งานเข้า

1353 Words
ปุณณิศากลับมาถึงบ้านก็เกือบจะตีสามเพราะวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวคนเยอะกว่าปกติ หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาตื่นมาทำขนมพอดี “ปุณ แม่ว่าหนูไปพักเถอะลูก ยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอ” “ไม่เป็นไรค่ะ ปุณช่วยแม่ก่อน เดี๋ยวค่อยนอนพักทีเดียวก็ได้ค่ะ” ปุณณิศาต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟของพี่อรในเวลาสิบโมงเช้าหลังจากช่วยมารดาเตรียมของเสร็จเธอก็ได้นอนพักอย่างน้อยก็สามชั่วโมง “ไหวแน่นะลูก” “ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ งานร้านพี่อรไม่ได้หนักหนาอะไรเลยค่ะ” “แล้วงานที่ไปทำกับกัญญาล่ะลูกเป็นยังไงบ้าง” “ก็ดีค่ะแม่ คืนหนึ่งได้เยอะเลยค่ะ อย่างเมื่อคืนปุณได้มาเกือบสี่พันเลยค่ะ นี่ยังไม่รวมเงินเดือนนะคะ” “รายได้มันดีก็จริงแต่แม่กลัวสุขภาพเราจะแย่ไปด้วย ถ้าเปิดเทอมแม่ว่าจะให้หนูหยุดทำงานกลางคืนนะลูก” “ปุณคุยกับเจ้าของร้านไว้แล้วค่ะแม่ ถ้าเปิดเทอมปุณไปแค่คืนวันศุกร์กับวันเสาร์ค่ะ” “แม่นึกว่าเปิดเทอมจะหยุดทำงาน” “หยุดทำไมล่ะคะแม่รายได้ดีขนาดนั้น ปุณว่าอีกไม่นานเราคงใช้หนี้เจ๊น้ำหมด ถ้ามีเงินเหลือจะได้ส่งให้ปั้นด้วย” “เอาที่ตัวเองไหวนะปุณ” “ค่ะ แม่ก็เหมือนกันนะคะ อย่าหักโหมมาก กลับมาจากตลาดแล้วนอนพักสักนิดแล้วค่อยทำขนมต่อก็ได้ค่ะ” “ทำขนมมันไม่เหนื่อยอะไรเลย แค่ปวดหลังนิดหน่อยเอง” “เดี๋ยวเย็นนี้ปุณนวดหลังให้แม่ก่อนไปทำงานดีไหมคะ” “ก็ได้จ้ะ” สองแม่ลูกช่วยกันทำขนมหวานจนเสร็จ จากนั้นปนัดดาก็จะเอาของทั้งหมดใส่รถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างไปขายที่ตลาด ส่วนปุณณิศาก็ปลุกน้องชายให้ลุกมาหุงข้าวก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปนอน หญิงสาวตื่นนอนอีกครั้งในเวลาเก้าโมงเช้า ตอนนี้บนโต๊ะอาหารในห้องครัวมีผัดผักรวมกับแกงเทโพวางอยู่ “พี่ปุณเอาไข่เจียวเพิ่มไหม” ปุณณพัฒน์เพิ่งกลับมาจากตลาดถามพี่สาว เด็กหนุ่มจะตื่นนอนแล้วหุงข้าวทิ้งไว้ก่อนจะปั่นจักรยานไปช่วยมารดาขายของที่ตลาด ส่วนขากลับก็จะซื้อกับข้าวมาด้วย เป็นกิจวัตรประจำวันที่ทำกันมานาน ถ้าเป็นช่วงปิดเทอมก็จะกลับมาสายหน่อย แต่ถ้าเป็นช่วงเปิดเทอมก็จะช่วยมารดาไม่นานเพราะต้องรีบมาทานข้าวและไปโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก “ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว วันนี้ปั้นมีเรียนกี่โมง” “สิบเอ็ดโมงครับพี่” “เรียนเป็นยังไงบ้าง” “ก็ดีครับอาจารย์ชมว่าปั้นหัวไว” “อีกเดือนเดียวก็จะต้องไปเรียนแล้วตื่นเต้นไหม” “ตื่นเต้นสิครับผมอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ แต่พอคิดอีกทีก็ไม่อยากไปเลย ผมคงคิดถึงแม่กับพี่ปุณมากๆ แน่เลย” เพราะตั้งแต่เกิดมาเขากับพี่สาวไม่เคยห่างกันนาน “ท่องไว้ปั้น เพื่ออนาคต” “ครับพี่ปุณ ถ้าผมเรียนจบผมจะเป็นคนหาเลี้ยงพี่ปุณกับแม่เอง ผมจะซื้อบ้านหลังใหม่พี่ว่าดีไหม” “ดีสิ ได้ยินแบบนี้หายเหนื่อยเลย” ปุณณิศารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะที่เธอขยันทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้น้องชายได้ไปเรียนในสิ่งที่เขาชอบ “พี่ปุณ กับแม่เหนื่อยเพื่อผมมามาก ผมสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนนะครับ” สองพี่น้องนั่งทานข้าวโดยที่ไม่รอมารดาเพราะปกติแล้วปนัดดาจะทานข้าวแกงที่ร้านติดๆ กันก่อนกลับเสมอ หลังทานอาหารเสร็จปุณณพัฒน์ก็ปั่นจักรยานไปช่วยมารดาเก็บร้านส่วนเธอก็เตรียมตัวไปทำงานที่ร้านกาแฟ “พี่ปุณ พี่ปุณ” “อ้าวปั้น ไหนว่าจะไปช่วยแม่เก็บร้านแล้วทำไม่วิ่งหน้าตื่นมาแบบนี้” “แม่แย่แล้วพี่ปุณ แม่โดนรถชนตอนนี้รถกู้ภัยกำลังพาแม่ไปโรงพยาบาล” “อะไรนะ แล้วแม่เป็นอะไรมากไหม แล้วไปโรงพยาบาลไหน” “โรงพยาบาลหน้าตลาดครับ” ทั้งสองคนรีบช่วยกันปิดบ้านจากนั้นปุณณพัฒน์ก็ปั่นจักรยานออกมาหน้าปากซอย “พี่ว่าเอาจักรยานฝากร้านของชำไว้ก่อน นั่งวินไปไวกว่า” “ครับพี่ไปก่อนเลยเดี๋ยวผมรีบตามไปนะครับ” ปุณณิศามาถึงโรงพยาบาลที่อยู่หน้าตลาดแล้วรีบตรงไปยังห้องฉุกเฉินทันที “คุณคะเข้าไม่ได้นะคะ” พนักงานที่อยู่ด้านหน้ารีบห้าม “คือ ฉันมาหาแม่ค่ะ เขาบอกว่ารถกู้ภัยส่งมาที่นี่” “ใช่คนไข้ที่ขี่รถพ่วงข้างไหมคะ” “ใช่ค่ะ แม่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ” “หมอกำลังช่วยอยู่ค่ะ ญาติรอด้านนอกก่อนนะคะ” ปุณณิศาได้แต่ภาวะนาให้มารดาไม่เป็นอะไรมาก ระหว่างนั้นน้องชายของเธอก็ตามมาถึงพอดี “พี่ปุณแม่เป็นยังไงบ้าง” “เขาบอกว่าหมอกำลังช่วยอยู่ ปั้นพี่ใจคอไม่ดีเลย” ปุณณพัฒน์จับมือพี่สาวไว้แน่นขณะที่ตาก็จ้องไปยังประตูห้องฉุกเฉิน ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมกับร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่นอนอยู่บนรถเข็น “เดี๋ยวเราจะพาคนเจ็บไปห้องผ่าตัด ญาติช่วยเซ็นยินยอมด้วยนะคะ” ปุณณิศารีบเข้าไปเซ็นชื่อย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวมารดาของเธอจะเป็นอะไรไป สองพี่น้องเดินตามรถเข็นที่มีร่างไร้สติของมารดามายังหน้าห้องผ่าตัด “แม่ขา แม่อย่าเป็นอะไรนะคะ ปุณกับปั้นรอแม่อยู่นะคะ” หญิงสาวรำพึงกับตัวเอง เธอมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบจะถึงเวลาเรียนของน้องชายก็รีบบอก “ปั้น เดี๋ยวพี่จะอยู่กับแม่ที่นี่ ปั้นไปเรียนก่อนนะ” “พี่ปุณ แม่เจ็บหนักขนาดนี้ปั้นไม่มีสมาธิเรียนหรอกนะครับ” “ปั้นก็คิดสิว่าทำเพื่อแม่ เชื่อพี่นะ ถึงอยู่เราก็ช่วยอะไรแม่ไม่ได้” “แต่ผมว่า...” “ปั้น ถ้าแม่ตื่นมาแล้วรู้ว่าปั้นขาดเรียนเพราะเอาแต่เป็นห่วงแม่ แม่คงเสียใจ” “ถ้าแม่ออกจากห้องผ่าตัดพี่ปุณต้องรีบโทรบอกผมเลยนะครับ” “อือ พี่จะรีบโทรบอกเลย” พอน้องชายไปแล้วปุณณิศาก็โทรไปลางานที่ร้านกาแฟ ก่อนจะกลับมานั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัด หญิงสาวฟุบใบหน้าลงกับฝ่ามือ จากนั้นน้ำตาที่เก็บไว้มันก็ไหลอาบทั้งสองแก้ม เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงมารดาก็ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัด เธอไม่รู้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไงแล้วคู่กรณีอยู่ที่ไหน เพราะตอนมาถึงโรงพยาบาลก็ไม่เห็นรถกู้ภัยแล้ว แต่ปุณณิศาไม่อยากเสียเวลาหาคนผิดเพราะตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากที่สุดก็คืออาการของมารดา ไฟเหนือประตูห้องผ่าตัดดับลงพร้อมกับประตูที่เปิดออกหญิงสาวรีบเข้าไปถามคุณหมอที่เดินออกมาด้วยความร้อนใจ “หมอค่ะ แม่หนูเป็นยังไงบ้างคะ” “ตอนนี้ปลอดภัยดีครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะรู้สึกตัว ช่วงนี้คนไข้ต้องอยู่ในห้องไอซียูก่อนนะครับ” “เวลาที่คุณหมอพูดถึงมันนานแค่ไหนคะ” “แล้วแต่คนไข้ครับ บางคนก็ภายใน 24 ชั่วโมง บางคนก็อาจจะหลายวันหน่อย” “หลายวันเหรอคะ” “ครับ หมอพูดตามประสบการณ์ที่เจอ” “หนูขอเขาไปเยี่ยมแม่ได้ไหม” “ได้ครั้งละไม่เกิน 15 นาทีนะครับ ไปติดต่อพยาบาลก่อนเขาจะบอกเองว่าต้องทำยังไงบ้าง” “ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD