เรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง

1350 Words
“ชัญญ่าเป็นอะไรหรือเปล่าถึงไม่อยากให้พี่เข้าไปไหว้พ่อกับแม่ในบ้าน แล้วบอกเขาหรือเปล่าว่าจะออกมากับพี่” “ชัญญ่าบอกแล้วค่ะ เอาไว้พี่ทินค่อยเข้าไปวันหลังนะคะ” “ใครทำอะไรให้ชัญญ่าหงุดหงิดหรือเปล่า” ชายหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้เพราะตั้งแต่คุยกับเธอมาหลายครั้งก็ไม่เห็นว่าหญิงสาวจะหงุดหงิดเหมือนกับวันนี้เลย “มีปัญหากับพี่สะใภ้นิดหน่อยค่ะเพราะเหตุนี้หรือเปล่าชัญญ่าถึงไม่อยากอยู่ในบ้าน” “ก็ประมาณนั้นค่ะ ชัญญ่ารู้สึกว่าบรรยากาศในบ้านไม่ค่อยน่าอยู่เลยค่ะ” มญชุ์ชัญญาทำหน้าเบื่อ “เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” ชายหนุ่มเห็นท่าทางของเธอแล้วก็พอจะเดาออกว่าปัญหาคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ “ได้ค่ะแต่พี่สัญญากับชัญญ่าก่อนนะว่าฟังแล้วพี่จะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง” “สัญญาเลยแต่ก่อนจะเล่าพี่ขอถามชัญญ่าก่อนว่ากลางวันนี้อยากจะกินอะไรหิวหรือยัง” “ยังไม่หิวเลยค่ะพี่ทินล่ะ” “พี่ก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่แล้วชัญญ่าอยากจะกินอะไรล่ะ เอาเป็นอาหารไทยไหม” “อยากกินอาหารทะเลค่ะ” “พี่มีให้เลือกสองทางนะทานอาหารทะเลร้านในเมืองหรือจะไปทานอาหารทะเลแล้วก็สัมผัสบรรยากาศริมทะเลไปด้วย” “อย่างหลังน่าสนใจมากค่ะ แต่วันนี้เรามีเวลานิดเดียว” “เอาไว้อาทิตย์หน้าเราไปเที่ยวทะเลกันดีไหมล่ะ” ทินภัทรเองก็อยากจะไปเที่ยวพักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักติดต่อกันมาตลอด “ชัญญ่ายังให้คำตอบพี่ทินตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ เอาไว้ใกล้ๆ ถึงวันเสาร์แล้วค่อยบอกได้ไหมคะ” “ถ้างั้นวันนี้เราหาร้านอาหารทะเลที่ขายใกล้ๆ ไปก่อนโอเคมั้ย” “ค่ะ” ชายหนุ่มพามญชุ์ชัญญาไปยังร้านอาหารทะเลที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศเหมือนกับอยู่ริมทะเลจริงๆ ด้านในติดแอร์เย็นสบายมีอาหารทะเลให้เลือกหลายชนิดหลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้วทินภัทรก็พาหญิงสาวมายังคาเฟ่เล็กๆ แห่งหนึ่งบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เมื่อสั่งกาแฟและเค้กจากทางร้านแล้วทั้งสองก็เริ่มคุยกัน “ไหนลองเล่าให้พี่ฟังสิว่า มีปัญหาอะไรกับพี่สะใภ้” มญชุ์ชัญญาเล่าปัญหาที่เธอกับพี่สะใภ้มักจะกระทบกระทั่งกันเสมอตั้งแต่เธอกลับมาอยู่ที่บ้านได้ประมาณสองเดือนมันทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมากๆ แต่ก็ไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้เลย เพราะมญชุ์ชัญญาไม่อยากมีปัญหากับพี่ชายทั้งสอง ครั้นจะเล่าเรื่องนี้ให้บิดามารดาหรือคุณปู่คุณย่าฟังก็กลัวว่าท่านจะไม่สบายใจที่เห็นว่าลูกหลานไม่รักใคร่กันอย่างที่แสดงออกต่อหน้าท่าน “ชัญญ่าคงอึดอัดมากใช่ไหม” “ใช่ค่ะ มันอึดอัดมากบอกใครก็ไม่ได้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวใหญ่ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างที่พี่สะใภ้สองคนพูด ชัญญ่าก็รู้ตัวว่าตัวเองทำงานไม่เท่าพี่ชายทั้งสองคนแต่ก็ได้ปันผลจากหุ้นเท่าๆ กัน แต่ชัญญ่าก็พยายามเต็มที่แล้วนะคะ ชัญญ่าเพิ่งเรียนจบและเข้ามาทำงานที่บริษัทได้ไม่นานก็ยังไม่เก่งเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้พวกเขาก็เลยคิดว่าชัญญ่าแค่ทำงานไปวันๆ เพราะยังไงก็ได้เงินเท่ากันอยู่แล้วจะต่างกันก็แค่เงินเดือนชัญญ่าไม่ชอบระบบการทำงานแบบนี้เลย” “ถ้าเบื่อที่จะทำงานที่บริษัทตัวเองชัญญ่าก็ลาออกแล้วมาทำงานกับพี่ที่บริษัทดีไหมล่ะ” “มันจะยิ่งแย่สิคะเพราะชัญญ่ามีหุ้นเท่ากับพี่ชาย ถ้าไปทำงานที่อื่นพวกเขาก็ต้องหาว่าชัญญ่าเอาเปรียบ” “เรื่องนี้มันก็พูดยากนะ แต่ถ้าเราแต่งงานกันแล้วชัญญ่าก็ลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากจะขอออกมาทำงานกับพี่ที่บริษัท อย่างน้อยก็ในระยะที่เรายังแต่งงานกันอยู่ ชัญญ่าก็รับแค่เงินปันผลจากหุ้นเหมือนผู้ถือหุ้นคนอื่นส่วนเงินเดือนก็มารับจากพี่ดีไหมล่ะ” “ชัญญ่าไม่อยากเอาเปรียบพี่ทินค่ะ เพราะชัญญ่าทำงานไม่เก่ง” “เรื่องการทำงานมันฝึกกันได้” “ก็จริงค่ะ แต่ลักษณะการทำงานของเรามันไม่เหมือนกันเลยนะบริษัทพี่ทินเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่าคอนโดค้าขายที่ดินสร้างบ้านจัดสรรส่วนบ้านของชัญญ่าทำเกี่ยวกับการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีและเพชรมันไปกันคนละทิศคนละทางเลยนะนะ” “นั่นสินะพี่ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย แล้วชัญญ่าว่าจะจัดการยังเรื่องนี้ยังไง” “บางทีชัญญ่าอาจจะไม่ไปทำงานที่บริษัทค่ะ แล้วจะมาช่วยคุณแม่ขายทองที่ร้านเพราะตอนนี้คุณแม่บอกว่าอยากได้พนักงานบัญชีเพิ่ม” “แต่ชัญญ่าไปเรียนบริหารมาไม่ใช่เหรอ” “ใช่ค่ะคนเราก็ไม่จำเป็นจะต้องทำงานตรงกับสาขาที่ตัวเองเรียนมานี่คะ ออกมาขายทองกับคุณแม่น่าจะสนุกและมีอิสระมากกว่านะคะ “ไม่ว่าชัญญ่าจะทำงานอะไรพี่ก็ขอให้ประสบความสำเร็จก็แล้วกันนะ แต่ถ้าหากเปลี่ยนใจอยากมาช่วยงานพี่ที่บริษัทก็ได้นะ” “ขอบคุณค่ะพี่ทิน” เมื่อได้คุยกับทินภัทรแล้วมญชุ์ชัญญาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นอันที่จริงแล้วมารดาของเธอก็ไม่อยากจะให้เธอเข้าไปทำงานในบริษัทท่านอยากให้ช่วยทำงานที่ร้านทองมากกว่าเพราะนอกจากจะต้องขายอยู่หน้าร้านแล้วยังมีการบริหารงานหลังร้านอีกซึ่งตอนนี้ มารดาของเธอรับผิดชอบทั้งงานบัญชีสต๊อกสินค้า เนื่องจากพนักงานคนเก่าลาออกไปเมื่อหลายเดือนก่อนและท่านยังไม่ได้รับใครเข้ามาทำงานเพราะงานตำแหน่งนี้ต้องหาคนที่ไว้ใจได้และซื่อสัตย์จริงๆ “สบายใจขึ้นบ้างแล้วใช่ไหม” ทินภัทรถถามเมื่อเห็นว่าหน้าตาของเธอไม่ได้เครียดเหมือนตอนที่เขาไปรับที่บ้าน “ค่ะ ชัญญ่าคุยกับพี่ทินแล้วสบายใจมากๆ เลยค่ะ” “ถ้าอย่างงั้นไปช้อปปิ้งกันต่อ” “ชัญญ่ายังไม่รู้จะซื้ออะไรเลยค่ะ พี่ทินล่ะอยากซื้ออะไรหรือเปล่า” “พี่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเราไปเดินดูก่อนไหมเผื่อมีอะไรน่าสนใจ” “ดีเหมือนกันค่ะ” ทินภัทรขับรถพาหญิงสาวมายังศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจจะซื้ออะไร “พี่ทินคะ เราไปดูโซนที่จัดแสดงสินค้าดีไหมชัญญ่าเห็นป้ายโฆษณาว่าเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์จากทางเหนือ” “น่าสนใจนะ” ทั้งสองลงมาอย่างลานจัดโปรโมชั่นของศูนย์การค้าขนาดใหญ่ซึ่งตอนนี้มีทั้งสินค้าประเภทอาหารสด อาหารสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ผ้าไหมรวมถึงเครื่องจักสานและร้านค้าต่างๆ กระจายจนเต็มพื้นที่ไปหมด “พี่ทินว่าผ้าพันคอผืนนี้สวยไหม” มญชุ์ชัญญาหยิบผ้าพันคอสีกลีบบัวที่ทำจากผ้าไหมผืนหนึ่งให้กับชายหนุ่มดู “สวยนะ แต่พี่ว่าไม่เหมาะกับชัญญ่าเลยมันดูสูงอายุไปพี่ว่าเลือกแบบอื่นดีไหม” ชายหนุ่มออกความคิดเห็นไปตามความจริง “ก็ชัญญ่าไม่อยากซื้อให้ตัวเองนี่คะ ชัญญ่าแบบนี้คุณย่าเราสองคนน่าจะชอบ เราซื้อไปฝากท่านดีไหมซื้อให้ย่าของพี่ทินผืนหนึ่งและซื้อให้ย่าของชัญญ่าอีกผืนหนึ่ง” “ได้สิแล้วจะเอาสีเดียวกันหรือเปล่า” “ไม่ค่ะสีชมพูเอาให้ย่าของพี่ทินค่ะ ส่วนของย่าประไพเอาสีเขียวค่ะ” “ซื้อให้แต่คุณย่าแล้วคุณปู่ล่ะ” “เราจะซื้ออะไรให้คุณปู่ดีล่ะคะ” “พี่ว่าเดินดูให้ทั่วดีไหมเผื่อจะนึกออก” “ได้ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD