ตอนที่ 3 ถอดให้หมด

1626 Words
ตอนที่ 3 ถอดให้หมด เขาพาเธอมาห้องของเขา ไม่ว่าจะเป็นตรงไหนทุกอย่างก็ดูเรียนหรูไปหมดทุกอย่างจนมิรินไม่กล้าเดิน เธอยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง สมองสับสนวุ่นวายกับตัวเอง เขารวยมาก รวยชนิดที่ว่าเธอคาดไม่ถึง ไม่นึกว่ารุ่นพี่นักศึกษาคนหนึ่งจะมีรถ มีห้องแบบนี้เป็นของตัวเอง เพราะความตกอับกับมองไม่เห็นอนาคต ทำให้ความคิดชั่ววูบหนึ่งมันบอกกับเธอว่า ถ้าหากจะยอมเขาทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดมันจะดีไหม เธอจะได้มีข้าวกิน มีที่หลับที่นอน หรือบางทีเธออาจจะได้เรียนต่อ เพียงแค่ทำให้เขาพอใจ มิรินสะบัดหน้าไปกับความคิดของตัวเอง จนใครบางคนมองมา “ยืนโง่อะไรอยู่ตรงนั้น” มิรินเดินเข้ามากลางห้อง ที่นี่มีห้องนอนแยกออกไปอีกห้องหนึ่ง มีห้องครัวขนาดพอดีแยกออกไป มีโซฟาตัวใหญ่และเครื่องใช้ครบทุกอย่างราวกับอยู่บ้านหลังหนึ่ง “หนูหิวข้าว พี่พอจะมีบะหมี่ไหม” เธอยกมือลูบท้องตัวเอง ตั้งใจว่าเย็นนี้เธอจะไม่ทานข้าวเพราะจะเก็บเงินที่เหลืออยู่ไม่กี่ร้อยนี้ไว้ซื้อข้าวเช้ากิน แต่ตอนนี้ท้องมันร้องจนทนแทบไม่ไหว แถมยังอยู่สึกแสบท้องเหลือเกิน ใต้หล้าหันมองคนที่มาขอพึ่งพาเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว เหมือนตัวเองกำลังถูกกวนประสาท “ไม่มี” เขาตอบเสียงเรียบ หยิบเอาเครื่องดื่มในแก้วที่เพิ่งเทขึ้นมาดื่ม แล้วส่งข้อความด่าไต้ฝุ่นอย่างนึกโมโหที่มันทิ้งภาระไว้ให้แบบนี้ ก่อนจะเอ่ยออกไปอีกครั้ง “ดูตู้เย็นเอาเอง” “ค่ะ” มิรินรีบวงกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองไว้บนพื้นก่อนจะเดินไปในครัวของเขาด้วยความรู้สึกหิวแทบขาดใจเพราะเธอไม่ได้ทานข้าวมาตั้งแต่เที่ยงวัน ตอนนี้ก็ตีหนึ่งเข้าไปแล้ว เธอมองหาของที่พอจะทานรองท้อง แต่กลับไม่มีอะไรเลย มีแค่เครื่องดื่มมึนเมากับน้ำเปล่า ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องนี้ใช้ชีวิตแบบไหนกันแก่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นขนมปังชิ้นหนึ่งที่อยู่บนตู้เย็น เธอหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะเดินไปถามเขาเพราะกลัวว่าเขาจะเก็บไว้ทานเอง “รินขอกินอันนี้ได้ไหม” เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างนึกรำคาญใจ ถามอยู่นั่น กูอยากจับโยนลงพื้น “มันหมดอายุจะแดกยังไง” “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอพลิกดูเมื่อเขาบอกแบบนั้นก่อนจะรีบแกะมันมาทานเพราะคิดว่าเขาคงต้องทิ้งมันแล้ว มิรินขยับไปนั่งลงกับพื้นข้างประตูห้องครัว พลันน้ำตาก็หยดแหมะลงบนแก้มสีระเรื่อ ถ้าแม่ของเธอยังอยู่คงโดนบ่นหนักที่เธอทำแบบนี้ แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้วคงไม่มีใครมาบ่น มันหมดอายุแค่วันเดียวเอง ราคงขึ้นมาไม่เยอะหรอก ดีกว่าหิวตายอยู่ตรงนี้ ใต้หล้าถึงกับขมวดคิ้วจนปวด เขาคาดไม่ถึงว่าจะมีคนโง่กล้ากินของหมดอายุแบบนั้น ร่างสูงหยัดตัวขึ้นยืน ก้าวเท้าเข้ามาดูคนที่นั่งกินขนมปังหมดอายุด้วยน้ำตา “ทำบ้าอะไรของเธอ” มิรินเงยหน้าขึ้นมองทั้งน้ำตา เธอรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกอย่าลวก ๆ ก่อนจะตอบเขาเบาๆ “คะ” “ก็บอกว่ามันหมดอายุแดกเข้าไปได้ไง” เขากอดอกพิงกับประตูมองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างนึกสมเพช ถ้านี่เป็นแผนการอะไรสักอย่างก็ถือว่าลงทุนมาก จนดูโง่ “มันหมดอายุเมื่อวาน คงไม่เป็นไร” เขาคว้าเอาของในมือที่เหลือแค่ครึ่งหนึ่งมาแล้วปาลงถังขยะใกล้ ๆ ก่อนตัวเขาจะเดินผ่านเธอไป เปิดตู้ใบหนึ่งที่อยู่ติดผนังสูงหยิบเอานมกล่องหนึ่งออกมาโยนลงบนตักเธอ “ขอบคุณค่ะ” เขาไม่ตอบอะไรเดินออกไปเงียบ ๆ มิรินได้แต่มองตามผู้ชายที่เธอมองว่าใจร้ายเหลือเกินแต่ตอนนี้เขากลับช่วยเธอ หรือที่จริงแล้วเขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แค่เขายอมให้เธอมาพักที่นี่ เขาก็คงนึกสงสารกันบ้างหรือไม่ก็คงไม่อยากให้เธอมาตายห้องเขา มิรินขอใช้ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว เจ้าของห้องยังคงนั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ อยู่บนโซฟาตัวเดิม เธอจึงไม่รู้จะพาตัวเองไปอยู่ตรงไหนเพราะคืนนี้เธอคิดว่าจะขอใช้โซฟาของเขาเป็นที่นอน เธอยืนเช็ดผมของตัวเองจนแห้งอยู่ที่ระเบียงก็เดินเข้ามาในห้อง ใต้หล้าก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม มิรินจึงเลือกที่จะเดินไปนั่งบนโซฟาข้างเขา “คืนนี้มิรินขอนอนโซฟาตรงนี้ได้ไหม” อันที่จริงเธอก็ง่วงมากแล้วเพราะตั้งแต่แม่เสียก็แทบไม่ได้พักผ่อนเลย แต่จะบอกเขาไปตรง ๆ ก็รู้สึกเกรงใจ “อืม” เขาตอบแค่นั้นแล้วก็นั่งดื่มต่อ มิรินทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองเขาดื่มอยู่ตรงนั้น แต่เขาเงียบมาก เงียบจนเธอรู้สึกอึดอัด สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นฝ่ายชวนคุย “พี่อยู่คนเดียวเหรอคะ” “อืม” เขาตอบสั้นแค่นั้นก็ทำให้เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก เธอเพิ่งเคยเจอคนประเภทนี้ หรือบางทีเขาอาจจะไม่ชอบที่มีคนอื่นอยู่ในห้องเขา “มิรินเรียนมหาลัยเดียวกับพี่นะ” เธอเห็นเสื้อช็อปของคณะวิศวกรรมศาสตร์ของเขาอยู่หลังห้องถึงรู้ว่าเขาเรียนที่เดียวกับฝาแฝดเขาอีกคนด้วย “แต่พอแม่เสียก็คิดว่าคงไม่ได้เรียนต่อแล้ว” “...” เขาเงียบไม่พูดอะไรสักคำ แต่เรื่องเล่าของอีกฝ่ายก็เข้ามาในโสตประสาททุกคำเช่นกัน “หนูมีพ่อนะ แต่ไม่รู้จะหาเขายังไง พ่อเลิกกับแม่ตั้งแต่มิรินยังเด็กแล้ว ไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิต” “...” เขาหันหน้ามามองเธอคิ้วหนาขมวดแน่น ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนที่ชีวิตย่ำแย่ขนาดนี้และที่สำคัญเขาไม่ใช่คนที่ใครอยากจะเข้าหา เพื่อมาเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง เพราะเขาไม่เคยคิดจะสนใจใคร แล้วยายนี่คิดยังไงถึงมาเล่าเรื่องตัวเองให้เขาฟัง “เธอก็เลยบอกว่าจะยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองรอด” เขาถามเสียงเรียบ “ถ้ามันทำให้หนูมีชีวิตอยู่ต่อได้หนูก็ยอม” “เธอรู้ไหมว่าพูดอะไรอยู่” เขาถามย้ำ อาจเป็นเพราะเครื่องดื่มมึนเมาที่ดื่มเข้าไปที่มันทำให้เขาเริ่มสนใจข้อเสนอนี้ขึ้นมา “ค่ะ” ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ดูโง่และมันอาจจะมีหนทางที่ดีกว่านี้ แต่เวลานี้เธอหวังเพียงแค่อยากให้ตัวเองยืนอยู่บนโลกนี้ได้โดยไม่อยากคาดหวังกับอะไรอีกแล้ว “...” “พี่ช่วยหนูได้ไหม หนูอยากเรียนต่อ พี่อยากให้ทำอะไรหนูยอมหมด” เธอพูดไปด้วยเสียงอันสั่นเทา “เพิ่งเคยเห็นคนโง่แบบเธอ” เขาว่าพลางหัวเราะในลำคออย่างนึกสมเพช ก่อนจะเลื่อนมือหนาไปจับที่ปลายคางของคนตัวเล็ก เชยคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมกับยิ้มมุมปาก “พูดสิ ว่าเธอไม่สร้างความเดือดร้อนให้ฉัน” “พี่ยอมช่วยมิรินใช่ไหม” “ฉันถือว่าเธอมีข้อแลกเปลี่ยน แต่คงไม่คิดตลอด” “แค่ช่วงนี้ก็พอ ถ้าหนูมีที่ไปหนูจะไม่รบกวน” เธอรีบบอกเขา “ก็ดี ฉันก็ไม่อยากมีภาระ” “...” เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่าแต่กับคนที่หมดสิ้นทุกหนทางแบบเธอแล้ว การเอาตัวรอดไปวัน ๆ มันคงพอแล้ว “ค่ะ” “หึ” เขาหัวเราะไปเพราะความโง่งมของใครบางคน มือหนาหยิบเอาเครื่องดื่มที่มีอยู่ครึ่งแก้ว ไม่มีส่วนผสมของเหลวอื่นได้ในนั้นขึ้นมากรอกเข้าปากคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “แค่ก ๆ รินไม่เคยดื่ม” เขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด ตอนนี้เขารู้สึกตื่นตัวกับอะไรบางอย่างที่มันลอยหอมหวนอยู่ใกล้ ๆ “อยากเสียตัวนักไม่ใช่เหรอ ก็บิ้วอารมณ์หน่อย” เขาว่าพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะรินเหล้าลงไปในแก้วอีกแล้วยื่นมันไปตรงหน้าเธอ “มะ ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ได้อยาก แต่รินแค่...” “ดื่มเข้าไป แล้วก็แก้ผ้าออกให้หมด” “คะ!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ แม้ว่าจะทำใจแล้วแต่ก็ตกใจกับความเป็นเขาอยู่ดี “รู้ไหมว่าฉันมีศัตรู มีคู่แข่งมากมาย มีคนเกลียด อยากทำลาย พิสูจน์ให้ดูหน่อย ว่าเธอไม่ได้พกอะไรมาทำร้ายฉัน” “แต่” มิรินหัวใจเต้นระส่ำกับคำพูดของเขา ตั้งแต่สั่งให้เธอถอดเสื้อผ้า “ไม่ทำก็ออกไปจากห้อง อย่ามาทำให้เสียอารมณ์”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD