ตกหลุมรักอีกกี่ครั้ง... ก็ยังเป็นเธอ

งานแต่งงานระหว่างเจ้าบ่าวนักธุรกิจไฟแรงที่กำลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก กับเจ้าสาวที่ใครหลายคนต่างเปรียบเธอเป็นซินเดอเรล่าของยุคเลยทีเดียว กำลังถูกจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังอยู่บนเวทีและบรรยายความรู้สึกของตนที่มีต่อเจ้าบ่าว “เชิญเจ้าสาวพูดถึงความประทับใจที่มีต่อเจ้าบ่าวหน่อยได้มั้ยครับ” พิธีกรในงานแต่งงานของทั้งคู่ยื่นไมค์ให้เจ้าสาว ซึ่งเธอก็รับมันไปด้วยรอยยิ้ม “พี่เหมคือคนที่นาไม่ต้องกังวลว่านาจะฝากชีวิตที่เหลือของนาไว้กับใคร เขาคือความรัก คือความสุข คือทุกอย่างของนาค่ะ ชั่วชีวิตที่ผ่านมาของนา ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบใครที่นารักและรักนาได้ขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับความรักที่พี่เหมมอบให้นะคะ ขอให้เราจับมือกันไปอย่างนี้ตลอดไปนะคะ” นิรนา วินิชนนท์ กล่าวก่อนจะน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ เจ้าบ่าวของเช็ดน้ำตาที่ไหลซึมออกมา ก่อนที่จะรั้งร่างบางเข้ามากอด ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน “ซึ้งจริงๆ นะครับ ความรู้สึกของเจ้าสาวที่มีต่อเจ้าบ่าว คราวนี้หลายคนคงอยากฟังความรู้สึกที่เจ้าบ่าวมีต่อเจ้าสาวบ้างใช่มั้ยครับ งั้นคราวนี้เราให้เจ้าบ่าวเป็นฝ่ายบอกความรู้สึกที่มีต่อเจ้าสาวนะครับ ไม่แน่นะงานนี้เจ้าสาวของเขาอาจจะร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก” พิธีกรกล่าวจบก็ส่งไมค์ให้กับ เหมันต์ นิติวรกุล เจ้าบ่าว ซึ่งในตอนนี้เจ้าบ่าวเปลี่ยนเป็นโอบเจ้าสาวไว้หลวมๆ ก่อนที่จะเริ่มเอ่ยความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเจ้าสาวออกมา “นาคือผู้หญิงที่ผมรักที่สุด เขาจะยังเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก ตราบจนวันที่ผมหมดลมหายใจ ขอบคุณครับ” แม้เป็นคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่เรียกเสียงปรบมือได้กึกก้องฮอล์ ฉากแต่งงานที่สมบูรณ์แบบราวกับเทพนิยายได้จบสิ้นลง แต่ใครเลยจะรู้ว่าทุกอย่างมันไม่ได้สวยงามดั่งเทพนิยายเสมอไป ตอนนี้เจ้าสาวเจ้าบ่าวที่เคยให้ค่ำมั่นได้เปลี่ยนไปแล้ว สถานภาพสมรสของทั้งคู่จบลงไปหลังจากที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันเพียงสองปี เวลาเปลี่ยน จิตใจคนก็เปลี่ยนเช่นกัน ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว ทั้งสองแยกกันไปใช้ชีวิตของตนเอง ยังคงเหลือแต่เพียงความเสียดายของคนรอบข้างเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ทั้งสองแยกทางเดินจากกันนั้นไม่มีใครรู้ ได้เพียงแต่เฝ้ามองด้วยความเสียดายและวิเคราะห์หาสาเหตุไปต่างๆ นานาเท่านั้น