คำลวง

1977 Words
เข้าวันต่อมา… หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีงัวเงียแต่แล้วเธอก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีร่างใหญ่กำลังนอนกอดเธอจากทางด้านหลัง “นี่นายแอบโฉยโอกาสมานอนกอดฉันโดยที่ฉันหรอ!”หญิงสาวรีบต่อว่าชายหนุ่มพร้อมกับดิ้นหนี้ “อะไร เมื่อคืนเธอก็ยอมให้ฉันกอดแล้วนี่” “แต่ว่าตอนนั้นฉันเห็นว่านายมีไข้เลยยอมๆไป” “ตอนนี้ฉันก็ยังมีไข้อยู่ไม่เชื่อเธอลองจับหน้าผากฉันดูสิ” “ยังมีไข้จริงๆด้วย” “วันนี้ฉันอนุญาตให้เธอตื่นสายหนึ่งวัน”ชายหนุ่มกล่าวใยขณะที่โอบกอดหญิงสาวไว้แน่น “แต่ว่าฉันต้องตื่นไปเข้าห้องน้ำ” “งั้นถ้าเธอไปเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็กลับเข้ามานอนเป็นเพื่อนฉันนะ” “เข้านี้อากาศดีมากๆฉันอยากออกไปยืดเส้นยืดสาย” “แต่ว่าฉันไม่สบายอยู่นะ” “ไม่สบายก็พักผ่อนเดี๋ยวฉันจะทำข้าวต้มให้ทานเป็นมื้อเช้า” “ฉันไม่อยากทานข้าวเช้า” “ไม่อยากทานก็ต้องทานเพราะนายจะได้หายไวๆ” “ก็ไม่อยากหายไง” “ฉันไม่คุยกับนายแล้ว”พูดจบหญิงสาวก็ลุกจากที่นอนเพื่อลงไปทำอาหารเช้าให้ชายหนุ่ม ตลอดทั้งวันหญิงสาวคอยดูแลชายหนุ่มที่ป่วยอยู่ไม่ห่างจนกระทั่งตกเย็นท้องฟ้าก็เริ่มอึมครึมและไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย “ฝนตกอีกแล้ว”หญิงสาวบ่นกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าเซ็ง “นั้นสิไม่รู้ว่าวันนี้ฟ้าจะผ่าต้นไม้ต้นไหนอีก” “ฟ้าผ่าหรอ” “ก็ฟ้าผ่าเหมือนเมื่อวานไง”เมื่อชายหนุ่มเห็นโอกาสจึงพูดจาหว่านล้อมให้เธอกลัว “ไหนๆเมื่อคืนเราก็นอนด้วยกันแล้ววันนี้ฉันขอนอนกับนายอีกคืนนะ”ส่วนหญิงสาวที่กลัวฟ้าผ่าจึงเป็นฝ่ายขอนอนกับชายหนุ่มด้วยท่าทีหวาดระแวงว่าจะมีฟ้าผ่าอีกเมื่อไหร่ “มาสิ ฉันกำลังต้องการเธออยู่พอดี”คำว่าต้องการของชายหนุ่มนั้นมีนัยแอบแฝงแต่หญิงสาวกลับไม่ได้คิดอะไรมากจึงเข้าไปซุกในผ้าห่มของชายหนุ่ม “ว้ายย!!”หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังทิ่มแทงบริเวณบั้นท้ายของเธอ “ทำไมเธอถึงชอบกรี๊ดเสียงดังอยู่เรื่อย รู้มั้ยว่าเสียงร้องของเธอมันทำให้ฉันแทบคลั่ง”ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงกระเส่า “ไอ่คนโรคจิต ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”หญิงสาวพยามดิ้นหนีเมื่อรู้ตัวว่ากำลังไม่ปลอดภัย “ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่ากำลังต้องการเธออยู่ ”ชายหนุ่มกระซิบข้างหูหญิงสาวในขณะที่กอดร่างเล็กเอาไว้แน่น “นายกำลังป่วยอยู่นะ” “ฉันหายป่วยตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว” “นี่นายแกล้งป่วยเพื่อฉวยโอกาสจากฉันงั้นหรอ” “ให้ฉันเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะถนุถนอมเธอเป็นอย่างดี”ชายหนุ่มขึ้นคร่อมร่างเล็กพร้อมกับตรึงแขนของเธอแนบกับที่นอน “ไม่มีวัน ฉันไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้น”หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างผิดหวังในตัวเขา “ตลอดระเวลากว่าสองอาทิตย์ที่เราได้ใช้ร่วมกันเธอไม่รู้สึกเหมือนกับที่ฉันรู้สึกบ้างเลยหรอ”ชายหนุ่มปรับโทนเสียงนิ่มนวลพร้อมกับมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย ส่วนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นก็นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ “รู้สึกอะไร” “ก็รู้สึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน อยากใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ตลอดไป” “ไม่ ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่นิด และฉันไม่ลืมว่านายเป็นใคร”แม้ลึกๆหญิงสาวเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างกับชายหนุ่มแต่เธอก็ไม่ลืมว่าเขาเป็นใคร “แล้วไม่คิดจะลองเปิดใจให้กันบ้างเลยหรอ”ชายหนุ่มขอโอกาสจากหญิงสาวด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง และการกระทำเหล่านั้นก็ทำเอาหัวใจของหญิงสาวนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ “งั้นนายก็ปล่อยฉันไปสิ”หญิงสาวที่เห็นโอกาสจึงต่อรองอย่างชาญฉลาดเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากพันธนาการ “ความพยายามทั้งหมดของฉันมันไม่มีค่าอะไรเลยสินะ”ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็ตัดพ้อด้วยสีหน้าผิดหวัง “พูดแบบนี้หมายความว่าไง” “ฉันเข้าใจเธอดีว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่่ฉันจับตัวเธอมาแล้วจู่ๆฉันก็มาสารภาพความรู้สึกดีๆที่มีต่อเธอแบบนี้ แต่ฉันสาบานได้ว่าฉันรู้สึกแบบที่ฉันพูดจริงๆ”ชายหนุ่มพยายามหว่านล้อมหญิงสาวอย่างไม่คิดยอมแพ้ “งั้นก็บอกความจริงมาว่านายจับตัวฉันมาทำไม” “ความจริงคือฉันตั้งใจจับตัวเธอมาเพื่อต่อรองบางสิ่งบางอย่างกับพ่อของเธอ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว ฉันสนใจแค่ว่าฉันอยากทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่” “นายต่อรองอะไรกับพ่อฉัน” “อันที่จริงฉันก็ไม่อยากจะพูดให้พ่อเธอดูเป็นคนไม่ดี แต่ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้วมันคงถึงเวลาที่เธอต้องรู้ความจริง”พูดจบเขาก็ปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ “ความจริงอะไรก็พูดมาสิมัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้” “ความจริงคือพ่อของเธอพยายามขอซื้อที่ดินจากแม่ของฉันแถวเขตชานเมือง ตอนนั้นฉันกับแม่ไม่ต้องการขายมัน จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ฉันทราบมาว่าแม่ได้ขายที่ดินตรงนั้นให้กับพ่อของเธอไปแล้ว และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันกับแม่เริ่มมีปัญหากัน ฉันเอาแต่โทษแม่ที่ขายที่ดินผืนนั้นโดยที่ไม่ปรึกษากันและแม่ก็เอาแต่ขอโทษฉันโดยที่ไม่ยอมพูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งแกป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าแม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและอาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นาน ถึงตอนนั้นแม่ถึงยอมบอกความจริงว่าโดนคนของพ่อเธอไปข่มขู่ ด้วยความที่แม่ของฉันไม่อยากให้ฉันตกงานและมีอนาคตที่ดีจึงยอมขายที่ผืนนั้นซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ยายต้องการมอบให้ฉันกับพี่สาว ฉันที่ต้องการที่ดินผืนนั้นกลับคืนมาจึงพยายามไปต่อรองขอซื้อคืนจากพ่อของเธอแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพ่อของเธอได้ถมที่แล้วและกำลังปลูกสิ่งก่อสร้าง นั่นจึงทำให้ฉันเกิดความรู้สึกแค้นเลยทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ที่ดินนั้นกลับคืนมา” “ไม่จริง พ่อฉันไม่มีวันทำอะไรแบบนั้น” “ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องไม่เชื่อ” “ใช่ ฉันไม่มีวันเชื่อนาย” “งั้นก็ดูนี่”พูดจบเขาก็เดินไปเอาเอกสารซึ่งเป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดนั่นเป็นความจริง ชายหนุ่มยื่นเอกสารให้หญิงสาวดูพร้อมกับเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้แม่ของเขาจำใจต้องขายที่ให้กับพ่อของเธอโดยไม่ชอบธรรม “นี่มันที่ดินที่พ่อเคยพาฉันไปดูนี่ แต่ว่าเจ้าของที่เป็นคู่สามีภรรยา และนายเคยบอกว่าพ่อของนายเสียชีวิตไปนานแล้ว” “คนที่เธอเห็นคือพ่อเลี้ยงฉันเอง” “แต่ว่าตอนนั้นดูเหมือนแม่ของนายกับพ่อเลี้ยงของนายเต็มใจขายให้” “นั่นมันหลังจากที่คนของพ่อเธอไปข่มขู่แม่ฉัน คือตอนนั้นฉันทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งและต่อมาฉันเพิ่งรู้ว่าบริษัทนั้นมีพ่อของเธอเป็นผู้ถือหุ้นด้วย ตอนนั้นหน้าที่การงานของฉันกำลังไปได้ดี แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันโดนสั่งพักงานโดยที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่รู้ดีว่าการอาชีพวิศวกรเป็นอาชีพที่ฉันใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กและกว่าฉันจะไปถึงจุดนั้นมันไม่ง่ายเลย อันที่จริงสำหรับฉันแล้วการถูกไล่ออกหรือถูกกีดกันจากสายอาชีพนั้นมันไม่ได้ทำให้ฉันกลัวเมื่อเทียบกับการที่ต้องสูญเสียที่ดินผืนนั้น” “ที่ดินผืนนั้นมันสำคัญกับนายยังไง” “ก็มันเป็นที่ดินของยาย และฉันกับพี่สาวถูกเลี้ยงมาโดยยาย ที่ดินตรงนั้นเต็มไปด้วยภาพความทรงจำในวัยเด็กสำหรับฉัน ยายตั้งใจมอบที่ตรงนั้นให้ฉันกับพี่สาวแต่ยังไม่ทันที่ยายจะได้ทำพินัยกรรมยายก็ยิงจากไปก่อนมันเลยตกเป็นของแม่” “ฉันเสียใจถ้าเรื่องที่นายพูดนั้นเป็นความจริง และฉันขอโทษแทนพ่อด้วย แต่เชื่อฉันเถอะว่าฉันสามารถช่วยให้นายได้ที่ดินตรงนั้นคืนเพียงแค่นายยอมให้ฉันคุยกับพ่อ อันที่จริงนายไม่ควรทำแบบนี้เพราะมันเสี่ยงทำนายเข้าคุกได้” “ก่อนหน้านี้ฉันเจรจากับพ่อเธอแล้วว่าให้รีบโอนที่ดินนั่นคืนให้ฉันเพื่อแลกกับตัวเธอ แต่พ่อของเธอขอเวลาอีกนิดเพื่อเจรจากับผู้ร่วมโครงการคนอื่นๆ” “ถ้านายยอมให้ฉันคุยกับพ่อนายจะได้ที่ตรงนั้นกลับคืนมาในทันที” “ช่างเถอะฉันไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว” “นายไม่ต้องการที่ดินตรงนั้นแล้วหรอ” “ไม่ และในทางกลับกันฉันภาวนาไม่ให้พ่อของเธอติดต่อกลับมาอีกเลย” “ทำไม” “เพราะสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเธอ” “เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ” “แล้วฉันต้องพิสูจน์ยังไงเธอถึงจะเชื่อว่าฉันต้องการเธอจริงๆ”พูดจบเขาก็จับร่างผอมบางนอนหงายกับที่นอนแล้วตรึงแขนเรียวทั้งสองข้างเหนือศีรษะหญิงสาว นั่นจึงส่งผลให้ใบหน้าของทั้งสองแนบชิดกันอีกครั้ง ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างลึกซึ้งจนหญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ ภายในกระท่อมหลังเล็กตกอยู่ภายใต้ความเงียบอยู่ชั่วครู่กระทั่งชายหนุ่มไม่อาจต้านทานความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป “เป็นของฉันเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะถนุถนอมเธอราวกับของมีค่าที่สุดในชีวิต”ชายหนุ่มให้คำมั่นสัญญาก่อนที่จะมอบจุมพิตอันแสนหวานให้กับหญิงสาวในขณะที่เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และพอเธอเริ่มตั้งสติได้จึงพยายามขัดขืนโดยการไม่ยอมให้ร่างบนได้สัมผัสกับลิ้นของเธอ ส่วนเขาที่เห็นดังนั้นก็ไม่ลดละความพยายามจึงบดขยี้ริมฝีปากบางด้วยริมฝีปากหนาของตัวเอง จากนั้นเขาก็อาศัยความแข็งแรงของร่างกายจัดการตรึงแขนทั้งข้างของหญิงสาวไว้ในอุ้มมือเดียวส่วนมืออีกข้างก็รีบปลดตะขอบราอย่างชำนาญ มือสากกอบกุมเต้าขนาดพอดีมือส่วนนิ้วชี้ก็ทำหน้าที่เขี่ยยอดปทุมถันอย่างช้าๆจนร่างเล็กเริ่มส่งเสียงครางอยู่ในลำคอและไม่นานหญิงสาวก็ปล่อยให้ลิ้นของเธอเป็นอิสระจนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ จากจุมพิตอันแสนหวานค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นจุมพิตอันเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจถอนริมฝีปากเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังตอบสนอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD