งานเรือนให้เมียเจ้าทำ

1270 Words
หลินเยว่มองหน้าจางเลี่ยงรุ่ยอย่างเหนื่อยใจ “เหตุใดท่านต้องยอมมากถึงเพียงนี้ด้วย” “ต่อให้ท่านย่าจะดุด่าข้าหรือทุบตีข้า อย่างน้อยนางก็ให้ที่หลับนอนและอาหารกับข้าทุกมื้อ” แม้จะกินไม่อิ่มท้องก็ตาม “เลี่ยงรุ่ย ท่านมีทางเลือกอื่นมากมาย เหตุใดต้องทนด้วยเล่า” หากนางโดนกระทำเพียงนี้ไม่รู้ว่าจะทนได้เท่าเขาหรือไม่ “ข้าโดนเช่นนี้มาตั้งแต่เล็กแล้ว จะมาบอกว่าตอนนี้ทนไม่ได้ก็คงจะน่าขันไม่น้อย” แววตาของเขาเศร้าลง เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนต้องทนโดนโขกสับเยี่ยงทาสมานานนับสิบเก้าปี “ท่านเคยคิดจะแยกบ้านหรือไม่” นางยื่นหน้าเข้าไปถาม “เคย แต่จะแยกไปที่ใดเล่า ท่านย่าคงไม่ยอมแน่” เพราะเขาเป็นแรงงานของบ้านจะให้แยกตัวไปคงไม่มีใครยอม “เอาเถิด เรื่องนี้ค่อยว่ากัน หากเจ้าจะออกไปข้าก็ไม่ห้าม แต่เลี่ยงรุ่ย ข้าไม่เหมือนท่าน ข้าทนการถูกรังแกไม่ได้ หากต่อไปต้องโดนมากกว่านี้ ข้าคงต้องขอแยกทางกับท่าน” นางเอ่ยออกมาตรงๆ ถ้าจะให้ทั้งชีวิตนางมาทิ้งอยู่ในสภาพเช่นนี้นางก็ไม่เอาเช่นกัน ต่อให้ได้สามีที่ดีเช่นเขานางก็ไม่ต้องการ ต่อไปหากนางคิดจะสร้างตัว ไม่ใช่ว่าต้องยกเงินที่หามาได้ให้ท่านย่าของเขาเสียหมดเลยรึ จางเลี่ยงรุ่ยเข้าใจความหมายที่นางสื่อออกมา เขาได้แต่เม้มปากแน่นและมองนางอย่างเข้าใจ ความเป็นอยู่ของนางและเขาคงแตกต่างกันอย่างมาก นางคงไม่อยากเสียเวลาทั้งชีวิตอยู่กับเขาที่ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดเลย ทั้งสองออกจากมิติก็ได้ยินเสียงนางฮั่วซื่อด่าทอจางเลี่ยงรุ่ยและนางอยู่ ที่ไม่ยอมออกมาจากห้อง เพื่อทำอาหารและหาอาหารให้สัตว์เลี้ยงในเรือน “เหอะ หากไม่ทำงานก็ไม่ต้องกินข้าว” นางฮั่วซื่อตะโกนด่าทอหลินเยว่ต่ออีกหลายประโยค นางก็ไม่คิดที่จะออกไปจริงๆ ต่างจากเลี่ยงรุ่ยที่ตอนนี้เขาเดินออกไปจัดการเรื่องอาหารของสัตว์เลี้ยงในเรือน แต่เมื่อทำทีจะขึ้นไปกินอาหารเช่นทุกวัน เพื่อไม่ให้ผู้อื่นสงสัยว่าตัวเขากินแล้ว ก็ต้องถูกไล่ออกมา “ยังมีหน้ามากินอาหารอีกรึ เมียเจ้ามิคิดจะช่วยเหลืองานในเรือน ก็ไม่ต้องกินอันใดทั้งนั้น” นางฮั่วซื่อเอ่ยไล่เขา เลี่ยงรุ่ยจำต้องเดินกลับเข้าห้องไปแทน แต่เมื่อเข้ามาด้านในก็พบว่าหลินเยว่นางไม่อยู่ภายในห้องเสียแล้ว เขาจึงได้แต่นั่งครุ่นคิดไม่ตกเรื่องที่นางเอ่ยจะแยกทางกับเขา ตอนนี้หลินเยว่นางนอนแช่น้ำอย่างสบายใจอยู่ในบ้านในมิติของนาง ก่อนที่จะออกไปด้านนอก เพราะกลัวว่าหายไปนานคนอื่นจะสงสัยเอาได้ จางเลี่ยงรุ่ยหันไปมองหลินเยว่ที่โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ แต่เขาก็บอกไม่ถูกว่ากลิ่นดอกอันใด ออกมาจากกลิ่นของนาง นางคงเขาไปอาบน้ำมาอย่างแน่นอน “โดนต่อว่ามายังงั้นรึ” นางอดจะหยอกล้อเขาไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยของเขา “อืม อาเยว่ ให้เวลาข้าหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะหาหนทางเพื่อแยกเรือนออกไป” เขาเดินเข้ามาหานาง “ข้ารอได้ เพียงแค่ท่านมีความคิดเช่นนี้ ข้าก็ดีใจแล้ว” นางยิ้มให้เขา อย่างน้อยเลี่ยงรุ่ยก็คิดได้เสียทีว่าการอยู่เช่นนี้รังแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปมากกว่าเดิม ถึงอย่างไรนางที่ไม่อาจทนการโดนรังแกได้ ก็คงต้องมีปากเสียงกับท่านย่าของเขาทุกวัน อย่าว่าแต่เขาเบื่อเลยนางก็คงเบื่อไม่น้อย เสียสุขภาพจิตหมด “ต่อไปท่านอยากทำอันใด” นางนั่งลงข้างเขาแล้วเอ่ยถามออกมา “ไม่รู้ ข้าอ่านเขียนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เรื่องนี้เขาก็ไม่รู้เช่นกัน หากจะเลี้ยงดูนางต่อไปคงได้ขึ้นเขาล่าสัตว์เช่นเดิม หรือไม่คงต้องไปใช้แรงงานในเมือง “ท่านอยากเรียนหรือไม่” เมื่อเห็นดวงตาของเลี่ยงรุ่ยวูบไหว นางก็พอจะรู้ว่าเขาก็อยากจะหาความรู้อยู่ไม่น้อย “หากท่านอยากเรียนข้าจะสนับสนุนท่าน เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ข้ามีทางออกสำหรับเรื่องนี้ เพียงแต่คงยังไม่ใช่ตอนนี้ หากหาเงินมาได้ คงต้องให้ท่านย่าของท่านเสียหมด และนางก็คงไม่ให้ท่านร่ำเรียน” เลี่ยงรุ่ยเห็นด้วยกับที่หลินเยว่นางพูด นางเพียงเข้ามาอยู่ในเรือนของเขาได้สองวัน นางก็สามารถมองเห็นเรื่องต่างๆ ได้อย่างถ่องแท้ “ไว้เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกที” เขาเอ่ยขึ้น ทั้งสองออกจากห้องอีกครั้ง เพราะว่าจางเลี่ยงรุ่ยต้องไปขึ้นเขา เพื่อดูกับดักสัตว์ที่เขาวางไว้ หลินเยว่จึงคิดจะตามเขาไปเที่ยวเล่นบนเขา แต่แล้วนางก็ถูกขัดขวางไว้อีกเช่นเคย นางฮั่วซื่อและนางหงซื่อนำผ้ามาโยนที่หน้าห้องของหลินเยว่ เมื่อทั้งสองเปิดประตูออกไปพบก็ต้องตกตะลึงกับผ้ากองใหญ่ตรงหน้า “ไปซักผ้าที่แม่น้ำเสีย ทำตัวให้มีประโยชน์เช่นสะใภ้เรือนอื่นบ้าง มิใช่ทำตัวไร้ค่าไปวันๆ” นางฮั่วซื่อจีบปากจีบคอตำหนินาง “ให้ข้าซักเพียงผู้เดียวหรือเจ้าคะ” นางร้องถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “หรือเจ้าจะให้ข้าไปซักเล่า” นางฮั่วซื่อเท้าสะเอวร้องถามออกมา “ผ้าท่าน ท่านก็ต้องไปซักเองสิ หรือข้าพูดผิดไป” นางถามอย่างไม่เข้าใจ “สวรรค์ หลานสะใภ้ที่ข้าเสียเงินแต่งเข้ามาเพียงสองวันก็ไม่คิดจะทำงานแล้ว” นางฮั่วซื่อลงไปนั่งกับพื้นแล้วทุบขาของตนเองพร้อมกับร้องไปด้วย หลินเยว่กระโดดถอยหลังอย่างตกใจ นางจะเคยพบเจอเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร “ท่านแม่ หากชาวบ้านรู้เข้าว่าหลานสะใภ้ของท่านขี้เกียจเช่นนี้ พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเจ้าค่ะ” นางหงซื่อรีบเสริมขึ้นมาทันที นางเน้นย้ำคำว่าขี้เกียจให้หลินเยว่ฟังอีกด้วย “ข้าจะไปซักเอง ท่านย่าท่านลุกขึ้นเถิดขอรับ” จางเลี่ยงรุ่ยเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ เขามองการกระทำของท่านย่าอย่างเรียบเฉย ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางทำเช่นนี้หากไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา “ได้อย่างไร เจ้ามีงานอื่นต้องทำ เรื่องงานเรือนปล่อยให้เมียของเจ้าทำ” นางฮั่วซื่อรีบกระโดดลุกขึ้นมาชี้หน้าเลี่ยงรุ่ยทันที “เอาเถิด ข้าจะไปซักเอง” หลินเยว่นำผ้าทั้งหมดใส่ลงในตะกร้า แต่เมื่อนางจะลองแบกขึ้นหลังก็พบว่ามันหนักอยู่ไม่น้อย เลี่ยงรุ่ยจึงต้องเดินเข้ามาแบกไปให้นาง นางฮั่วซื่อและนางหงซื่อ เมื่อกลั่นแกล้งทั้งสองจนพอใจแล้ว ต่างก็เดินกลับเรือนไปอย่างสะใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD