บทนำ (1) เกลียดตัวเอง

1125 Words
“ผมเบื่อที่นี่แล้ว คุณ...อยากไปนั่งดื่มที่ห้องผมมั้ยครับ” พลอยชนันท์ กะพริบตาปริบๆ แล้วมองคนตรงหน้าก่อนจะตอบคำถามนั้น เป็นคำตอบที่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสมควรจะทำจริงหรือเปล่า แต่เธอก็เลือกไปแล้ว... “ค่ะ” เพียงเท่านั้นเขาก็หันไปเรียกพนักงานมาเช็กบิล ก่อนที่เขาจะพาเธอก้าวออกไปแล้วมุ่งหน้าไปยังรถยุโรปคันหรูที่จอดอยู่ในลานจอดรถของโรงแรม จากนั้นพวกเขาก็เดินทางมาจนถึงคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารสูง ซึ่งเป็นพื้นที่ของเพนต์เฮาส์หรูที่มีขนาดสองชั้น “คุณอยากดื่มตรงไหนครับ ริมสระมั้ย จะได้นั่งมองพลุปีใหม่ด้วยกัน” เขาชี้ไปยังสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ด้านนอกและเธอก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ก็ดีค่ะ” หญิงสาวเดินตามเขาไป ทว่าเธอไม่คิดจะนั่งตรงเก้าอี้ริมสระ แต่เลือกที่จะนั่งลงกับพื้นแล้วเอื้อมมือไปแตะน้ำใสๆ ในสระนั้นแทน “ไม่นั่งเก้าอี้เหรอครับ” เจ้าของห้องเอ่ยถาม เธอจึงได้หันมามองแล้วส่งยิ้ม “ขอนั่งตรงนี้ได้มั้ยคะ ฉันอยากนั่งสบายๆ หน่อย” “งั้นก็ตามใจครับ ผมไปหาเครื่องดื่มก่อนละกัน” “ขอบคุณค่ะ” เจ้าของแก้มแดงเรื่อเพราะมีแอลกอฮอลล์อยู่ในกระแสเลือดอยู่เกินครึ่งเบือนหน้าไปมองน้ำในสระอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้กล้าตามผู้ชายแปลกหน้ามาจนถึงที่นี่ แต่เธอก็สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่เธอจะทำแบบนี้ เพราะเธอแค่อยากลองเดินออกมาจากเซฟโซนของตัวเองดูบ้างเท่านั้น...ถ้าหากว่าจะต้องเจอกับเรื่องราวเลวร้ายใดๆ ก็ถือว่าเธอเป็นคนเลือกมันเอง ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับเบียร์ยี่ห้อดัง จากนั้นพวกเขาก็นั่งดื่มและคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากตอนที่อยู่ในไนต์คลับ เพียงแต่ตอนนี้มีวิวสวยบนท้องฟ้าให้มองและมีอากาศบริสุทธิ์ให้สูดได้เต็มปอดเท่านั้น “อยากกลับหรือยังครับ” คนข้างๆ เอ่ยถามโดยที่เขาไม่ได้หันมามองเธอ เพราะสิ่งที่เขากำลังมองก็คือท้องฟ้าอันสวยงามตรงหน้าที่ถูกประดับประดาไปด้วยพลุฉลองปีใหม่เท่านั้นเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วและกำลังล่วงเข้าสู่ศักราชใหม่ “คุณเบื่อฉันแล้วเหรอคะ” เธอหันไปถามเขาแล้วยิ้มบางๆ ยิ้มทั้งน้ำตา... “เปล่า ผมแค่จะถามให้แน่ใจ จะได้รู้ว่าควรจัดห้องให้คุณค้างที่นี่รึเปล่า” “ไม่ต้องจัดห้องหรอกค่ะ อีกเดี๋ยวฉันก็จะเรียกแท็กซี่กลับแล้วล่ะ คงไม่รบกวนคุณไปมากกว่านี้” “ผมคงไม่ปล่อยให้คุณนั่งแท็กซี่กลับดึกๆ แบบนี้คนเดียวหรอกครับ ถ้าคุณอยากกลับจริงๆ ผมจะไปส่งที่บ้านเอง” “ขอบคุณนะคะ” เธอมองสบตากับคนที่หันมาสบตาเธอเช่นกัน “แค่นี้เองไม่เห็นต้องขอบคุณเลย” ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง เพราะดวงตาของเธอในยามนี้มันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองอย่างไรชอบกล “ฉันไม่ได้ขอบคุณเรื่องที่คุณจะไปส่งค่ะ แต่อยากขอบคุณสำหรับการเป็นผู้ฟังที่ดีต่างหาก” “งั้นผมขอถามคุณสักอย่างได้มั้ย” “อะไรเหรอคะ” “ทำไมถึงอยากไปล่ะ ความจริงคุณไม่ไปก็คงไม่มีใครว่าหรอกมั้ง จากที่คุณเล่ามาผมมั่นใจว่าเพื่อนคนอื่นๆ คงจะดูแปลกใจด้วยซ้ำที่เห็นคุณในงาน” เขาถามขึ้นหลังจากได้รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าเธอไปทำอะไรมาบ้างในงานแต่งของอดีตคนรัก “ฉันแค่...อยากไปดูให้แน่ใจว่าฉันยังมีความหวังอยู่รึเปล่า” “หวัง? คุณหวังอะไรล่ะ หวังว่าเค้าจะกลับมารักคุณงั้นเหรอ” “เปล่าหรอกค่ะ ฉันไม่เคยหวังอะไรแบบนั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่เคยรักฉันเลย แต่ที่ฉันหวังก็คือ...หวังให้พวกเค้าเลิกกันต่างหาก ฉันแค่อยากให้คนพวกนั้นเจ็บปวดแบบที่ฉันเคยเจ็บบ้าง ฉันคง...น่าสมเพชมากเลยใช่มั้ยคะ” เธอหันไปถามพร้อมกับน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลรินออกมาจากสองตากลม ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านทางสายตา ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารหรือสมเพชอย่างที่เธอว่า แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและโกรธใครบางคนที่ทำให้เธอต้องมีน้ำตามากกว่า “รักเค้ามากเหรอครับ ผู้ชายคนนั้นน่ะ” “ฉัน...ยอมรับว่าเคยรักเค้ามากค่ะ เค้าเคยเป็นรักแรก เคยเป็นความสุขของฉัน” “แล้วตอนนี้ล่ะ ยังรักอยู่มั้ย” คำถามนั้นได้รับการส่ายหน้าปฏิเสธแทบจะทันที “ไม่แล้วค่ะ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าถูกเค้าหลอก ความรักของฉันมันก็จบสิ้นไปนานแล้ว” “คุณโกหก ถ้าไม่ได้รักเค้าแล้วทำไมจะต้องเจ็บเพราะเค้าอีกล่ะ ถ้าไม่รัก คุณก็คงจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนไปตั้งนานแล้ว ผมพูดถูกรึเปล่า” พลอยชนันท์นิ่งเงียบไปนานจนเขาคิดว่าเธอคงจะไม่ตอบคำถามนั้นแล้ว แต่ในที่สุดเธอก็พูดออกมาหลังจากกระดกเครื่องดื่มในมือพรวดเดียวจนหมดแก้ว “ฉันไม่ได้รักค่ะ แต่ฉันเกลียด เกลียดตัวเองที่โง่ เกลียดที่ไว้ใจคนผิด ไม่ว่าจะผู้ชายที่เคยรัก หรือเพื่อนที่คิดว่าจริงใจ และเหตุผลที่ฉันไม่คิดจะเริ่มใหม่กับใครก็เพราะว่าฉันกลัว กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาหลอกฉันอีก ฉันไม่อยากทุ่มเทหัวใจให้กับใครอีกแล้ว ต่อให้จะต้องโสดไปจนตาย ก็ยังดีกว่าถูกหลอกไปตลอดชีวิต โลกใบนี้น่ะ...นอกจากคนในครอบครัวแล้วก็คงไม่มีใครมารักฉันจริงๆ หรอก ไม่มี...ไม่มีเลย...” เธอหันไปหยิบขวดเบียร์ที่วางอยู่แล้วก่อนจะยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากแต่ยังไม่ทันได้ดื่มเข้าไป ขวดในมือของเธอก็ถูกเขาแย่งไปถือเอาไว้เสียก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD