จางสิงเทียน พาอวี้หลิงเข้าไปนั่งในงานเลี้ยงน้ำชา โต๊ะที่ทั้งสองนั่ง คือโต๊ะตัวเดียวกับฮูหยินจางและซูซื่อ ก่อนที่ทั้งสองจะบอกสิ่งที่เพิ่งเอ่ยพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้วให้มารดาของตนรับรู้
“เจ้าพูดจริงรึ” ฮูหยินจางเอ่ยถามอวี้หลิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าค่ะ ข้ายินยอมที่จะแต่งเข้าจวนตระกูลจางเจ้าค่ะ” อวี้หลิงเอ่ยตอบตามความต้องการของตนเอง
“สวรรค์!!! ขอบใจเจ้ามากหลิงหลิง” ฮูหยินจางเอ่ยขอบคุณนาง
เมื่อมองสบสายตาของอวี้หลิงจึงรู้ได้ว่า นางรู้ว่าจางสิงเทียนเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ
“ต่อไป ท่านป้าต้องเมตตาข้าให้มากๆ นะเจ้าคะ” อวี้หลิงเอ่ยเย้าฮูหยินจาง ยิ่งทำให้นางมองอวี้หลิงอย่างเอ็นดูมากขึ้นกว่าเดิม
“ข้าจะรักเจ้า เช่นบุตรสาวของข้าอีกคนเลยทีเดียว” ทั้งหมดยิ้มให้กันอย่างยินดี แต่ก็มีเสียงของผู้ปรารถนาดีดังแทรกเข้ามาเสียก่อน
“คุณหนูฮั่ว ก่อนหน้านี้มิใช่ว่าเจ้าตามตื๊อ ผู้ตรวจการหวังอยู่หรอกรึ”
อวี้หลิงปรายตามองไปทางคนที่พูดอย่างเฉยชา นางมิได้มีโทสะด้วยก่อนหน้านี้นางทำตัวเช่นที่เขาพูดจริงๆ
“ก่อนหน้านี้เป็นเช่นที่ฮูหยินซ่งเอ่ยออกมา ข้าไม่ขอแก้ตัว แต่ในเมื่อท่านผู้ตรวจการหวัง จะมีการหมั้นหมายกับตระกูลไป๋แล้ว หากข้ายังตามตื๊อเขาอยู่ จะไม่เรียกว่าไร้ยางอายรึเจ้าคะ อีกอย่าง...ท่านป้ากับพี่เทียนยังมิคิดเล็กน้อยเช่นที่ท่านเอ่ยออกมาเลย เพียงเท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว” อวี้หลิงฉีกยิ้มมองฮูหยินที่ต่อว่านาง เพียงแต่ดวงตาของนางเฉยชาราวกับว่าเรื่องที่เอ่ยถึงมิใช่เรื่องของนาง
“เป็นเช่นหลิงหลิงว่า เรื่องในหนก่อนเป็นเช่นใดข้าตระกูลจางไม่สนใจ แต่นับต่อจากนี้ ข้าจะทำเรื่องสู่ขอหลิงหลิงนางให้ถูกต้องตามธรรมเนียม มิให้ผู้ใดมาดูแคลนนางได้อีก”
การที่ฮูหยินจางออกหน้าแทนว่าที่ลูกสะใภ้เพียงนี้ ย่อมปิดปากผู้ที่จะเอ่ยตำหนิอวี้หลิงออกมาได้อีก ทั้งสายตาของสิงเทียนที่มองอวี้หลิงราวกับสมบัติล้ำค่า ก็ไม่มีผู้ใดที่คิดว่าสองตระกูลเกี่ยวดองกันเพื่ออำนาจเท่านั้น
“หลิงหลิง หลังจากส่งแม่สื่อไปที่จวนของเจ้าแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเลือกผ้าตัดชุดด้วยตอนเองดีหรือไม่” จางสิงเทียนหันมาเอ่ยถามนางอย่างเอาใจ
“ดีเจ้าค่ะ พี่เทียน ท่านอย่าลืมพาข้าไปเลือกเครื่องหอมด้วยเล่า” นางสนใจเครื่องหอมที่จางสิงเทียนเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ไม่น้อย
“เรื่องเครื่องหอมเจ้ามิต้องห่วง ก่อนเจ้าจะกลับจวน ข้าจะให้สาวใช้จัดเตรียมให้เจ้ากลับไปด้วย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ทุกสายตาที่มองมาทางสองคนที่หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน หลงลืมเรื่องที่อวี้หลิงนางวิ่งตามตื๊อหวังหรงจื่อไปก่อนหน้านี้จนเสียสนิท กลายเป็นว่าอิจฉาอวี้หลิง ที่นางมีว่าที่คู่หมั้นที่ใส่ใจแม้เพียงเรื่องเล็กน้อยของสตรีแทน
คงมีเพียงไป๋ซีม่านที่มองมาทางอวี้หลิงอย่างแค้นเคือง แม้นางจะแย่งบุรุษที่รักยิ่งของอวี้หลิงมาได้แล้ว แต่นางก็ดูเหมือนจะยังไม่พอใจ นางอย่างได้ความใส่ใจ แสดงออกต่อหน้าทุกคนของหวังหรงจื่อมากกว่าที่เป็นอยู่
ตระกูลจางออกไปส่งตระกูลฮั่วที่หน้าประตูจวน เมื่องานเลี้ยงน้ำชาสิ้นสุดลง ทั้งยังนัดหมายกำหนดวันที่แม่สื่อจะเข้าไปที่จวนตระกูลจางกันอีกหน ก่อนจะพากันแยกกลับไป
จางสิงเทียนทำตามสิ่งที่พูดไว้กับอวี้หลิง เขาให้สาวใช้จัดเตรียมเครื่องหอมให้นางกลับไปที่จวนด้วยไม่น้อย
ไหนจะสมุนไพรหอมที่ใช้ขัดผิว เขาก็ล้วนแต่เลือกอย่างดีให้นางไปอีกมากมาย
ผู้ใดในเมืองหลวงจะไม่รู้กันบ้าง ตระกูลจางมีร้านเครื่องหอมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ทั้งยังมีร้านค้าเครื่องหอมอยู่ทั่วทั้งแคว้นต้าหลี่ ส่วนหนึ่งก็มาจากความสามารถของจางสิงเทียนที่ช่วยเพิ่มกลิ่นเครื่องหอม ให้มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้น
ภายในรถม้าของตระกูลฮั่ว ชุยหมิ่นที่มองมาทางน้องสาวอย่างแคลงใจก็เอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกมา
“เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนใจแต่งเข้าจวนตระกูลจางง่ายนักเล่า” ฮั่วชุยหมิ่น เอ่ยถามน้องสาวอย่างไม่เชื่อ
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกเหตุผลในการเลือกบุรุษที่ข้าต้องการจะแต่งด้วยไปแล้ว ในเมื่อคุณชายจางทำตามที่เขาพูดกับข้าไว้ได้จริง ทั้งยังจะตามใจข้าหลังจากที่แต่งเข้าจวนตระกูลจางไปแล้ว ยังจะมีเหตุผลใดอีกที่ข้าจะไม่แต่งให้เขา”
“แล้วเจ้าพอใจเช่นที่เป็นอยู่จริงรึ...น้องข้า” ชุยหมิ่นยังไม่อยากจะเชื่อว่าน้องสาวของตนจะตัดใจจากหวังหรงจื่อได้จริง
“เจ้าค่ะ ความจริงเรื่องออกเรือนก็ควรจะเป็นความเห็นของท่านพ่อ ท่านแม่อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่รู้ความ ทำตามใจตนเองจนทำเรื่องขายหน้ามาให้ตระกูลไม่น้อย แต่ว่า...ข้าคิดได้แล้ว ท่านพี่ อย่างไรข้าก็จะแต่งให้คุณชายจางเจ้าค่ะ” สายตาของอวี้หลิงหลุบมองลงต่ำ เพื่อซ่อนความจริงในแววตาของนางเอาไว้
“หากเจ้า คิดได้พี่ก็วางใจ” ชุยหมิ่นตบแขนน้องสาวของตนเองเบาๆ
ซูซื่อมองสองพี่น้องพูดคุยกันอย่างสบายใจ นางเป็นทุกข์เรื่องของอวี้หลิงไม่น้อย มีที่ไหน ที่ผู้เป็นบิดามารดา จะทนมองบุตรสาวทุกข์ใจได้ ตัวนางก็เช่นกัน ด้วยมีอวี้หลิงเป็นเพียงบุตรสาวผู้เดียว ก็ต้องการให้นางได้สิ่งที่ดีที่สุด ที่นางสามารถมีความสุขไปได้ชั่วชีวิต
อวี้หลิงพบเจอเรื่องราวภายในจวนตระกูลจางไม่น้อย ไหนจะเรื่องที่นางต้องทนถูกสายตาของผู้อื่นมองอย่างดูแคลน และเรื่องของจางสิงเทียน ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจของนางเหนื่อยล้า จนแทบจะเดินกลับเรือนไม่ไหว
“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา ขอข้าพกเสียหน่อย มื้อเย็นเสี่ยวเถา เจ้านำมาให้ข้าที่เรือนก็แล้วกัน” อวี้หลิงสั่งความเสร็จก็เดินเข้าห้องนอนของนางเพื่อไปพักผ่อน
นางถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ก่อนจะเดินขึ้นไปนอนพักบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาคู่งาม จ้องมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย พร้อมกับคิดถึงคำพูดของจางสิงเทียน
ต่อให้เขาไม่อาจจะอยู่กับนางเช่นสามีภรรยาได้ แต่หากเขาให้เกียรติยกย่องนาง เช่นที่เขาว่าไว้ นางก็คงจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบากนัก
อวี้หลิง ทิ้งเรื่องทั้งหมดไว้ด้านหลัง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
“อื้อออ” อวี้หลิงหลับสนิทไปได้เพียงครู่ นางก็เริ่มรู้สึกรำคาญ เมื่อมีสิ่งเร้าเข้ามารบกวนการนอนพักของนาง
“เจ้ากล้าแต่งให้ผู้อื่นรึ” เสียงกระซิบข้างหูของนาง ทำให้อวี้หลิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
ความรู้สึกราวกับกำลังหลับฝัน แล้วได้ยินเสียงของหวังหรงจื่อที่กำลังเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงเช่นนี้ของเขา หากเป็นเมื่อก่อน อวี้หลิงจะต้องร้อนรนหาทางแก้ต่างให้ตนเอง แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ นางไม่จำเป็นจะต้องสนใจความรู้สึกของเขาอีกแล้ว
อวี้หลิงกัดฟันแน่น ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปอย่างแค้นใจ นางโมโหที่เขากล้าเอ่ยถามนางออกมาเช่นนี้
“ใช่ ข้าจะแต่งให้พี่เทียน” นางเอ่ยตอบออกมา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาดู
“เจ้ากล้ารึ!!!” เสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยอำนาจของเขาดังก้องอยู่ภายในหู
อวี้หลิงได้แต่ยกยิ้มที่มุมปาก แม้แต่เสียงของเขา นางยังรู้ได้เลยว่าตอนนี้ใบหน้าของหรงจื่อจะโกรธนางมากเพียงใด
“กล้าหรือไม่ ข้าก็รับปากพี่เทียนไปแล้ว อื้อ...” ริมฝีปากหนาประกบจุมพิตนางอย่างเร่าร้อน