“ยังมีอีกข้อค่ะ คือหลังแต่งงาน ชัญญ่าอยากให้เราบอกผู้ใหญ่ว่าเราสองคนอยากย้ายไปอยู่ที่คอนโดกันสองคนเพราะอยากทำความรู้จักกันและใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น พี่ทินก็อยู่คอนโดของพี่ทิน ส่วนชัญญ่าก็จะขออยู่คอนที่ชัญญ่ากำลังจะซื้อค่ะ พี่ทินช่วยชัญญ่าหาคอนโดด้วยนะคะ”
“แต่พี่ไม่อยากให้คุณย่าอยู่คนเดียว” ถึงแม้ข้อเสนอของมญชุ์ชัญญาจะน่าสนใจแต่เขาก็ยังห่วงคุณย่าและไม่อยากให้ท่านอยู่บ้านคนเดียว
“เรามาหาคุณย่าได้ทุกวัน แต่พอถึงเวลานอนเราก็กลับไปค้างที่คอนโดเพราะถ้านอนที่บ้านคุณย่าก็ต้องรู้แน่ๆ ว่าเราสองคนแต่งงานกันแค่ในนาม”
“ทำไมชัญญ่าถึงยื่นข้อเสนอนี้ล่ะ พี่ว่าธัญญ่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบนะ”
“ชัญญ่าไม่ได้เสียเปรียบอะไรเลยค่ะ หนึ่งปีที่เราตกลงแต่งงานกันจะเป็นหนึ่งปีที่ชัญญ่ามีอิสระจากที่บ้านมากๆ พี่ทินก็รู้นี่คะว่าที่บ้านของชัญญ่าคนเยอะมากแค่ไหน ชัญญ่าอยากย้ายออกมาอยู่ตามลำพังค่ะ” หญิงสาวรีบอธิบายเพราะเธอรู้สึกอึดอัดมากที่ต้องอยู่กับครอบครัวที่มันใหญ่กว่าเดิมมาก
“แต่ถ้าหย่าแล้วคนอื่นเขาจะมองว่าชัญญ่าเป็นผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว”
“ชัญญ่ายังไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างแต่ เรารู้ว่าเราสองคนแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น”
“พี่ไม่รับปากหรอกนะว่าจะแต่งงานกับชัญญ่าแค่ในนามหรือเปล่า”
“พี่คงไม่คิดอะไรกับชัญญ่าหรอกใช่ไหม”
“ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว ในเมื่อแต่งงานแล้วทำไมเราไม่ลองใช้ชีวิตด้วยกันล่ะชัญญ่าถ้าครบหนึ่งปีเราก็แยกย้ายหรือถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็ไม่ต้องหย่า”
“แล้วถ้าเกิดระหว่างนั้นพี่ทินดหลงรักชัญญ่าขึ้นมาล่ะ”
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงก็ดีไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ดีหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะหรือชัญญ่ามีคนรักอยู่แล้ว”
“เปล่าค่ะ ชัญญ่าคิดว่าการจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันต้องเกิดจากความรักไม่ใช่เกิดจากความจำเป็นแบบนี้”
“ชัญญ่าไม่คิดว่าระหว่างเราจะไม่เกิดความรักหรือความรู้สึกดีๆ ขึ้นเลยเหรอ”
“ชัญญ่าไม่รู้หรอกค่ะมันเป็นเรื่องของอนาคตเอาเป็นว่าตอนนี้เราตกลงแต่งงานกันก่อนทำตัวสนิทสนมกันเข้าไว้ดีไหม”
“พี่ว่าชัญญ่าเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าคนหนึ่งเลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่กล้าตอบตกลงแต่งงานหรือบางคนก็อาจจะปฏิเสธการแต่งงานและเอาสมบัติของคุณปู่สุทัศน์ไปทั้งหมด”
“ชัญญ่าไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวแบบนั้นหรอกค่ะ ชัญญ่ารู้แล้วว่าคุณปู่ของพี่มีบุญคุณกับปู่อำนาจมากแค่ไหน ชัญญ่าอยากแต่งงานเพื่อให้ปู่อำนาจสบายใจและคุณปู่ท่านอยากทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณปู่สุทัศน์ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลยที่จะทำเพื่อคุณปู่พี่ทินเองคุณเองก็อยากจะทำเพื่อคุณปู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“พี่ก็อยากทำแบบนั้นเพราะปู่ของชัญญ่าก็มีบุญคุณกับปู่ของพี่และครอบครัวกับของพี่มาก การแต่งงานของเราก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ ส่วนเราจะใช้ชีวิตด้วยกันได้หรือเปล่ามันก็เป็นเรื่องของอนาคตตกลงตามนี้ไหมล่ะ”
“ตกลงค่ะ”
“ช่วงนี้เราอาจจะต้องเจอกันบ่อยและทำตัวสนิทสนมกันมากขึ้น พี่อาจต้องไปเจอชัญญ่าบ่อยขึ้น อาจต้องพาออกไปเที่ยวหรือไปทานข้าวและบางวันก็ต้องพามาเจอกับคุณย่าที่บ้านพี่”
“ไม่มีปัญหาเลยค่ะ เพราะชัญญ่าก็ไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยเท่าไหร่”
เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสองคนก็เดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้ง
“ชัญญ่าหายนานเลย ไปตกลงกันหรือไปทะเลาะกันล่ะลูก” คุณวิทยาถามลูกสาวเพราะปกติแล้วมญชุ์ชัญญาจะเป็นคนไม่ค่อยยอมคนเท่าไหร่เขากลัวว่าจะทะเลาะกันมากกว่าคุยกันดีๆ
“เราตกลงกันได้แล้วค่ะคุณพ่อ”
“จริงเหรอทิน” คุณวิทยาถามทินภัทรเพื่อความแน่ใจ
“ครับคุณอาเราสองคนตกลงกันแล้ว เรื่องแต่งงานก็จัดการได้เลยครับ”
“ถ้าตกลงจะแต่งงานกันแล้วทินก็อย่าเรียกอาอีกเลย เรียกพ่อกับแม่รอไว้ก่อนเลยพอแต่งงานแล้วจะได้ชิน”
“ครับคุณพ่อ”
“เรื่องฤกษ์แต่งงานถ้าฉันหาได้แล้วจะให้ชัญญ่ามาบอกคุณอรุณีนะคะ”
“ได้ค่ะ ย่าขอบใจหนูชัญญ่ามากนะลูกที่ยอมแต่งงานกับหลานชายของย่าทั้งที่หนูไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากการแต่งงานครั้งนี้”
“ใครว่าล่ะคะ หนูแต่งงานกับพี่ทินหนูก็ได้ประโยชน์เหมือนกันนะคะ”
“ประโยชน์อะไรล่ะ” คุณย่าอรุณีถามว่าที่หลานสะใภ้
“หนูได้ตอบแทนบุญคุณของปู่สุทัศน์ที่มีกับคุณปู่อำนาจแล้วก็ยังทำให้คุณปู่ของหนูไม่ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับคุณปู่สุทัศน์ด้วยนะคะ”
“หนูเป็นเด็กกตัญญูมากเลยนะชัญญ่า” คุณอรุณีมองอย่างชื่นชม
“ปู่ขอบใจมากนะชัญญ่าที่ทำให้ปู่ไม่ผิดคำพูด”
“ก็หนูรักปู่ไม่อยากให้ปู่เครียดนี่คะ”
“หลานของปู่คนนี้ช่างพูดจริง” คุณอำนาจมองหลานสาวด้วยแววตารักใคร่
หลานคนนี้จากไปเรียนต่างประเทศนานหลายปีและไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันแต่เขาก็รักหลานสาวมากกว่าหลานทุกคนและดีใจมากที่หลานสาวของตนกับหลานสาวของเพื่อนรักจะแต่งงานกันตามที่เขากับเพื่อนได้คุยกันไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเสียชีวิตไปเมื่อหนึ่งปีก่อน
“ฉันขอบคุณครอบครัวคุณมากนะคะคุณอำนาจ ที่ยอมให้หลานสาวแต่งงานกับหลานชายของเขา”
“ผมหวังว่าหลายชายของคุณกับหลานสาวของผมจะมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข”
“ฉันเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกันค่ะคุณอำนาจ”
“วันนี้พวกเรามารบกวนคุณอรุณีนานแล้วพวกเราคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับแล้วจะให้วารีติดต่อมาเรื่องฤกษ์แต่งงาน”
“แต่เรายังไม่ได้คุยเรื่องสินสอดเลยนะคะ”
“ผมไม่คิดเรื่องนั้นเลย ผมแค่อยากทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับสุทัศน์และให้ทั้งสองครอบครัวได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“แต่ฉันจะให้หนูชัญญ่าน้อยหน้าใครไม่ได้หรอกนะคะ เรื่องสินสอดฉันจะจัดการให้เหมาะสมที่สุด ฉันไม่อยากให้ใครมานินทาทีหลังว่างานแต่งของสองตระกูลที่ร่ำรวยไม่มีสินสอดทองหมั้น” คุณอรุณีไม่มีทางยอมเด็ดขาดและเธอก็เตรียมสินสอดทองหมั้นไว้เรียบร้อยตามคำสั่งของสามีตั้งแต่ทานยังไม่เสียชีวิต
“ถ้าคุณอรุณีสบายใจที่จะทำแบบนั้นทางเราก็ไม่ว่าอะไร แต่งเสร็จก็คงจะคืนให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว” ปู่อำนาจเข้าใจคุณอรุณีดีเพราะเรื่องนี้เขาเองก็เคยคุยกับปู่สุทัศน์ไว้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นวันที่พวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะคุณอรุณีจะได้พักผ่อน” คุณย่าประไพเอ่ยขอตัวเพราะคุณปู่อำนาจเองก็ต้องกลับไปทานยาและเข้านอนแต่หัวค่ำ
“คุณย่ารออยู่ตรงนี้ก็ได้ครับเดียวผมเดินออกไปส่งทุกคนเอง”
เมื่อบอกลากันครบทุกคนแล้วทินภัทรก็เดินมาส่งทุกคนขึ้นรถและบอกกับมญชุ์ชัญญาว่าคืนนี้เขาจะโทรไปคุยด้วย เมื่อปู่อำนาจเห็นว่าทั้งสองคุยกันด้วยดีก็ยิ้มอย่างสบายใจ