สักวัน ฉันจะเอาร้านคืนให้ได้!

1202 Words
“ผมซื้อตึกนี้แล้ว” ชายหนุ่มพูดใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงปกติ สีหน้าเรียบเฉยจ้องมองไปยังอากาศและท้องฟ้าสีครามเบื้องหน้า บนตึกสูงสามสิบชั้นที่แสนหรูหราใจกลางย่านธุรกิจ ทรัพย์สินชิ้นใหม่สดๆ ร้อนๆ “เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อวานนี้เองครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องพัก ผมไม่อยากให้ใครมารบกวนที่นี่ ไม่ต้องส่งใครมาทั้งนั้น คุณพ่อพักผ่อนเยอะๆ นะครับ เราจะได้ดื่มด้วยกันไปอีกนานๆ” ชายหนุ่มวางสายจากคุณพ่อที่เขาเคารพนับถือ ซึ่งเวลานี้ นอนป่วยรักษาตัวอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ใช่เรื่องที่ได้รับการเปิดเผย เวลานี้อำนาจของฟรานเชส คาร์โลทั้งหมดตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ...แม้เขาจะเป็นแค่บุตรชายบุญธรรมก็ตาม เขาเคยพูดแบบตรงไปตรงมากับฟรานเชส เขาขอแค่อำนาจ แต่ความร่ำรวยนั้น เขาจะสร้างมันขึ้นด้วยตัวเอง ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่มีชื่อเขาเป็นเจ้าของ มันคือของเขาโดยชอบธรรม ! “ตึกนั่นสินะ” เขามองไปยังตึกสูงลิ่วที่อยู่ไกลออกไป อาณาจักรสุดยิ่งใหญ่ของบริษัทอาร์แอนด์ดี ที่กุมอำนาจวงการอาหารแปรรูปไว้ในมือแบบผูกขาดมานานหลายสิบปี “อีกไม่นานสินะ ที่มันจะกลายเป็นของฉัน” ไม่ใช่งานง่าย แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเขา ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กๆ สายตาเย็นชายังคงไม่ละไปไหน ยอดตึกสูงนั่นใช่ไหม มัสซิโม แบร์ลุสโคนี่นั่งบนบัลลังก์เป็นราชาที่กินตะกระมูมมามไม่แบ่งใคร จนลวยล้นฟ้า ชายวัยหกสิบที่ฉลาดหลักแหลมและทำธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดเสมอมา เขาจะรู้ไหมว่า กำลังจะได้รับบทเรียนราคาแพงจากคนรุ่นลูก “แล้วคุณจะรู้ว่า ควรจะฆ่าผมซะตั้งนานแล้ว” ชายหนุ่มเดินไปหยิบขวดไวน์ขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ ขึ้นรินใส่แก้วทรงสูงแค่ค่อนแก้ว แล้วหันหลังกลับสู่ระเบียง เขาต้องการฉลองชัยเงียบๆ โดยชมยอดตึกนั่นไปด้วย “ผมถึงอยากได้ห้องนี้ เพราะมันเห็นตึกของคุณได้ชัดแจ๋วที่สุด” วินาทีนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาลั่นขึ้น เขาล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นชื่อปลายสาย เขากดรับอย่างไม่ลังเล “ว่าไงครับ” ดาราสาวสวยรุ่นลายครามที่อายุสี่สิบห้าไม่มีผลต่อความสวยของเธอเลยสักนิด เจ้าหล่อนกำลังถ่ายหนังอยู่ที่แกรนแคนย่อนอย่างสนุก แต่ยังไม่ลืมโทรศัพท์ข้ามทวีปมาหาเพื่อนรุ่นน้องที่แสนดื้อ “เรื่องที่ขอให้ช่วย สำเร็จแล้วนะ มีรางวัลให้ไหมจ๊ะที่รัก” “คุณอยากได้อะไรล่ะ” “เจอกันแล้วจะบอก” พูดทิ้งไว้แค่นั้นก็วางสายไป ชายหนุ่มยิ้มสะใจกับความสำเร็จเล็กๆ ที่เพิ่งได้รับข่าวจากหญิงสาว ความที่เจ้าหล่อนรู้จักคนเยอะ โดยเฉพาะพวกนักธุรกิจและมหาเศรษฐี เธอจึงเป็นเครื่องมือชั้นดีในการล้วงข้อมูลเลยก็ว่าได้ แล้วเขาเพิ่งล้วงข้อมูลใครไปล่ะ ชายหนุ่มหันหลังกลับเข้าห้อง ทักทายกับคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานอีกครั้ง เวลานี้ไม่มีเรื่องไหนที่สนุกเท่ากับศึกษางานของบริษัทอาร์แอนด์ดีชนิดละเอียดยิบ แบบถึงรากถึงโคน ไคล์เจาะเข้าไปในโลกของมัสซิโมนานหลายชั่วโมง กระทั่งหลับฟุบคาโต๊ะทำงาน หญิงสาวเดินมาตามริมฟุตบาทที่คุ้ยเคย จนถึงหน้าร้านอาหารแสนรัก ร้านอาหารไทยที่ยังใช้ป้ายชื่ออันเดิมตั้งแต่เปิดร้านวันแรก ดวงมณี หรือเจ๊ดวง เจ้าของร้านคนใหม่ ถึงจะปากร้ายไปนิด แต่เป็นคนดีใช้ได้ “ฉันรักเธอที่สุดเลย” ร้านอาหารที่เปรียบเสมือนบ้าน ที่ซึ่งฟูมฟักดูแลเธอจนเติบโต บิดาของเธอดัดแปลงชั้นสองของร้านเป็นที่พักอาศัยของลูกจ้างที่ต้องการที่พักราคาถูก ส่วนชั้นสามถือเป็นบ้านของครอบครัว ที่เวลานี้กลายเป็นของดวงมณีไปแล้ว เธอกับอัญชลีต้องเช่าห้องนอนตัวเองนับตั้งแต่ร้านตกเป็นของดวงมณี ส่วนไอริสไม่เคยกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย นับตั้งแต่เรียนจบ “บ้านของเราใช่ไหมคะพ่อ” เมริสาตั้งใจว่าจะทำงานหาเงินเพื่อมาซื้อร้านคืนจากดวงมณี “สักวัน ฉันจะเอาเธอกลับมา...เมริสา!” หญิงสาวใช้ประตูหลังร้านเพื่อเข้าสู่ห้องทำงานขนาดใหญ่ของเธอ ห้องครัวที่มีวัตถุดิบมากมายสำหรับทำอาหารไทยออกไปเสิร์ฟลูกค้าหลายสัญชาติ กลิ่นหอมจากกระเพราหมูในกระทะที่เชฟอัญชลีกำลังผัดอย่างคล่องแคล่ว ล่อเธอให้เข้าไปสูดดมใกล้ๆ เหมือนแมลงเข้าฉกเกสรดอกไม้ “หอมจังเลย แค่กลิ่นก็รู้แล้วว่าต้องอร่อยมาก” อัญชลียิ้ม แต่บอกให้เธอไปห่างๆ เพราะเกะกะ ผู้จัดการร้านเดินหน้าบึ้งเข้ามา กวักมือเรียกสาวเสิร์ฟคนใหม่ที่เพิ่งสมัครมาทำงานได้ไม่นาน “ยัยอารี ยิ้มเป็นไหม ยิ้มสวยๆ น่ะ ลูกค้าจะได้ประทับใจ ไม่ใช่ทำหน้าเหมือนผัวทิ้งแบบนี้” จบประโยค อารีก็ร้องไห้โฮ “ผัวไม่ได้ทิ้ง แต่ผัวตายค่ะ” สมชายกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ รู้สึกผิดนิดๆ “เสียใจด้วยนะ แต่เธอต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้ อย่าเอามาปะปนกัน ดูอย่างฉันสิ หาผัวไม่ได้ แต่ก็ยังยิ้มสู้ชีวิต ถ้ายังไม่ตาย ก็หาต่อไป เธอก็เหมือนกัน อย่าสิ้นหวัง หาใหม่โลด” “คำปลอบใจของผู้จัดการคงช่วยพี่อารีได้มาก” เมริสาอดหัวเราะไม่ได้ เธอละจากแม่ครัวใหญ่ประจำร้าน มากอดออเซาะสมชายแทน “ขอกำลังใจจากเจ๊บ้างได้ไหมคะ” “อย่างหล่อนมีเรื่องเครียดด้วยเหรอ เห็นยิ้มหัวเราะทั้งวันเหมือนคนบ้า” “โธ่เจ๊ ฉันก็มีมุมเศร้าเหมือนกันนะ แค่ไม่ให้ใครเห็น และความทุกข์ของฉันในวันนี้ มีแต่เจ๊คนเดียวที่สามารถช่วยฉันได้” อัญชลีชะงักมือที่กำลังหยิบน้ำปลา หญิงสาวพูดเล่นก็จริง แต่เธอรับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง เธอเป็นแม่ แต่ใส่ใจดูแลเด็กสาวคนนี้น้อยกว่าลูกตัวเองหลายขุม เหตุผลของเธอก็คือ เมริสาคือตัวแทนของความสดใส เข้มแข็งและมองโลกในแง่ดีเสมอ ซึ่งต่างจากไอริส ที่มีนิสัยอิจฉาริษยา ทะเยอะทะยานและไม่เคยเห็นหัวใคร แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามเลี้ยงดูอบรมไอริสแค่ไหน คนที่ได้ดังใจเธอทุกอย่างกลับเป็นเมริสา คนที่ดูแลเธอราวกับเป็นแม่บังเกิดเกล้า คือลูกนอกไส้คนนี้ “ความทุกข์อะไรของหล่อน ฉันขนลุกไปหมดแล้ว หรือว่าแกเป็นมะเร็ง!!!” อัญชลีวางงานตรงหน้าแล้วเดินมาที่เมริสาทันที “แกเป็นอะไรรึเปล่า” เพราะบิดาของเธอก็เสียชีวิตด้วยโรคนี้ “บอกมาเดี๋ยวนี้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD