แล้วเราก็เจอกัน..ใกล้แค่นี้

1694 Words
คาร์ลอสไปหอสมุดตั้งแต่เช้าเพราะอยากเจอเธอก่อนที่วันนี้จะต้องสอนยาวตลอดทั้งวัน เมื่อไปถึงหอสมุดก็เห็นว่าเช้านี้มีนักศึกษามาเพียงไม่กี่คน เขาตรงไปยังเค้าเตอร์ที่ให้บริการ ยืม-คืน หนังสือ แต่คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่ใช่เธอ “ให้ช่วยอะไรไหม” บรรณารักษ์วัยเกือบ 50 ทักทาย “เอ่อ คือ...” ชายหนุ่มตะกุกตะกัก “คุณคงเป็นอาจารย์ อยากได้หนังสืออะไรเป็นพิเศษไหมคะ ตอนนี้คนยังไม่เยอะฉันอาจช่วยคุณได้” “ขอโทษที่รบกวนนะครับ คือผมมาหาเพื่อนครับ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่เข้ามา” เขาตอบ “ก็คงจะอย่างนั้น เช้านี้ฉันยังไม่เห็นอาจารย์คนไหนเข้ามาที่นี่เลย ถ้ายังไงคุณนั่งรอก่อนก็ได้นะคะ มุมตรงนั้นค่อนข้างเป็นส่วนตัว” เธอชี้ไปยังมุมหนึ่งที่อยู่หลังชั้นวางหนังสือ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนที่เขามารอจะเข้ามาทำงาน ครั้นจะเดินไปถามว่าวันนี้เธอจะเข้ามาทำงานไหม ก็ดูท่าว่าจะไม่เหมาะสมเท่าที่ควร เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกคนกำลังทำงานกันวุ่นจนเขาเองไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ ชายหนุ่มจึงเดินออกไปอย่างเงียบๆ แล้วคิดว่าตอนเย็นจะเข้ามาดักรอเธอที่นี่อีกครั้ง ห้องสมุดประจำคณะเศรษฐศาสตร์ “พี่เบญค่ะ อัญขอตัวไปที่หอสมุดสัก 15 นาทีนะคะ พอดีมีของที่จำเป็นต้องใช้น่ะคะ” “ไปนานกว่านั้นก็ได้ค่ะ ไม่ต้องรีบหรอก มีเวลาพักกลางวันตั้งชั่วโมง” ที่นี่แบ่งกันทานอาหารกลางวันคนละชั่วโมงซึ่งเบญญาภานั้นไปทานมาแล้วเมื่อชั่วโมงก่อน “ขอบคุณนะคะ แล้วอัญจะรีบกลับ” หญิงสาวเดินตัวปลิวออกไปจากห้องทันที ขณะที่คาร์ลอสกำลังเดินกลับหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วเมื่อเขาก็เดินผ่านชั้นล่างสุดของตึก ชายหนุ่มเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินลับตาไปดูคลับคล้ายคลับคลากับคนที่เขากำลังตามหา เขารีบเดินตามไปดูแต่เธอก็หายไปจากมุมตึกเสียแล้ว เขาคงตาฝาด คาร์ลอสคิดในใจ แล้วเดินกลับเข้ามาในตึก เมื่อจะผ่านห้องสมุดเขาก็คิดขึ้นได้ว่ามีหนังสือที่เขาฝากให้บรรณารักษ์สั่งเผื่อเขาไว้จึงแวะมาเอา “อ้าว อาจารย์คาร์ลอส หนังสือมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน พี่ว่าจะโทร.บอกแต่ก็ยุ่งๆ จนลืมไปเลย ขอโทษด้วยนะคะ” “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับพี่เบญ ผมเองก็ไม่ได้รีบอะไร พอดีวันนี้นึกได้เลยว่าจะแวะมาถามสักหน่อย อีกอย่างก็อยากแวะมาทักทายด้วย” “นี่ค่ะ หนังสือ” “ขอบคุณครับ” เขารับหนังสือไปเปิดดูพอให้รู้ว่าใช่เล่มที่กำลังตามหาก็ส่งยิ้มให้เธอ “ถูกต้องไหมคะ” “ถูกครับ ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมฝากพี่สั่งแล้วจะผิดพลาด นี่นึกไม่ออกเลยว่าถ้าพี่ลาคลอดผมจะฝากใครซื้อได้บ้าง” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเสียดาย เพราะหนังสือบางเล่มก็สั่งยากมากเพราะผู้ผลิตมักจะพิมพ์มาจำนวนจำกัดและจำหน่ายให้แค่ห้องสมุดเท่านั้น “ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่บอกน้องๆ คนอื่นให้นะคะ” “ขอบคุณครับ ขนาดจะลาคลอดแล้วผมยังตามมากวนใจอีก” “อย่าเรียกว่ากวนใจเลยค่ะ อาจารย์คาร์ลอสเองก็ช่วยพี่ตั้งหลายอย่าง” ตอนที่เบญญาภามีปัญหาเพราะติดต่อสามีที่ไปทำงานที่ประเทศอังกฤษไม่ได้นานนับสัปดาห์ก็ได้ชายหนุ่มที่ช่วยให้เพื่อนที่นั่นตามมาให้ สุดท้ายก็เจอว่าอิริคสามีของเธอโดนปล้นและโดนทำร้ายร่างกายนอนไม่ได้สติอยู่ที่ รพ. ครั้งนั้นเลยทำให้เขากับเธอได้พูดคุยกันมากขึ้นเบญญาภาเลยกลายเป็นอีกคนที่เขามักแวะมาคุยด้วยเสมอ หอสมุด “สวัสดีค่ะพี่กิ๊ก” อัญญายกมือไหว้กาญจนาหัวหน้าบรรณารักษ์ที่กำลังง่วนอยู่กับการตารางการทำงานของทุกคนในหอสมุด “อ้าว มาได้ไงเนี่ย” สาวใหญ่เงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็ยิ้มกว้าง “คิดถึงพี่กิ๊กไงคะ เลยแวะมาหา” อัญญาตอบเสียงหวาน “ปากหวานอีกแล้วน้องสาวเรา” “แหมพี่กิ๊กก็พูดอยากกะเคยชิมอย่างนั้นแหละ” เสียงไอรดาที่เดินเข้ามาแล้วได้ยินก็อดแซวไม่ได้ “รดาพูดก็น่าคิดนะ ว่าแต่พี่อยากรู้จังว่าใครกันนะที่จะได้ลิ้มลองว่าหวานจริงไหม” “โอ๊ย สองคนนี้พูดอะไรก็ไม่รู้ คนเค้าอุตส่าแวะมาทักทายยังจะพูดอะไรแบบนี้อีก” หญิงสาวหน้าแดง รีบหลบสายตา “อายุก็เยอะขึ้นทุกปี แล้วเมื่อไหร่น้องสาวของพี่จะมีแฟนสักทีนะ ดูอย่างรดาสิเรียนจบปุ๊บก็แต่งงานปั๊บเลย” “เอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ อัญว่าอยู่แบบนี้ก็สบายดีแล้ว” “สบายแต่ไม่สนุกนะพี่” ไอรดาล้อ “ไม่พูดด้วยละ อัญขอตัวไปทักทายคนอื่นๆ ก่อนนะคะเดี๋ยวจะรีบกลับไป ไม่อยากให้พี่เบญต้องเหนื่อย” “ตามสบายจ้ะ แล้วเบญคลอดเมื่อไหร่อย่าลืมส่งข่าวพี่ด้วยนะ” “ได้ค่ะพี่กิ๊ก แล้วอัญจะไลน์มาบอกนะคะ” อัญญาเลี่ยงออกไปทักทายเพื่อนร่วมงานคนอื่นแต่นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ของเธอ ที่เธอมีนี่เพราะอยากจะเจอผู้ชายคนนั้นอีกสักครั้ง เธอเองก็อยากรู้ว่าถ้าเจอเขาอีกครั้ง หัวใจของเธอยังจะเต้นแปลกๆ อีกไหม หรือบางทีเจอเขาแล้วไอ้อาการอยากเจออยากเห็นหน้าอาจจะหายไปก็ได้ เธอเดินทักทายเพื่อนร่วมงานจนทั่วระหว่างนั้นก็คอยมองหาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แต่ดูจนทั่วก็ไม่เจอ จนเธอเองถอดใจ ดีละ ที่ไม่เจอ เพราะถ้าเจอก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาจะมองหน้าเขาติดไหม อัญญาคิดทบทวนแล้วก็รีบกลับไปทำงานต่อ ห้องสมุดประจำคณะเศรษฐศาสตร์ “เย็นนี้มีธุระที่ไหนรีบกลับไปทำหรือเปล่าจ๊ะอัญ” “ไม่มีค่ะ พี่เบญมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่มีคนอยากแนะนำให้อัญรู้จักหน่อยน่ะ” “ใครเหรอคะ” อดถามไม่ได้เพราะเท่าที่รู้ตอนนี้เธอก็รู้จักทุกคนที่ทำงานร่วมกันแล้ว “อาจารย์ท่านหนึ่งน่ะจ้ะ พอดีว่าอาจารย์เค้ามีบุญคุณกับครอบครัวพี่ พี่อาจต้องรบกวนอัญช่วยเค้าบ้างเรื่องที่ต้องสั่งหนังสือบางเล่มจากสำนักพิมพ์จ่ะ” “ได้เลยค่ะพี่ สำหรับอัญผู้มีประคุณของพี่ก็เหมือนผู้มีประคุณของอัญเหมือนกันค่ะ” อัญญาไม่ได้พูดเกินจริงเพราะครั้งหนึ่งตอนที่เธอเริ่มงานใหม่ๆ ก็ได้เบญญาภาคนนี้คอยช่วยเหลือ “นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย” อัญญาหันไปทางประตูก็ต้องตกใจเพราะคนที่เดินเข้านั้นเป็นชายคนเดียวกับที่เธอพยายามไปตามหาที่หอสมุดเมื่อตอนกลางวัน คาร์ลอสเองก็ตะลึงไม่แพ้กันเพราะเขาเอาแต่ไปรอเธอที่หอสมุดโดยไม่รู้เลยว่าเธออยู่ใกล้เขาแค่เอื้อม “อาจารย์คาร์ลอส นี่น้องอัญ คนที่จะมาทำหน้าที่แทนช่วงที่พี่ไม่อยู่” เธอหันไปบอกชายหนุ่มผู้มาเยือน “อัญจ๊ะ นี่ไงอาจารย์ที่พี่พูดถึง” “ยินดีที่ได้รู้จกครับคุณอัญผมชื่อคาร์ลอส” เขากล่าวทักทายพร้อมยืนมือเพื่อจับทักทายตามธรรมเนียมประเทศของเขา “ค่ะ ยินดีได้รู้จักค่ะ” เพื่อมารยาททางสังคมแล้วอัญญาต้องยื่นมือเล็กๆ ของเธอออกไปแม้ว่ามันจะสั่นเล็กน้อยก็ใครจะคิดล่ะว่าเขาจะเป็นคนเดียวกับคนที่ขโมยจูบเธอไปเมื่อวันก่อน คาร์ลอสกระชับมือน้อยๆ เบาๆ เขาสัมผัสได้ว่ามือของเธอเย็นเฉียบและสั่นเล็กน้อย เขาอ้อยอิ่งที่จะปล่อยมือของเธอ จนอัญญาเองต้องรีบดึงมือกลับ “พี่คงต้องขอตัวก่อน สองคนพูดคุยทำความรู้จักกันไปนะ อย่างน้อยก็คงเจอกันบ่อยๆ อีกสัก 3 เดือนล่ะ” “ค่ะ” “ครับ” พอเบญญาภาเดินออกจากห้องสมุดไปแล้วทั้งสองคนก็ได้แต่ยืนนิ่ง อัญญาเริ่มใจเต้นแรงที่เจอเขาอีกครั้ง ทางด้านคาร์ลอสเองก็ไม่ต่างกันนัก เขารู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ในชีวิตของเขาพบเจอผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงอย่างนี้ แม้แต่เอมิลี่แฟนสาวคนที่เคยรักอย่างสุดหัวใจก็ตาม “ขอตัวก่อนนะคะ” อัญญาไม่อยากอยู่ในบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ “เดี๋ยวก่อน” คาร์ลอสรีบคว้าต้นแขนของหญิงสาวทันทีเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะออกจากห้องนี้ไป อัญญาสะบัดแขนออกโดยอัตโนมัติ เธอกลัวที่จะอยู่ใกล้เขา กลัวเขาจะทำแบบวันนั้นอีกและที่สำคัญที่สุดคือเธอกลัวใจตัวเอง ชายหนุ่มรีบเอาตัวเองเข้ามาขวาง “...” อัญญามองหน้าเขาที่ห่างไปเพียงคืบ เขาสูงเสียจนเธอเองต้องเงยหน้ามอง “เรื่องวันนั้น..คือผมขอโทษ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนั้น” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย “แบบนั้น แบบไหนเหรอคะ” หญิงสาวตีรวน “ก็แบบที่เจอกันครั้งแรกก็..” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ต้องพูดล่ะคะ ฉันลืมมันไปหมดแล้ว” เธอรีบบอกเมื่อเห็นแววตาของเขา “ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าเรื่องไหน” “ไม่ว่าเรื่องไหนฉันก็ลืมไปหมดแล้ว หลีกทางด้วยค่ะ” “ถ้าคุณลืมแล้ว ผมนี่แหละจะเตือนความทรงจำให้เอง” ท่าทางคุกคามของเขาทำให้เธอขนลุก “คนบ้า โรคจิต” อัญญาพูดจบก็วิ่งออกจากห้องไปทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD