิ์มากเหลือเกิน ขนาดโดนจับขังเอาแบบนั้นแต่เธอกลับไม่กลัว ยังคงส่งเสียงด่ากราดเขาจากด้านใน ทั้งทีควรเก็บแรงเก็บเสียงเอาไว้แท้ๆ
“ขังมันเอาไว้ยังงั้นต่อไป จนกว่ามันจะเชื่อง”
“ครับนาย”
ร่างเล็กนอนอย่างไร้เรี่ยวแรงนี่ผ่านมาไม่รู้กี่วันที่เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย มีแต่ขวดน้ำที่เป็นขวดเปล่าที่พอนับได้ว่ามี 4 ขวด แปลว่าเธออยู่ในนี้เข้าวันที่ห้าแล้วใช่ไหม เพราะตอนนี้เธอเหลือน้ำที่ยังไม่หมดอีกครึ่งขวด
“บ้าชะมัดจะให้ฉันอดข้าวตายไปเลยให้ได้ใช่ไหม ไอ้เลวระยำ ไอ้ชาติชั่วทั้งหลายเอ๊ย”
“หึ ขนาดผ่านมา 5 วันแล้วเธอยังอึดอยู่สินะ ยังคงมีแรงด่าคนอื่นเขาไปทั่ว” ร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าจอคอมที่ใช้แอบดูหญิงสาวในห้องที่ขังปิดตาย เพราะห้องนั้นเขาจะเอาไว้ใช้แค่กับลูกน้องที่ทำผิดกฎเท่านั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอาไว้ใช้กับผู้หญิง เด็กสาวคนนั้นที่อายุได้แค่ 18 ปี แต่ปากเก่งไม่กลัวตายเลยสักนิด
“น้องสาวเอ๊ย เอ็งช่วยยอมอ่อนข้อทีเถอะ นายไม่ใช่คนใจร้ายใส่ระกำแบบนี้หรอก เพราะเอ็งนั่นแหละดื้อด้านไม่เข้าเรื่อง”
หรั่งนั่งพูดอย่างหมดหนทาง เพราะหญิงสาวช่างแข็งแกร่งและหัวรั้นเหลือเกิน ปกติเด็กสาวคนอื่นจะต้องกลัวกันหัวหดหมดแล้ว และบางคนคงอ้อนวอนให้อภัยและขอให้ถูกปล่อยตัวตั้งแต่วันแรกๆ แต่หญิงสาวคนนี้กลับแตกต่างออกไป เธอเคยขอให้ปล่อยก็จริงแต่เป็นการขอที่เป็นคำสั่งมากกว่าคำวิงวอนเสียด้วยซ้ำ น้ำตาสักหยดก็ไม่มีให้เห็น
“แล้วพี่จะให้ฉันทำยังไง” เสียงอ่อนเอ่ยถาม และเป็นครั้งแรกที่หรั่งได้ยินที่เธอใช้เสียงอ่อนหวานเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ
“ง่ายๆ เลย อย่าก่นด่าภายในห้องที่เอ็งอยู่ เพราะนายจับตามองอยู่ เอ็งรู้ว่าผิดก็ควรจำนนเสีย เพราะนายไม่ชอบคนที่แข็งข้อ”
“แล้วเอาฉันมาทำไมล่ะ”
“กูก็ไม่อยากเอามึงมาเป็นภาระกูแบบนี้หรอก ป้ามึงหลอกขายย้อมแมวกูมานะสิ”
“หึ จะบอกว่ามีศีลธรรมใช่ไหม ถึงไม่ยอมขายเด็กที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีขายตัว”
“ก็เออสิวะ เอ็งมันโชคดีที่ได้มาอยู่กับเสี่ยภูมิที่นี่ ถ้าเป็นที่อื่นพวกมันไม่สนใจหรอกว่าเอ็งจะอายุเท่าไร”
“แล้วที่นี่มันต่างกันยังไงล่ะ”
“เฮ้อ....นังแววตอนนี้เอ็งโดนใครเสียบรึยังล่ะ” หรั่งพูดอย่างคนจนปัญญาเพราะหญิงสาวหัวแข็งเหลือเกิน ณ ตอนนี้เด็กสาวคนนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ เธอควรรู้สึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่ยังไม่ตาย
“โอเค ฉันอยากออกไปจากที่นี่ต้องทำอะไรบ้างให้นายของพี่ปล่อยฉันไป”
“ขอโทษนายสิ บอกไปว่าจะทำตัวดีๆ เย็นนายกลับมาข้าจะมาเคาะบอกเอ็งเอง”
“ก็ได้"
เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรเพราะไม่มีนาฬิกาบอกเวลา และไม่สามารถเห็นด้านนอกได้ว่าเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะภายในห้องปิดทึบไปทั้งหมด
กึง ๆ ไม่นานก็มีเสียงเคาะลูกกรงให้ได้ยิน
“คงเป็นคนชื่อหรั่งสินะ” เธอพึมพำให้ได้ยินเพียงคนเดียว เพราะรู้ว่าหรั่งกำลังส่งซิกให้เธอรู้ว่านายของที่นี่กลับมาแล้ว
“ถ้าใครได้ยินฝากไปบอกนายของคุณด้วย ว่าฉันคนนี้สำนึกผิดแล้ว ครั้งต่อจะไม่ดื้อหรือทำอะไรที่เสียมารยาทแบบครั้งก่อนอีกเด็ดขาด”
ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากและดูภาพในกล้องวงจรปิด และฟังสิ่งที่หญิงสาวพูดอย่างสนองสนใจ
“ฉันจะยอมฟังคุณทุกอย่างเลย ช่วยปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ทีเถอะ ให้อยู่ต่อไปอีกวันคงไม่ไหวแล้ว”
“มั่นใจเหรอถ้าออกมาจะยอมทำตามที่ฉันต้องการทุกอย่าง”
เสียง! แปลว่าที่ผ่านมาเขาสามารถพูดคุยกับฉันได้สินะ
“ค่ะ ฉันจะยอมทำทุกอย่างเลย” ในเมื่ออยากเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่เธอก็ต้องยอมอ่อนข้อไปก่อน
“ถ้าให้ขายตัวด้วยจะยอมไหม” เสียงราบเรียบเอ่ยถาม หญิงสาวก็รับรู้ได้จากน้ำเสียงนั้นที่กำลังเยาะเย้ยเธอด้วยความสนุก
“ถ้าคุณสั่งฉันก็พร้อมทำตาม”
“หึ รู้สึกจะเชื่องแล้วสินะ”
ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงคนมาเปิดประตู
นี่เขาเชื่อเราง่ายๆ เลยเหรอ เธอพึมพำในใจและรออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ออกไปจากที่นี่ และบอกกับตัวเองเลยว่าจะไม่เข้ามาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด
“ออกมาได้แล้ว นายสั่งให้ไปอาบน้ำแล้วขึ้นไปเจอข้างบน”
“ค่ะ”
*******************************
น้องมันสู้ค่ะ อยากหัวล้านแตกอีกก็ส่งมาเลยค่ะ