บทที่ 4
อยากจูบ
“ขอบคุณสำหรับเสื้อ และ… จูบด้วย”
จากนั้นเขาก็ถอยออกไป เฌอลินน์เห็นโอกาสก็รีบวิ่งออกจากห้องไป ถึงแม้ว่าเธอจะใส่รองเท้าแค่เพียงข้างเดียวก็ตาม
ชายหนุ่มมองตามพลางหัวเราะเสียงเบา เขายกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตัวเอง ที่ยังคงมีสัมผัสหวานนุ่มของเลขาสาวตราตรึงอยู่
…น่าแปลก ไม่เห็นรู้สึกรังเกียจ กลับกัน… ไม่ได้รู้สึกอยากเอาผู้หญิงขึ้นเตียงมานานแค่ไหนแล้วนะ?...
เขาคิดไปยิ้มไป ในตอนนั้นเองก็เห็นรองเท้าสีขาวข้างหนึ่งตกอยู่บนพื้น ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาแล้วพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง พลันเกิดความคิดอยากกลั้นแกล้งเลขาสาวตัวน้อยขึ้นมา เขาเดินไปที่ประตูแล้วใช้นิ้วเกี่ยวที่รองเท้าของเธอก่อนจะเอ่ยว่า
“ลืมรองเท้า”
คนตัวเล็กสะดุ้ง ดวงหน้าหวานแดงก่ำจนแทบจะกลายเป็นผลสตอเบอรี่เดินได้อยู่แล้ว เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินมาหาชายหนุ่มก่อนจะคว้ารองเท้าของตัวเอง ทว่ามีหรือที่เลน็อกซ์จะยอมปล่อยง่ายๆ เขากระชากคนตัวเล็กกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง แล้วดันร่างบอบบางชิดกับประตู แขนข้างหนึ่งเท้ายันกับประตูเพื่อกักขังร่างบอบบางเอาไว้
“ทะ ท่านประธาน!!?”
สองมือรีบยกขึ้นยันแผงอกกว้าง ใบหน้าคมคายโน้มลงไปจนเกือบชิด ลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่ปลายจมูกทำให้เฌอลินน์ไม่กล้าขยับเลย
“จะ จะทำอะไรคะ?”
“อยากจูบ”
“คะ!?”
“อ้าปากสิ”
เฌอลินน์ทำตรงกันข้าม เธอเม้มริมฝีปากแน่นแล้วก้มหน้านิ่ง จนหน้าผากเนียนสัมผัสกับริมฝีปากหยัก เฌอลินน์สะดุ้งแล้วรีบเงยหน้าขึ้น เปิดโอกาสให้ประธานหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์โน้มใบหน้าลงไปแล้วบดเคล้าริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง
“อื้อ!!”
คนตัวเล็กร้องด้วยความตกใจ เพราะทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เลน็อกซ์ก็สอดแทรกเรียวลิ้นเข้ามาในทันที ดูดดื่มปากของเธอจนเกิดเสียงดังน่าอาย ชายหนุ่มกดริมฝีปากแนบแน่นแล้วละเลียดละไมเชยชิมกลีบปากอวบอิ่มอย่างเจนจัด สองมือเล็กจิกอกเสื้อจนเกิดรอยยับยู่ยี่เพื่อประคองตัวเอง รู้สึกราวกับร่างกายกำลังถูกสูบพลังชีวิตออกไปจนแทบเป็นลม
เมื่อเลน็อกซ์ถอนริมฝีปากออก เขาก็ยกมือขึ้นจับคางเรียวเอาไว้ สายตาจดจ้องมองกลีบปากอวบอิ่มแล้วเผลอเลียรอบริมฝีปากของตัวเอง กดนิ้วหัวแม่มือลงบนกลีบปากราวกับกำลังยับยั้งชั่งใจ
“ทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ…”
“ทำไม ไหนบอกไม่มีแฟน?” ดวงตาเรียวคมตวัดมองคนตัวเล็กที่ถูกกักขังอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างกดดัน เธอพยายามก้มหน้าหลบสายตาแต่ก็ถูกมือแข็งดั่งคีมเล็กล็อกใบหน้าเอาไว้ จึงทำได้เพียงกรอกตาไปมาเพื่อหาที่วางสายตา ท้ายที่สุดก็วางสายตาไปบนไหล่กว้างของเขา
“ละ ลินน์ เอ่อ ฉันไม่มี แต่ก็มีคนคุย ส่วนท่านประธานก็… ไม่ชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอคะ?”
“เปล่า เกลียดต่างหาก”
“ฉันก็เป็นผู้หญิงนะคะ”
“มันต่างออกไป”
“ต่างตรงไหนคะ เดี๋ยวท่านประธานจะบอกว่าฉันเหมือนผู้ชาย?”
“เปล่า ก็แค่… ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น”
“…ไม่เห็นเข้าใจเลย แต่ว่าทำแบบนี้อย่างไรมันก็ไม่ถูกค่ะ พี่เจมส์จะเข้าใจผิดเอานะคะ”
ประโยคหลังหญิงสาวพูดเสียงเบา ทว่าด้วยความใกล้ชิดถึงขนาดที่รับรู้ได้จากลมหายใจของอีกฝ่ายก็ทำให้เลน็อกซ์ได้ยินชัดเจน ประธานหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“การที่ฉันอยากจูบเธอ มันเกี่ยวอะไรกับเจมส์?”
“ท่านประธานไม่ต้องปิดบังหรอกค่ะ รักเพศเดียวกันก็ไม่เห็นเป็นอะไร ฉันว่าน่ารักดีออกนะคะ”
งับ!
“อื้อ!”
เป็นอีกครั้งที่เฌอลินน์ถูกเลน็อกซ์ครอบครอง แต่คราวนี้มันรุนแรงกว่าที่ผ่านมา มันไม่ได้เต็มไปด้วยความต้องการ แต่เขาทำมันเพื่อลงโทษคนชอบคิดไปเอง นอกจากจะดูดปากเล็กๆ ราวกับทารกดูดนมแม่แล้ว เขายังดึงจนใบหน้าหวานต้องขยับตามเขาเพราะไม่อย่างนั้นก็กลัวว่าปากอวบอิ่มจะหลุดออกไปจริงๆ
แล้วก็เหมือนเดิมเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตัวเอง ราวกับกำลังลิ้มรสหวานกลีบปากอวบอิ่มของคนตัวเล็กที่ยังติดอยู่
หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรออกไปจึงจะสามารถหนีไปจากสถานการณ์ตอนนี้ได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือช้อนดวงตามองหน้าประธานหนุ่มด้วยสายตาดุๆ โดยไม่รู้เลยว่าในสายตาของเขาไม่ต่างไปจากแมวน้อยที่กำลังขู่ สำหรับทาสแมวแล้วมันช่างน่ารักน่าเอ็นดู
“ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าเลขาของฉัน เป็นคนช่างจินตนาการขนาดนี้”
โป๊ก!
“โอ้ย!”
เธอร้องด้วยความเจ็บเมื่ออยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นแล้วดีดเข้าที่กลางหน้าผากเนียน มือเล็กลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“กำหนดการล่ะ?”
“วันนี้มีประชุมตอนสิบโมงค่ะ”
“แค่นี้?”
“ค่ะ”
“เจ็บเหรอ?” เขาถามมาเห็นว่าคนตัวเล็กรูปหน้าผากตัวเองไม่หยุดสักที เฌอลินน์ไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ
ชายหนุ่มจึงจับข้อมือเล็กเอาไว้เพื่อดูรอยแดงบนหน้าผาก เขาแอบรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ทำเธอเจ็บ ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะลงโทษคนตัวเล็กพี่คิดว่าเขารักเพศเดียวกัน เขาไม่ได้เหยียดเพศ เพียงคิดว่ามันเป็นการเข้าใจผิดที่เลวร้ายสำหรับชายหนุ่มเช่นเขา
“ไปทำงานเถอะ”
“เอ่อ ขอรองเท้าคืนด้วยค่ะ”
เขายื่นคืน ส่วนเธอก็รับเอาไว้ก่อนจะรีบใส่แล้ววิ่งออกไป
ลับสายตาเฌอลินน์ เลน็อกซ์ครุ่นคิดอยู่คนเดียว
“สงสัยจะต้องไปหาหมอสักหน่อย”
ภายในหัวของเฌอลินน์เต็มไปด้วยความวุ่นวายใจ เธอหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเลน็อกซ์ถึงจูบกับเธอ ในครั้งแรกที่จูบกันนั้นจะคิดว่ามันเป็นเพียงความบังเอิญ เป็นเพราะอุบัติเหตุที่ทำให้เธอฝากรอยลิปสติกไว้บนอกเสื้อของชายหนุ่ม ทำให้เฌอลินน์เกือบลืมเลยว่ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นด้วย ทว่าตอนนี้เฌอลินน์กลับคิดว่าเขาคงจงใจ แต่จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร?
เฌอลินน์มั่นใจว่าเลน็อกซ์เป็นพวกรักร่วมเพศ ส่วนเธอก็เป็นสาววายที่ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่ทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน แต่อยู่ดีๆ ก็ถูกคนที่เป็นรุกจูบแบบนี้ เฌอลินน์สับสนมากทีเดียว
“เฮ้อ!”
“ถอนหายใจทำไม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” คำถามที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย และสายตาที่มองมานั้นทำเอาเฌอลินน์รู้สึกผิด
นานๆ ทีได้มาเดตกัน แต่เธอกลับเสียมารยาทคิดเรื่องของผู้ชายคนอื่น ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นเกย์ก็ตาม
“เปล่านี่ ช่วงนี้งานเยอะก็เลยเหนื่อยๆ น่ะ”
“เกิดอะไรไม่ดีขึ้นอีกแล้วเหรอ?”
“เปล่า ช่วงนี้ไม่มีแล้วล่ะ”
หลังจากเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นที่งานเลี้ยง อีกฝ่ายก็คงระมัดระวังตัวมากขึ้น หรือไม่ก็อาจจะถูกเลน็อกซ์จัดการไปแล้วก็ได้
เรื่องที่ประธานหนุ่มของเธอถูกคนทำร้าย และตัวเธอก็ได้รับบาดเจ็บแทนเขา เฌอลินน์ไม่ได้เล่าให้ลีโอฟังเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญอะไร อีกอย่างมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับประธานบริษัทของเธอ การเอาเรื่องในบริษัทไปเล่าไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะกับเรื่องแบบนี้
“ว่าแต่ลินน์จะไปเกาะแซงเกรียเมื่อไหร่เหรอ?” คำถามนี้ทำให้เฌอลินน์ชะงักเล็กน้อย
“เหมือนจะเดือนหน้านะ”
“ว้า ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้ว พอรู้ว่าจะไปต่างจังหวัดก็รู้สึกไกลกันเข้าไปอีก”
“แค่ไม่กี่วันเอง ท่านประธานอยากขยายสาขาไปที่นั่นน่ะ”
“งั้นเหรอ ไปกี่วันล่ะ?”
“คร่าวๆ ประมาณสามวัน แต่อาจจะนานกว่านั้นถ้าดูแล้วมันโอเค”
“ที่นั่นนักท่องเที่ยวเยอะด้วยสิ เธออาจจะเจอคนหล่อๆ ที่นั่นก็ได้”
“เจอคนหล่อแล้วไง คนหล่อที่สุดอยู่ตรงหน้าฉันนี่ฉันจะไปมองใครได้ล่ะ คิกคิก”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ลีโอยื่นมือมาหยิกแก้มเฌอลินน์ด้วยความมันเขี้ยว แล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันตามประสาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์