พูดตรงหรือเจ้าชู้ไม่เลือก

1440 Words
“ถ้าผมพูดความจริงคุณจะเชื่อไหมล่ะ” “ถ้ามันคือความจริงจะต้องกังวลทำไมว่าฉันจะไม่เชื่อล่ะคะ” “ผมเป็นเพื่อนของลูกชายเตียง 18 คุณก็น่าจะรู้ว่าลูกชายของคุณลุงไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง” “ค่ะเขาส่งตัวแทนมาถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทนาย มันเกี่ยวกับเรื่องที่คุณรู้จักฉันตรงไหนคะ” “เขาส่งรูปให้ผมดู ในรูปถ่ายมีคุณอยู่ในนั้นด้วย” “พอคุณเจอที่ผับคุณก็เลยจำได้เหรอคะ ฉันว่าคุณไม่น่าจะจำได้นะเพราะวันนั้นฉันแต่งหน้าเข้มมาก” “เวลาที่เรารู้สึกชอบใครสักคนไม่ว่าเขาจะแต่งตัวหรือแต่งหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมากแค่ไหนแต่เราก็จะจำเขาได้” “คุณคงไม่ชอบฉันตั้งแต่เห็นในรูปหรอกนะคะ” “เห็นไหมล่ะ พอผมบอกความจริงไปคุณก็ไม่เชื่อ” “ใครจะเชื่อกันล่ะคะ ไปหลอกเด็กเถอะค่ะ” “ผมพูดจริงนะ ถึงคืนนั้นผมจะไม่เจอคุณที่ผับผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะมาหาคุณที่โรงพยาบาล แต่โชคดีที่เราเจอกันก่อน” “คุณจะมาหาทำไมคะ” “ก็ผมบอกไปแล้วไงว่าชอบคุณ” เขาบอกเธอเป็นครั้งที่สองซึ่งคนฟังไม่ได้เขินอายอย่างที่คิดแต่กลับมองเขาด้วยสีหน้าที่อ่านยากจนพีรกันต์กลัวว่าหญิงสาวจะโกรธ “ฉันเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าคุณเป็นคนพูดตรงหรือเป็นคนเจ้าชู้กันแน่” “ถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนพูดตรงคุณก็คงไม่เชื่อง่ายๆ ใช่ไหมครับเนย” “ค่ะ” “แต่ผมมีทางพิสูจน์เรื่องนี้ได้นะ” พีรกันต์คิดว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากหน้าตาจะสวยถูกใจแล้วยังฉลาดทันคน “ยังไงคะ” “เราลองคบกันไหมล่ะ คุณจะได้รู้ว่าผมพูดจริงหรือพูดเล่น” รัญรวีเงียบเพราะไม่คิดมาก่อนว่าผู้ชายที่ตนเองเจอสามครั้งในสองวันจะพูดกับตนแบบนี้ แล้วสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังมากจนเธอไม่กล้าถามว่าเขาล้อเล่นหรือเปล่า “หมายถึงคบกับเป็นเพื่อนใช่ไหมคะ” “ผมว่าคุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร แต่ผมก็ไม่อยากจะเร่งรัดจนคุณรู้สึกอึดอัด” “หรือคุณไม่อยากจะเป็นเพื่อนฉันล่ะคะคุณกันต์” รัญรวีก็อยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะมีลูกเล่นอะไรอีกไหม “อยากสิ อย่างน้อยระหว่างผมกับคุณก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกันอีกแล้ว เราก็คงได้เจอกันบ่อยขึ้น” “บ่อยขึ้นเหรอคะ” “ใช่สิเพื่อนกันก็ต้องเจอกันบ่อยๆ” “คุณกันต์คงหมายถึงเวลาที่มาเยี่ยมคุณลุงเตียง 18 ใช่ไหมคะ” “นั่นก็ใช่ แต่นอกเวลางานผมก็อยากเจอคุณบ้าง อย่างเช่นวันหยุดเสาร์อาทิตย์” “พยาบาลไม่ได้หยุดทุกเสาร์อาทิตย์หรอกนะคะ เราจะเปลี่ยนกันหยุด” พีรกันต์พยักหน้าเข้าใจเพราะเขาคลุกคลีอยู่ในโรงพยาบาลมานาน “แล้วเนยหยุดวันไหนบ้าง บางทีถ้าเราหยุดตรงกันจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน” “ดูเหมือนคุณจะว่างานนะคะ ฉันถามได้ไหมว่าทำงานอะไร” “ลองเดาสิครับ” “ฉันเดาไม่ออกหรอกค่ะ อาชีพบนโลกนี้มีเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าจะให้เดาจริงๆ ก็คงจะเป็นงานที่เป็นเจ้านายตัวเอง ทำกิจการของที่บ้าน ฟรีแลนซ์หรือไม่ก็กำลังตกงาน” “คุณเก่งนะเดาถูกด้วย” “ถูกข้อไหนล่ะคะฉันเดาไปตั้งหลายข้อ” “ผมทำกิจการของที่บ้านครับ” “ค่ะ” เธอไม่ถามต่อเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา “คุณเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากบอกว่าหยุดอีกทีวันไหนใช่ไหมล่ะ” “ฉันหยุดพรุ่งนี้กับมะรืนค่ะ” เพราะเขารู้ทันหญิงสาวจึงบอกไปตามความจริง “อยากไปเที่ยวไหนไหมครับ” “ไม่ค่ะ” “ไม่กล้าไปไหนมาไหนกับผมสองคนเหรอ” “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แค่หลายวันมานี้ฉันขึ้นเวรติดๆ กันหลายวันพอมีวันหยุดก็อยากจะนอนให้เต็มที่” รัญรวีปฏิเสธเพราะกลัวว่าถ้าได้เจอกันบ่อยๆ ตนเองจะแพ้ลูกตื๊อของเขา “แต่คนเราก็ต้องกินข้าว ถ้าไม่อยากไปไหนไกลเรามากินข้าวร้านนี้ด้วยกันอีกก็ได้นะ พรุ่งนี้ผมเลี้ยงเอง” “ฉันไม่รับปากนะคะ ถ้าคุณมาเยี่ยมคุณลุงเตียง 18 เสร็จก็ลองโทรถามดูนะคะถ้าตอนนั้นฉันยังไม่กินข้าวเราก็อาจได้เจอกันค่ะ แต่วันนี้ขอตัวก่อนนะคะ” “คุณพักที่ไหน ใช่หอพักในโรงพยาบาลหรือเปล่า” “ค่ะ” “ผมเดินไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ แถวนี้ฉันเดินมาหลายปีแล้ว” “แต่ผมต้องกลับไปเอารถโรงพยาบาลอยู่แล้วนะ” พีรกันต์เดินคู่มากับรัญรวีจนมาถึงลานจอดรถซึ่งตอนนี้เหลือรถเพียงไม่กี่คันเท่านั้น “ไม่เปลี่ยนใจแน่นะครับเนย” “เปลี่ยนใจเรื่องอะไรคะ” “ก็เรื่องคบกันกับเรื่องไปเที่ยวพรุ่งนี้” “ไม่ค่ะ เราเพิ่งรู้จักกันและเพิ่งเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเองนะคุณกันต์” “ผมก็ว่านานพอสมควรแล้วนะ” “ค่ะนานมากเลยค่ะ ขอตัวนะคะ” “เปลี่ยนใจก็โทรหาผมได้ตลอดนะ ผมแอดไลน์จากเบอร์โทรไปแล้วอย่าลืมรับแอดผมด้วยล่ะเนย” รัญรวีหันมายิ้มก่อนจะเดินไปยังหอพักซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงพยาบาล หญิงสาวเดินเข้าออกบริเวณนี้มาสี่ปีกว่าแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปอาจเป็นเพราะวันนี้มีคนเดินคุยด้วยตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลจนมาถึงลานจอดรถ ซึ่งเดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงหอพัก เธออยากเล่าเรื่องที่ได้เจอกับพีรกันต์และไปทานข้าวด้วยกันให้กับเพื่อนสนิทอย่างจริญญาฟังแต่ดูนาฬิกาแล้วก็เปลี่ยนใจเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่บนวอร์ดน่าจะกำลังยุ่งกันอยู่ จึงได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงกว้าง ความรู้สึกที่มีให้กับชายแปลกหน้าซึ่งบังเอิญเจอในผับมันเป็นอะไรที่อธิบายยาก การเจอกันในสถานที่อโครจรยามค่ำคืนแบบนั้นทำให้รัญรวีมอบสถานะให้เขาได้แค่เพื่อนถึงแม้ชายหนุ่มจะมีหน้าตาและรูปร่างตรงสเปกมากแค่ไหนก็ตาม เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้หญิงสาวออกจากภวังค์ความคิด “ไม่ยุ่งเหรอจ๊ะถึงมีเวลาโทรหาเพื่อน” “ยุ่งสิเนย แต่จุ๋มเคลียร์งานหมดแล้ว” “มีเรื่องอะไรจะเม้าท์ใช่ไหมล่ะถึงโทรมาหาในเวลางานแบบนี้” “แน่นอนสิเรื่องสำคัญด้วยนะ” “ชักอยากจะรู้แล้วว่าเรื่องอะไรรับเล่ามาเลย” “คนที่เล่าคือเนยไม่ใช่จุ๋ม” “เนยเหรอ” “บอกมาเลยว่าเย็นนี้กินข้าวร้านป้าแอ๋วกับใคร” “จุ๋มรู้ได้ยังไง” “น้องผู้ช่วยที่วอร์ดเห็นน่ะ ใช่คนที่มาหาตอนกลางวันใช่ไหม” “ก็เขานั่นแหละ เขาได้เบอร์โทรศัพท์มาจากยุก็เลยโทรมาทวงเรื่องที่เนยต้องเลี้ยงข้าว” “เลี้ยงข้าวร้านป้าแอ๋วเนี่ยนะเขาไม่บนแย่เหรอ” “ก็มันใกล้และสะดวกดีไง เขาจะแอบบ่นทีหลังหรือเปล่าเนยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะบ่นยังไงเนยก็ไม่ได้ยิน” “กินข้าวแล้วคุยอะไรกันบ้าง บอกหน่อยสิจุ๋มอยากรู้” “ก็คุยหลายเรื่องถ้าอยากรู้พรุ่งนี้ลงเวรแล้วแวะมาที่ห้องสิ” “ต้องรอถึงพรุ่งนี้เลยเหรอแล้วคืนนี้จุ๋มจะนอนหลับไหม” “เรื่องมันยาวถ้าเล่าตอนนี้ก็เล่าได้นิดเดียวแต่ถ้ามาหาที่ห้องจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยตกลงไหม” “เนยก็รู้ว่าจุ๋มอยากรู้แต่ยังแกล้ง” “แกล้งที่ไหนล่ะ เรื่องมันยาวจริงๆ” “เนยจ๋าอย่าใจร้าย ตอนนี้ต่อมเผือกของจู๋มกำลังหลังสารอยากรู้ออกมาเยอะเลยนะ” “ถ้าจุ๋มลงเวรบ่ายมาแล้วไฟห้องเนยยังไม่ปิดจุ๋มก็เคาะเรียกได้เลยแล้วเนยจะเล่าให้ฟัง” “แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย แต่อย่าปิดไฟหนีกันไปเสียล่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD