ข้าไม่ต้องการแล้ว

1379 Words
อวี้หลิงไม่อยากจะจมอยู่กับเรื่องของหวังหรงจื่ออีกแล้ว ไม่ว่าบุรุษคนใดก็ตาม หากมีนางเพียงหนึ่งเดียวในจวนได้ ต่อให้เป็นเพียงขุนนางต่ำต้อย หรือพ่อค้า นางก็ไม่สนใจอีกแล้ว อยู่กันไป วันหนึ่งนางก็คงจะรักคนผู้นั้นได้เอง นางจะไม่ปวดใจมากได้อย่างไร เรื่องงานหมั้นหมายของตระกูลไป๋และตระกูลหวัง นางก็รับรู้พร้อมผู้อื่นในเมืองหลวงเช่นกัน วันนั้นนางยังเตรียมของว่างที่หวังหรงจื่อชอบไปให้เขาที่ว่าการอยู่เลย ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหวังหรงจื่อ นางล้วนเป็นผู้ลงมือทำด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นถุงหอมที่เขาพกติดตัวหรือแม้แต่เสื้อผ้านางก็ลงมือเย็บปักลายให้เขาอย่างใส่ใจ “ท่านแม่ หลิงหลิง นางคงคิดได้แล้วขอรับ” ฮั่วชุยหมิ่น เอ่ยออกมาอย่างยินดี “แม่ก็คิดเช่นนั้น ฮูหยินจาง นางส่งเทียบเชิญมาให้แม่พาเจ้ากับหลิงหลิงไปงานน้ำชาในอีกสองวันข้างหน้า เห็นว่า...นางอยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลฮั่วของเรา หากตระกูลจางยอมรับข้อเสนอนี้ของหลิงหลิงได้ แม่ก็เห็นดีด้วย” ในแคว้นต้าหลี่ ยังจะมีบุรุษใดที่ได้ต้องการมีอนุอีกเล่า นอกจากนายท่านฮั่วบิดาของอวี้หลิง “จางสิงเทียน เป็นสหายร่วมเรียนของลูก นิสัยใจคอนับว่าดีไม่น้อยเลยขอรับ หากหลิงหลิงแต่งเข้าตระกูลจาง ข้าก็วางใจ” ฮั่วชุยหมิ่นก็ไม่ค่อยจะถูกชะตากับหวังหรงจื่อนัก ด้วยเห็นความพยายามของน้องสาวที่ไล่ตามอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน จนเป็นที่นินทาไปทั่วทั้งเมืองหลวง แต่น้องสาวของตนรักใคร่เขาเพียงนั้น คนเป็นพี่จะไปต่อว่าได้อย่างไร “อืม...อายุของทั้งคู่ก็ไม่ต่างกันมาก คงจะพูดคุยกันได้อย่างถูกคอ” จางสิงเทียนอายุยี่สิบหนาว อวี้หลิงนางอายุสิบหกหนาว ต่างจากหวังหรงจื่อที่ห่างจากอวี้หลิงเกือบสิบปี ซูซื่อให้สาวใช้มาแจ้งเรื่องไปงานน้ำชาที่ตระกูลจางกับอวี้หลิง เพื่อให้นางได้มีเวลาเตรียมตัว “คุณหนู ชุดนี้ท่านเพิ่งได้มาไม่ใช่รึเจ้าคะ” เสี่ยวเถามองชุดสีม่วงในมืออย่างแปลกใจ คุณหนูของนาง เมื่อเห็นชุดที่ทางร้านส่งมาให้ ก็แยกชุดสีม่วงนี้ออกมาทันที บอกให้นางเอาไปเผาทิ้งเสีย “อืม...ข้าไปชอบ ไม่อยากเห็นเจ้าเอาไปเผาทิ้งเสีย” นางโบกมือไล่อย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าค่ะ” เสี่ยวเถาแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมที่จะนำชุดไปเผาทิ้งตามคำสั่ง อวี้หลิงหันไปมองกล่องเครื่องประดับที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เหมือนนางเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยรั้งเสี่ยวเถาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน เสี่ยวเถา เจ้าไปค้นหาปิ่นมู่ตานออกมา แล้วนำไปทำลายทิ้งด้วยเลย” “คุณหนู!!! ท่านยอมตัดใจทิ้งจริงๆ รึเจ้าคะ” เสี่ยวเถาร้องถามออกมาอย่างตกใจ ปิ่นมู่ตาน เป็นสิ่งของเพียงอย่างเดียวที่หวังหรงจื่อมอบให้นาง เมื่อปีก่อน หากมิใช่ว่าอวี้หลิงขอร้องให้เขาซื้อให้ มีรึนางจะได้มาครอบครอง “ทิ้งไปเถิด ข้าไม่ต้องการแล้ว ของไม่มีค่าเช่นนั้น ไม่เหมาะสมกับข้าจริงๆ” คิดแล้วก็ได้แต่หัวเราะเยาะตนเอง นางเห็นว่าเป็นของที่หวังหรงจื่อยอมซื้อให้ จึงได้ปักไว้ตลอด มันเป็นเพียงปิ่นเงินไร้ราคา ต่อให้สหายคนอื่นพูดนินทานางหรือดูแคลน แต่นางก็ไม่เคยเก็บมาใส่จน มาตอนนี้ยังได้รู้ตัวว่าโง่งมเพียงใด หากบุรุษมีใจ มีรึที่จะซื้อของไร้ราคาเช่นนี้ให้นาง “เจ้าค่ะ” เสี่ยวเถาอดยินดีไม่ได้ นางเองก็ไม่ต้องการให้คุณหนูของนางถูกผู้อื่นนินทาว่าร้ายอีกแล้ว หากตัดใจจากหวังหรงจื่อได้จริง ก็คงต้องขอบคุณสวรรค์เสียแล้ว อวี้หลิงเริ่มหันมาดูแลตนเอง เมื่อก่อนนางเอาแต่สนใจหวังหรงจื่อ จนลืมดูแลตนเอง ยอมอดนอนคัดตำรา อ่านบทกลอน เพื่อจะได้มีเรื่องไปสนทนากับเขา ทั้งยังวิ่งออกนอกจวน เพื่อไปต่อแถวรอซื้อของหวานที่เขาชอบด้วยตนเอง จนผิวกายเริ่มจะหมองคล้ำ นางจึงเรียกสาวใช้ให้เข้ามาในเรือน เพื่อเตรียมตัวขัดผิวให้นาง อีกสองวันนางจะต้องไปงานเลี้ยงน้ำชาที่ตระกูลจาง อีกนัยหนึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นการดูตัวของนางไปด้วย นางจะปล่อยตัวให้ทรุดโทรมได้อย่างไร ตลอดสองวัน อวี้หลิงนางเก็บตัวอยู่แต่ภายในเรือน โดยมีสาวใช้คอยขัดถูตัว ดูแลนางอย่างดี คนในตระกูลฮั่วเห็นบุตรสาวกลับมารักตนเองเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดไม่ยินดีเลยสักคน “หลิงหลิง นางคิดได้แล้วจริงๆ ข้าต้องหาวันไปบริจาคค่าธูปเทียนเสียแล้วท่านพี่” ซูซื่อยกมือขึ้นพนมขอบคุณสวรรค์ “ให้มันจริงเถิด หากงานเลี้ยงน้ำชาในวันพรุ่งนี้เป็นไปได้ด้วยดี เจ้าก็พูดคุยกับฮูหยินจากนางให้เรียบร้อยเลยก็แล้วกัน” “ได้เจ้าค่ะ” วันต่อมา ภายในเรือนพักของอวี้หลิง สาวใช้กำลังวิ่งกันให้วุ่น คุณหนูของพวกนาง จะยอมออกไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาแล้ว หลังจากที่ไม่ยอมเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์มาเป็นเวลานาน “ชุดนี้คุณหนูสวมแล้วงามยิ่งนักเจ้าค่ะ” แม่นมซู ที่ติดตามมาจากบ้านเดิมของซูซื่อ เข้ามาช่วยเตรียมตัวให้อวี้หลิง “ข้าใส่ชุดใดท่านก็มองว่างาม ต่อให้ข้าไม่สวมใส่อันใดเลยแม่นมก็ยังมองว่าข้างามอยู่” เสียงหยอกล้อที่หายไปนาน เริ่มกลับมาอีกครั้ง “โถ่ คุณหนูของบ่าว พูดเรื่องน่าละอายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรเจ้าคะ” แม่นมซูได้แต่มองค้อนอวี้หลิง “ถ้าไม่เชื่อ ข้าจะถอดออกให้แม่นมได้ยลโฉมความงามของข้า” มือขาวทำท่าจะปลดเชือกรัดเอวออก เสียงกรีดร้องของแม่นมที่ตกใจ ก็ทำให้สาวใช้และอวี้หลิงหัวเราะขบขันกันออกมา “ทำสิ่งใดกัน เสียงดังออกไปด้านนอกเชียว” ซูซื่อที่เข้ามาดูความเรียบร้อยของบุตรสาว ก็เดินยิ้มเข้ามาอย่างพอใจ “ท่านแม่” อวี้หลิงวิ่งเข้าไปออดอ้อนผู้เป็นมารดา “ข้ากำลังจะถอดชุดให้แม่นมซูดูว่าข้างดงามมากเพียงใด” “เจ้านี่มัน” ซูซื่อหยิกเอวบุตรสาวเบาๆ เมื่อแม่นมเริ่มฟ้องนางว่าอวี้หลิงซุกซนมากเพียงใด “จะไปแล้วรึเจ้าคะ” เมื่อถูกผู้เป็นมารดาอบรมชุดใหญ่แล้ว อวี้หลิงก็เอ่ยถามขึ้นมา “ใช่ ไปกันได้แล้ว พี่ชายเจ้าออกไปรออยู่ที่หน้าจวนแล้ว” อวี้หลิงคล่องแขนซูซื่อเดินไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวน งานเลี้ยงน้ำชาของคนตระกูลจางวันนี้ ส่งเทียบเชิญไปให้จวนใหญ่ในเมืองหลวงอยู่ไม่น้อย อวี้หลิงเดินเข้าจวน พร้อมผู้เป็นมารดาและพี่ชาย คุณหนู คุณชาย ต่างหันมามองที่นางกันอย่างสนใจ ด้วยไม่คิดว่านางจะยอมออกจากจวน “หลิงหลิง” คุณหนูจ้าว ตะโกนเรียกนางเสียงดัง พร้อมกับเดินเข้ามาหา “ซินซิน เจ้ายังเสียงดังเหมือนเดิมเลยนะ” “เหอะ ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมเสียงของข้าไปเสียแล้ว แล้วนี่...ยอมออกจากจวนแล้วรึ” จ้าวซินซิน อดที่จะหยอกล้อสหายไม่ได้ “ตาของเจ้าเป็นอันใดไป ถึงมองไม่เห็นว่าข้ายืนอยู่ตรงนี้” อวี้หลิงเข้าไปจับตาของจ้าวซินซินเบิกกว้างให้มองดูนาง “โอ๊ยย ท่านป้า พี่หมิ่น ม่านดูหลิงหลิงนางจะทำให้ข้าตาบอดแล้ว” การหยอกล้อของสตรีทั้งสองทำให้คนที่เห็นต่างอมยิ้มมองพวกนางกัน “ซูซื่อ เจ้ามาแล้ว เหตุใดไม่รีบพาหลิงหลิงนางเข้าไปเล่า” ฮูหยินจางเดินออกมารับสามแม่ลูกด้วยตนเอง “คารวะฮูหยินจางขอรับ/เจ้าค่ะ” สองพี่น้องตระกูลฮั่วหันไปคารวะฮูหยินจาง ด้านข้างของนางยังมีบุรุษท่าทางสง่างาม ถึงจะรูปร่างผอมบางไปบ้าง แต่ก็ยังชวนน่ามอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD