-5- หาทางออก

1164 Words
-5- หาทางออก หลังจากเสร็จการอบรม ปอไหมก็ขอแยกกับปั้นหยาที่มหาลัยฯ เพื่อมาที่บ้านเด็กกำพร้าวารีในช่วงเวลาบ่ายสามโมงกว่า ๆ "ฮึก...ฮือ...อย่าทำอะไรเด็ก ๆ เลยนะ แม่ขอละ แม่จะรีบหาเงินมาคืนให้" "คุณก็พูดแบบนี้มาหลายรอบ ผมซื้อโฉนดที่ดินนี้ที่ธนาคารขายทอดตลาดมา ผมซื้อมาด้วยความบริสุทธิ์คุณก็ต้องเห็นใจผมบ้าง ว่าผมเสียเงินซื้อที่ตรงนี้ไปแล้ว" "ฉันขอร้องนะคะ ขอเวลาพวกเราอีกสักหน่อย" หญิงวัยกลางคนพนมมือไหว้ขอร้อง ผู้ชายสามสี่คนตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา "นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ" ปอไหมรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดหญิงวัยกลางคนเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวโรคความดันของเธอจะกำเริบจนเป็นลมล้มลงไปเสียก่อน "บ้านเด็กกำพร้าแม่วารีถูกธนาคารขายทอดตลาดไปเมื่อเดือนที่แล้ว ผมกับครอบครัวเป็นคนซื้อต่อมาจากธนาคาร แต่ว่าแม่ว่ารีดันไม่ยอมพาเด็กที่นี่ย้ายออกไปสักที" "ขายทอดตลาด" ปอไหมทวนคำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เธอมาที่นี่แม่วารีบอกเธอว่ามีคนบริจาคเงินมาจำนวนหนึ่งพอสำหรับการผ่อนชำระที่ดินที่เอาไปจำนองแล้ว " ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะคะ" "แม่กลัวไหมจะลำบากเลยไม่กล้าบอก อีกอย่างเงินตั้งมากมายไหมจะไปหามาจากที่ไหน" "พวกคุณซื้อทอดตลาดมาในราคาเท่าไหร่คะ ฉันขอซื้อต่อคุณได้ไหม" "ผมซื้อจากธนาคารมาสี่ล้านบาท แต่ถ้าคุณจะซื้อต่อผมขายให้เก้าล้านบาท" "ทำไมมันขึ้นไปเยอะจังเลยล่ะคะ" "เพราะผมหาคนที่ซื้อที่ดินตรงนี้ได้แล้วในมูลค่าแปดล้านบาท พวกผมพร้อมจะเซ็นสัญญากันแล้ว แต่ถ้าคุณอยากได้คืน พรุ่งนี้ก็มาทำสัญญาซื้อขายกัน" "ฉันขอเวลามากกว่านั้นได้ไหมคะ" "ไม่ได้หรอกครับ ผมจะเซ็นสัญญากับคนซื้ออีกคนหนึ่งอยู่แล้ว ผมไม่อยากเสียเวลา อีกอย่างผมไม่รู้คุณจะมีเงินมาซื้อต่อผมจริง ๆ รึเปล่า" "แต่ว่า..." "คิดดี ๆ นะครับถ้าคุณพลาดซื้อจากผมไปซื้อต่อจากอีกคน ราคาก็คงจะขึ้นไปเป็นยี่สิบล้านแล้วก็ได้ เพราะที่ตรงนี้ทำเลดี เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่แล้วกัน" "ฮึก...ไหม...แม่ขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ เราต้องมีทางออกสิคะ" มือเรียวเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหญิงวัยกลางคนอย่างเบามือ "ไหมจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน" "ไหมพอจะมีเงินเก็บอยู่ค่ะ เดี๋ยวไหมจะลองไปยืมเจ้านายไหมดู ยังไงเดี๋ยวไหมโทรบอก แม่ไม่ต้องเครียดนะคะ" ปอไหมกลับออกไปสตาร์ตรถมอเตอร์ไซค์คันน้อยของตัวเอง เพื่อขี่ตรงไปยังผับที่เธอทำงานอยู่ @ผับเคพี "พี่เทวาค่ะ บอสอยู่ไหมคะ" ปอไหมวิ่งเข้าไปภายในร้านด้วยท่าทางร้อนรน "นี่เพิ่งจะหกโมงเองบอสยังไม่มาหรอก มีอะไรรึเปล่าหน้าตาตื่นมาเชียว" เทวาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "ไม่มีค่ะ" ปอไหมเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเพราะต่อให้เล่าไปเทวาเองก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ร่างบางเดินเลี่ยงไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดเครื่องแบบพนักงานของบริกรหญิงที่ห้องพนักงาน 21:30 น. "พี่เทวาค่ะ บอสมารึยังค่ะ" "สามทุ่มกว่าแล้วยังไม่มาเลย สงสัยวันนี้คงจะไม่เข้าร้านแล้วล่ะ แล้วตกลงเรามีอะไรรึเปล่าพี่เห็นถามหาบอสหลายรอบแล้ววันนี้" "คือพี่เทวาพอจะมีเงินสักแปดล้านให้ไหมยืมไหมคะ" "ไหมจะเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะขนาดนั้น" "พอดีบ้านเด็กกำพร้าแม่วารีถูกธนาคารขายทอดตลาด เขากำลังจะมายึดที่ค่ะ" ปอไหมตัดสินใจเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เทวาฟัง เพราะตอนนี้เธอหมดหนทางแล้วจริง ๆ "พี่ก็อยากช่วยนะ แต่เงินมากมายขนาดนั้นพี่มีไม่ถึงหรอก ลูกพี่ยังเรียนอยู่เมืองนอกด้วย ค่าใช้พี่ก็เยอะ เดี๋ยวพี่ลองโทรหาบอสให้นะ" "ขอบคุณค่ะ" ปอไหมกล่าวขอบคุณอย่างมีความหวัง "โทรไม่ติดเลย ขอโทษนะไหมพี่ช่วยอะไรไม่ได้เลย" "ไม่เป็นไรค่ะ ไหมเข้าใจ" "วันนี้คุณคีตะก็ไม่น่าจะมา ไม่งั้นพี่จะไปยืมคุณคีตะให้เอง" ปอไหมนึกเสียดายขึ้นมาทันทีที่เทวาพูดถึงคีตะ เธอน่าจะยอมแลกข้อมูลติดต่อกับเขาไว้ เขาต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ "ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะพี่เทวา" ปอไหมเดินกลับออกไปทำงานต่อ เพราะยังมีเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน ร่างบางจิตใจแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในหัวคิดแต่ว่าจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาให้ทันพรุ่งนี้ได้จากที่ไหน "ไหม เอาเครื่องดื่มไปให้ห้องสามโซนวีไอพีชั้นสองให้พี่หน่อย" เทวายื่นถาดเครื่องดื่มในมือให้กับปอไหม "ได้ค่ะ" ปอไหมเดินถือถาดเครื่องดื่มมาที่ชั้นสองห้องสามโซนวีไอพีตามที่เทวาบอก ก๊อก~ ก๊อก~ "ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มค่ะ" ดวงตาสีนิลกระตุกสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อบุคคลที่อยู่ภายในห้องคือบุคคลที่เธอไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด "ขออนุญาตวางเครื่องดื่มไว้ตรงนี้นะคะ" มือเรียววางถาดเครื่องดื่มลงบนโต๊ะกระจกราวกับไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกับเขามาก่อน มือเรียวที่กำลังจะเปิดลูกบิดประตูออกไปหยุดชะงัก เมื่อได้ยินประโยคที่ติณณภพพูดขึ้นมาตามหลัง "นั่งดื่มกับลูกค้านี่คืองานของเธอด้วยรึเปล่า" "ค่ะ แต่ฉันขอปฏิเสธที่จะนั่งดื่มเป็นเพื่อนคุณนะคะ" ปอไหมหันกลับไปพูดกับติณณภพด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นัก "แน่ใจเหรอ" "ค่ะ" ปอไหมรับคำด้วยความมั่นใจ "แต่ฉันให้เธอได้มากกว่าแปดล้าน" ร่างบางที่กำลังหันกลับไปก็ต้องชะงักลงอีกครั้ง ดวงตาสีนิลจ้องมองไปที่ใบหน้าคมคายราวกับต้องการหาคำตอบบางอย่าง แต่ก็ไม่พบความรู้สึกใด ๆ บนใบหน้านั้นเลย "ข้อเสนอของฉันมันมากพอที่จะให้เธอยอมนั่งฟังฉันสักหน่อยไหม" ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่นอย่างใช้ความคิด ว่าควรจะไว้ใจคนอย่างเขาดีรึเปล่า แต่ติณณภพกลับมองว่าเธอกำลังยั่วยวนเขา ภายใต้หน้ากากที่ใสซื่อที่เธอแสร้งแสดงออกมา เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD