Ep.2
Namkhing talk.
"รับผิดชอบอะไรของเธอ ประสาท!" ซิกซ์เซ้นส์พูดแล้วขมวดคิ้วจ้องหน้าฉันอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ฉันพูดออกไปว่าจะให้เขารับผิดชอบฉันกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นมันก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเหมือนกัน แถมยังหงุดหงิดมากๆ อีกต่างหาก
ฉันประสาทเหรอ !? การที่เราเสียสิ่งที่เรารักไปแล้วต้องการความรับผิดชอบนี่เรียกว่าประสาทเหรอ ?
"พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างพยายามระงับอารมณ์แล้วถามออกไปเสียงแข็ง
"ก็หมายความว่าฉันไม่จำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบอะไรเธอยังไงล่ะ เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ"
"!?" เดี๋ยวนะ...ฉันงง ตกลงคือยังไงกันแน่
"อ้อ!...แต่ถึงฉันจะทำอะไรเธอจริงๆ ฉันก็จะไม่รับผิดชอบเธอหรอกนะ เพราะเธอเป็นคนมาเสนอตัวให้ฉันถึงที่เอง"
"ไม่จริง นายโกหก!" ฉันไม่เชื่อที่เขาพูดหรอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรฉันจริงๆ เพราะถ้าเขาไม่ได้ทำ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกเจ็บที่บริเวณน้องสาวของตัวเองด้วยล่ะ ถึงฉันจะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันคืออะไร ตื่นมาในห้องของผู้ชายในสภาพที่เกือบจะโป๊ แถมยังเจ็บตรงจุดสำคัญนี่อีก ยังมีหน้ามาโกหกฉันอีกหรอว่าไม่ได้ทำอะไร เหอะ!
"ก็แล้วแต่เธอจะคิดละกัน เพราะยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่ดี" เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พร้อมกับขยับตัวออกจากที่คร่อมร่างฉันไว้ ลงไปยืนข้างๆ เตียงแล้วมองฉันด้วยสายตานิ่งๆ แบบไม่แคร์อะไร
"...ตกลงนายจะไม่รับผิดชอบฉันใช่มั้ย ?" ซึ่งฉันก็ถามเขาออกไปอีกครั้งด้วยเสียงนิ่งเรียบเช่นกัน แต่ข้างในนี่พยายามข่มอารมณ์ไว้ถึงขั้นสุด แต่ก็ต้องนิ่งเอาไว้ก่อน
"จะให้รับผิดชอบอะไรวะ ก็ในเมื่อฉันไม่ได้ทำ"
"...ไม่ได้ทำ ?" ฉันทวนคำพูดของเขาพลางมองสภาพของเขาตอนนี้ไปด้วยสายตาเหยียดๆ ปฏิเสธมาได้ทั้งๆ ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาตอนนี้ก็มีแค่บ็อกเซอร์เพียงแค่ตัวเดียว
"เออ ไม่ได้ทำ!"
"เหอะ! หมามันยังมีความรับผิดชอบมากกว่านายเลยด้วยซ้ำ!" ฉันหยิบหมอนที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาปาใส่หน้าเขาอย่างจงใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างข่มความโกรธ พูดจบฉันก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่วางอยู่โซฟากลางห้องแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ได้สนใจที่จะหันกลับไปมองเขาอีกเลย
หึ! แล้วอย่าคิดว่าคนอย่างน้ำขิงจะยอมจบเพียงแค่นี้นะ บอกเลยว่าไม่มีวัน! สิ่งที่ฉันเสียไปมันต้องมีคนมารับผิดชอบแน่นอน แต่วันนี้ที่ยอมถอยออกมาก่อน ก็เพราะว่าฉันยังไม่สามารถที่จะสู้กับเขาในสภาวะจิตใจตอนนี้ได้จริงๆ ตอนนี้ฉันเหนื่อยล้าเกินไป อาการแฮงก์บวกกับความเพลีย ทำให้ฉันไม่มีแรงสู้กับเขาในตอนนี้ อีกอย่างฉันขอกลับไปตั้งหลักก่อนว่าจะทำให้เขายอมรับผิดชอบฉันด้วยวิธีไหนดี... หึๆ นายเจอฉันแน่!
พออาบน้ำจัดการตัวเองเสร็จฉันก็รีบเดินลงมาข้างล่างเลยทันที ลงมาก็เจอพี่ต้นหอมกับแม่บ้านกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเช้าให้คนอื่นๆ ทานอยู่
"อ้าวน้ำขิง ตื่นเร็วจัง" พี่ต้นหอมที่เห็นฉันเดินเข้ามาในครัวก็เอ่ยทักฉันด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"เร็วอะไรกันคะ นี่มันสายมากแล้วนะคะ...มีอะไรให้น้ำขิงช่วยมั้ยคะพี่ต้นหอม" ฉันพูดพร้อมกับเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ เคาน์เตอร์ครัวเพื่อดูว่ามีอะไรที่ฉันพอจะทำได้บ้าง จริงๆ ฉันทำอาหารไม่เป็นหรอก แต่ในเมื่อมาอยู่กับคนหมู่มากแบบนี้ก็ต้องปรับตัวหน่อย อีกอย่างถ้าแค่ล้างผักล้างหมูคงไม่เป็นไรหรอก
"ไม่มีหรอกจ้ะ ตอนพี่ลงมาแม่บ้านก็ทำเสร็จหมดแล้ว" พี่ต้นหอมตอบพร้อมกับยิ้มให้ฉันอีกครั้ง
"ซะงั้น..."
"พี่ก็แค่จะยกออกไปรอทุกๆ คนที่โต๊ะอาหารแค่นั้นเอง"
"อ๋อ งั้นมาค่ะ เดี๋ยวน้ำขิงช่วยยก" พูดจบฉันก็จัดการยกอาหารและเครื่องปรุงต่างๆ ออกไปวางที่โต๊ะอาหารช่วยพี่ต้นหอม เพื่อรอให้ทุกคนลงมาทานกัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีคนลงมาเลยสักคน
"นี่เราไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนเหรอ ?" พี่ต้นหอมถามขึ้นในขณะที่เรากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่สองคน คงจะสังเกตเห็นล่ะมั้งคะว่าฉันใส่ชุดเดิมที่ใส่มาเมื่อวาน
"เอ่อ...ค่ะ" ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่สักหน่อย และไม่รู้ด้วยว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ เรื่องของเรื่องก็คือ...ฉันขับรถตามใบบัวมา
ใบบัวเป็นเพื่อนของฉันเอง ก็สนิทในระดับหนึ่งแหละ และฉันก็สงสัยว่าเพื่อนมีความลับอะไรกับฉันหรือเปล่า นอกจากใบบัวจะทำตัวลับๆ ล่อๆ แล้ว ก็ยังขึ้นรถมากับใครก็ไม่รู้ฉันก็เลยขับตามมา! (รายละเอียดติดตามได้ใน My Superstar Ep.20-29 นะคะ) แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าจะขับมาไกลถึงจังหวัดตราด! มันเลยเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น นั่นก็คือ...รถฉันน้ำมันหมด!
นั่นแหละค่ะ แล้วแค่นั้นยังไม่พอนะคะ นอกจากรถน้ำมันหมดแล้วมือถือก็ยังแบตหมดอีก! จะลงไปขอความช่วยเหลือจากใครเขาฉันก็ไม่กล้าเพราะกลัว ได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่ในรถ จนกระทั่งเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงก็ไม่รู้ ฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลยฉันก็ต้องนอนอยู่ในรถแบบนี้ทั้งคืนแน่ๆ
ฉันก็เลยตัดสินใจออกไปโบกรถ แต่ก็ไม่มีใครจอดเลยสักคัน! เขาก็คงกลัวเหมือนกันนั่นแหละค่ะ เพราะตอนนั้นมันก็เริ่มมืดแล้ว และพอไม่มีใครยอมจอดช่วยฉันเลย ก็มีความคิดบ้าๆ ผุดขึ้นมาในหัวของฉัน นั่นก็คือการออกไปยืนขวางหน้ารถ! ซึ่งมันก็ได้ผล แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะว่ารถคนที่ฉันไปยืนขวางแบบนั้นมันจะเป็นรถของ...ไอ้บ้าซิกซ์เซ้นส์!
พอฉันไปยืนขวางรถเขาไว้แบบนั้น เขาก็รีบเปิดประตูลงมาตะโกนด่าฉันอย่างหงุดหงิดเลยทันที เพราะฉันทำให้เขาต้องเบรกรถอย่างกะทันหันจนเกือบจะเสียหลักลงข้างทาง ฉันก็เห็นใจและรู้สึกขอโทษอยู่หรอกที่เกือบจะทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุแบบนั้น แต่พอได้ยินที่เขาด่าฉันแล้ว มันก็ทำให้ฉันปรี๊ดแตกแทน
แล้วฉันกับเขาก็เถียงกันไปอย่างไม่มีใครยอมใครไปยกใหญ่ๆ ฉันก็เถียงเขาแบบเอาเป็นเอาตาย เถียงและด่าเขากลับไปจนลืมว่าตัวเองต้องขอความช่วยเหลือจากเขา
'เสียเวลาฉิบหาย' พอเราเถียงกันแบบไม่มีใครยอมใครและเขาก็คงเหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำกับฉันมั้งคะ เขาก็พูดออกมาแบบนั้นและเตรียมจะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง มันก็ทำให้ฉันเริ่มคิดได้ละว่าถ้าปล่อยเขาไปแบบนั้นฉันซวยแน่ๆ อีกอย่างตอนนี้ก็ดึกมากๆ แล้วด้วย
'ดะ...เดี๋ยว!!' และสิ่งที่ไวกว่าความคิดก็คือปากของฉันนี่แหละค่ะ เพราะก่อนที่เขาจะได้เปิดประตูรถ ฉันก็เรียกเขาเอาไว้ก่อน
'อะไร !?' เขาหันกลับมาถามและมองฉันตาเขียว บ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่าตอนนี้เขาหงุดหงิดมากแค่ไหน
'ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ!' ฉันเชิดหน้าขึ้นและพูดออกไป และยังคงความเย่อหยิ่งเอาไว้ รู้ว่าในสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมใครของฉันไง ก็เลยทำให้ฉันไม่สามารถพูดดีๆ กับอีตานี่ได้ แล้วยิ่งผ่านการทะเลาะกันมาแล้วด้วยนะ ไม่มีทาง! เขามองหน้าฉันและกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
'ไม่! เก่งจริงก็ไปหายืมคนนู้น!'
ปัง!
'นาย!! ไอ้!!...ไอ้บ้าเอ้ย!! ไอ้คนไร้น้ำใจ!!' และหลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เปิดประตูรถพร้อมกับสตาร์ทและขับออกไปเลยทันทีอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แค่ฉันที่ยังด่าตามท้ายเขาด้วยความโมโหแบบไม่หยุด ทั้งโกรธทั้งโมโห เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอคนที่ปากดีและต่อปากต่อคำฉันเก่งแบบนี้มาก่อน