พิษรัก
ตำหนักพันพยัคฆ์ ตำหนักอันโอ่อ่าราวกับราชวังหลวง ผู้เป็นเจ้าของคือชินหวางอ๋องเล่ออี้แห่งแคว้นเหยียนซุย
เล่ออี้อายุสามสิบห้าปี ชินหวางอ๋องผู้มีอำนาจในมืออย่างล้นพ้น บุรุษผู้กระหายอำนาจและความตาย มืออันแปดเปื้อนโสมมไม่เคยมีคำว่าขาวสะอาด อย่าถามถึงซากศพนับพันนับหมื่นใต้ฝ่าเท้าอันเป็นฐานให้เขาเหยียบยืนขึ้นสู่จุดสูงสุดในราชสำนัก
ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนองค์ฮ่องเต้ อำนาจดำมืดดุจพญามัจจุราชผู้คอยชักใยอยู่เบื้องหลังบัลลังก์มังกร เล่ออี้คือพยัคฆ์เหนือมังกรอย่างแท้จริง
องค์ฮ่องเต้อเล่อเสียนหลงอายุเพียงแปดชันษา ขึ้นครองราชย์แทนองค์ฮ่องเต้เล่อซ่งเปาจู่ผู้สวรรคตกะทันหัน การตายขององค์ฮ่องเต้เล่อซ่งเปาจู่ยังมีเงื่อนงำอันน่าคลางแคลงใจ
ชินหวางอ๋องเล่ออี้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นผู้คอยบริหารจัดการอำนาจขุนนางในราชสำนัก ในยามนี้องค์ฮ่องเต้ยังทรงพระเยาว์นัก อำนาจแห่งบัลลังก์มังกรจึงตกอยู่ในกำมือของชินหวางอ๋อง
บุรุษผู้ถูกขนานนามว่า ‘พยัคฆ์ทมิฬ’ ชายฉกรรจ์ผู้กร้านแก่วิชา ทั้งการรบ กลศึก การเมืองการปกครอง ซ้ำวรยุทธยังแข็งแกร่งไม่เป็นรองผู้ใด พยัคฆ์ร้ายอย่างชินหวางอ๋องเล่ออี้ไม่เคยให้ใครมาลูบคม
ภายในห้องบรรทมอันหรูหราในตำหนักพันพยัคฆ์
แสงไฟจากเทียนหอมกลิ่นอ่อนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ โต๊ะไม้หลี่แกะสลัก ม่านไหมสีงาช้าง ตู้สลักลายประดับด้วยประการังแดง ทุกสิ่งล้วนวิจิตรอลังการ ห้องบรรทมของชินหวางอ๋องสว่างราวกับเวลากลางวัน
บนเตียงกว้างมีสาวงามล่มแคว้นแต่งกายเพียงบางเบารอปรนนิบัติ
ร่างงดงามอ่อนช้อยแต่อวบอิ่มทุกสัดส่วนสวมอาภรณ์ไหมฟ้าสีขาว อาภรณ์ลู่แนบไปกับส่วนโค้งเว้าทั่วเรือนกาย อาภรณ์อันนุ่มพลิ้วถูกรัดด้วยสายรัดเอวสีทอง เจ้าของร่างงามผูกสายรัดเอวหลวมๆ สาบเสื้อหลุดลุ่ยออกด้านข้างเผยให้เห็นเนินเต้าเต่งงามสล้างชูชันดุนดันอาภรณ์ อากาศเย็นในห้องหอทำเอาปลายถันสีชมพูบนอกอวบขนาดใหญ่โตแข็งตึงดันผิวผ้า เอวคอดกิ่ว เรื่อยไปถึงเนินสาวขาวอวบไร้ขนปกปิดใต้อาภรณ์โปร่งบาง มันบางจนเห็นทะลุเนื้อนวล ทุกสิ่งในเรือนกายของนางช่างยั่วเย้ากิเลสตัณหา ความรักใคร่ปรารถนาของบุรุษ
หวินชิงอมยิ้มเล็กน้อย ใบหน้างามล่มเมืองยกยิ้มขึ้นอย่างน่ารัก ใบหน้าอันร่ำลือกันกว่างามกว่าหญิงใดในสี่แคว้น งามกว่าสนมฮองเฮาทุกนางในประวัติศาสตร์ หน้านวลหวานผัดแป้งเพียงบางเบา แต้มชาดเล็กน้อยบนปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนไร้ที่ติ ไม่มีแม้ตำหนิใดบนร่างกาย ความเนียนละเอียดนุ่มละมุนของผิวเนื้อบนกายนางเลอเลิศกว่าความขาวเนียนของหยกมันแพะ มือเรียวงามทั้งสิบนิ้ววางบนหน้าขา นิ้วเรียวขยับไปมา ความตื่นเต้นประหม่าบีบเค้นหัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำในอกด้านซ้าย มือเรียวกำแน่นบนอาภรณ์จนยับยู่ยี่
เสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านนอก นางกำนัลพร้อมเหล่าสาวใช้เดินอย่างแผ่วเบาถืออ่างทองคำพร้อมถาดใส่ผ้าสีขาวเนื้อละเอียดเดินตามร่างสูงใหญ่ของชินหวางอ๋องเข้ามาในห้อง นางกำนัลจุดโคมแดงหน้าห้องบรรทมเป็นสัญลักษณ์ว่าวันนี้ชินหวางอ๋องจะร่วมหอกับหวินชิง เขาจะค้างคืนที่นี่จนถึงเช้า
นางกำนัลวางอ่างทองคำพร้อมถาดใส่ผ้าสีขาวเนื้อละเอียดบนโต๊ะไม้แกะสลักอันหรูหราประดับแผ่นทองคำ ตามธรรมเนียมเมื่อปรนนิบัติชินหวางอ๋องเรียบร้อย หน้าที่ทำความสะอาดร่างกายให้บุรุษสูงศักดิ์ย่อมเป็นหน้าที่ของสตรี
ในยุคที่บุรุษเป็นถือว่าเป็น ‘เจ้าของ’ ทั้งร่างกายและจิตใจของผู้เป็นภรรยา สตรีไร้สิทธิ์ ไร้เสียง แม้แต่จะปริปาก มิอาจขัดขืนบุรุษ เป็นเพียง ‘สมบัติ’ ชิ้นหนึ่ง เป็นเพียงดอกไม้ในแจกันรอวันแห้งเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา สตรีจะมีสิทธิ์อันใด นอกจากยอมรับชะตากรรม
หากถามหาความเท่าเทียมระหว่างบุรุษและสตรี เปรียบเหมือนดั่งรอคอยหิมะตกในทะเลทราย ดั่งรอคอยฟ้าก้มลงมาจูบผืนดิน มันคงไม่มีวันเป็นจริงได้
ร่างกำยำของเล่ออี้ก้าวเข้ามาในห้อง ร่างสูงสง่าแต่งกายเพียงชุดลำลองสีม่วงเข้ม ผมสีดำสลวยของชายหนุ่มปลิวไสวยามเขาเดินอย่างรีบเร่ง เขาตรงเข้าไปยังเตียงกว้าง เตียงนุ่มปูผ้าปูที่นอนลายนกยวนยางสีทองอร่าม ชินหวางอ๋องเล่ออี้ยืนอยู่หน้าเตียง เขากวาดสายตามองสตรีตรงหน้าทั้งเรือนร่าง มือหนารวบร่างนางยืนขึ้น หน้าหล่อเหลาจ้องมองด้วยสายตาคมกล้า
ไร้ซึ่งคำกล่าว...
ร่างบุรุษดึงนางแนบชิด บนจูบหวามไหวร้อนแรงดุดัน มือหยาบใหญ่เลื่อนไล้ไปทั่วผิวผ้าบนเรือนร่างอรชร ปากร้อนบดจูบต่อเนื่องบนปากอิ่มแดง รุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเกิดความปรารถนาร่วมเสพสมกับร่างนี้ เสียงลมหายใจกระโชกกระชั้นขาดช่วงเป็นระยะ ลิ้นกระหวัดดูดรัดลิ้นเรียวในโพรงปาก มือใหญ่ฉีกกระชากอาภรณ์บางเบาจนขาดวิ่น ไม่ได้มีการทะนุถนอมเจือความเห็นใจแต่อย่างใด
อาภรณ์ขาดวิ่นกองอยู่ที่พื้น เขากระชากร่างนางขึ้นมาบนเตียงกว้าง เล่ออี้คร่อมร่างบางไว้ใต้ร่าง ก้มดูดกลืนบนปลายถัน ขบกัดเม้มริมฝีปากดูดดึงบนอกอิ่มคู่สวยอย่างแรงจนทิ้งรอยสีดอกเหมย รอยฟันจากการขบกัดประทับบนเต้าอวบตึง
“อ๊ะ เจ็บ” นางร้องครางออกมา
“อยู่นิ่งๆ” เขาจ้องมองหน้านางดั่งราชสีห์กำลังจ้องกลืนเหยื่อเคราะห์ร้าย
มือใหญ่เฟ้นเต้าตูมขึ้นลง บีบนวดเหมือนนวดแป้ง ทั้งเคล้นคลึงสลับกับดูดดึงปลายถัน เขาจูบบนซอกคอ ปากร้อนไล้ลากผ่านที่ใดล้วนทิ้งรอยประทับสีดอกเหมยเป็นจ้ำ แรงบีบเค้นบนทรวงอกนางไม่ได้ลดลงแต่กลับรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ชายหนุ่ม
“ได้โปรด เบาหน่อย”
“อย่าพูดมาก” ไร้วาจาปลอบประโลมจากปากเล่ออี้ มีเพียงเสียงทุ้มต่ำราวกับขู่กรรโชก
เขาทาบทับร่างกำยำบนร่างนาง มือแหวกกลีบเนื้อสาว ขยี้นิ้วบนติ่งกระสัน สลับกับฟอนเฟ้นดูดดึงบนทรวงอก นิ้วหนาสากละเลงนิ้วบนติ่งเนื้อเรื่อยไปยังหน้าช่องสวาท สอดนิ้วแหย่แยงขยับเข้าออกจนน้ำหวานฉ่ำไหลหลั่งเคลือบนิ้วไหลอาบไปบนฝ่ามือ
“แยกขาออก”
เขากดแทรกแก่นกายแข็งขึงใหญ่โตเข้ามิดจนสุดลำ ขยับสะโพกสอบเข้าออกเร่งเร้าตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังพุ่งสูงขึ้นตามสัญชาติญาณ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นรัว ชินหวางอ๋องพลิกร่างนางขึ้นมาท่าคลานเข่า จุดเชื่อมประสานยังเชื่อมกันอยู่อย่างแนบแน่น เขาขยับสะโพกตอกท่อนเนื้อแข็งขึงเข้าร่องสวาทนางอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง มือหยาบใหญ่ขยุ้มบนสะโพกกลมมนดึงเข้าหาท่อนลำที่กำลังตอกอย่างเร่งเร้า ความรุนแรงเพิ่มทวี เสียงเนื้อหน้าขากระทบกับสะโพกกลมจนกระเพื่อมไหว
“อ๊า ท่านอ๋อง เบาหน่อย เบา”
“หุบปาก” เขากัดฟันแน่น บดกรามเข้าหากัน
เต้าเต่งตูมกระเด้งกระดอนตามแรงตอกอัดจากด้านหลัง เล่ออี้คว้าเต้างามเป็นที่จับยึดทั้งสองข้าง ร่างแกร่งก้มลงตอกสะโพกเข้าสุดแรง ความเสียวกระสันพุ่งทะยานขึ้นถึงขีดสุด น้ำขาวขุ่นแตกทะลักออกจากจุดเชื่อมของบุรุษและสตรี น้ำรักไหลอาบท่อนลำที่ยังแช่ค้างอยู่จนหยดเยิ้มลงสู่ผ้าปูที่นอนเนื้อละเอียด เขาถอนแก่นกายออกช้า ๆ ทั้งสองร่างยังเหนื่อยหอบ ขาเรียวงามของนางสั่นระริก ช่องสวาทตอดรัดอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขาคลายวงแขน มือหยาบปล่อยเต้างามในอุ้งมือออก
กายแข็งแกร่งลุกยืนขึ้นก้าวเท้าลงจากเตียง ร่างเปลือยสูงใหญ่ยืนตรงหน้านางอย่างไม่มีความกระดากอาย หญิงสาวหยัดกายพาร่างระหงลงจากเตียง ยอบกายคารวะเขาตามศักดิ์ นางเดินไปที่โต๊ะกลางห้องแบบไร้อาภรณ์ติดกาย สายลมพัดเข้ามาพาความหนาวเย็นพัดเข้าในห้องจนกายนางสั่นสะท้าน
หวินชิงหยิบผ้าสะอาดชุบน้ำบิดจนหมาดเดินมาเบื้องหน้าชินหวางอ๋องเล่ออี้ นางเช็ดผ้าสะอาดไปตามร่างกายของชายหนุ่ม ร่างเปลือยของหญิงสาวอันเต็มไปด้วยรอยจ้ำ รอยประทับ พร้อมรอยฟันบนทรวงอกนั่งลงคุกเข่าเช็ดผ้าหมาดทำความสะอาดกลางกายบุรุษ
นางเดินไปหยิบอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เขาสวม ชินหวางอ๋องเล่ออี้มองนางอย่างเฉยชา ร่างงามของหญิงสาวสวมอาภรณ์ลำลองสีแดงสดราวกับชุดเจ้าสาวในคืนเข้าหอ
“เอาสุราเข้ามา” เสียงเข้มกังวานของเล่ออี้ร้องสั่งนางกำนัลภายนอก
นางกำนัลยกถาดทองคำเข้ามา บนถาดมีจอกสุราสีทองประดับอัญมณีเพียงจอกเดียว ไร้กาสุรา ไร้จอกคู่อันควรต้องดื่มด้วยกันหลังกิจกรรมอันหฤหรรษ์จบลง
“หวินชิงดื่มสุราเสียเถิด”
“หากท่านต้องการเช่นนั้น ข้าก็ไม่ขัดข้อง”
“หวังว่าเจ้าคงเข้าใจข้า”
“ข้าเข้าใจ”
หวินชิงเดินเข้ามานั่งข้างเขา ชินหวางอ๋องเลื่อนจอกสุราไปตรงหน้านาง ภายในมีสุรานารีแดงส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย เขามองจ้องนางทั้งเนื้อทั้งตัวราวกับอยากเก็บความทรงจำทุกสิ่งไว้ในเสี้ยวสมอง สายตาคมกล้ามองนางทุกอณูกาย มองไล้บนใบหน้างาม มองทรวดทรง สายตาแข็งกร้าววูบไหวจนเห็นเงานางร่างนางในดวงตาคมสีหมึก
เขามองจ้องจอกสุรา
มือเรียวขาวยกสุราขึ้นดื่ม นางกระดกสุราเข้าปากจนหมดจอก
ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอจนไหลรินล้นออกทางหางตา ปากบางเม้มเข้าหากันเก็บกลั้นทุกอารมณ์ความรู้สึก นางจ้องมองหน้าเขาเหมือนมีคำถาม ความเจ็บร้าวอย่างไม่อาจอธิบายออกมาได้เป็นตัวอักษร ความน้อยใจ ความเสียใจ นางเม้มปากสั่นระริกพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความโศกศัลย์อาดูร นางไม่กล่าวสิ่งใดแม้เพียงครึ่งคำ
ร่างบางสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาดึงนางเข้ามากอดไว้ในวงแขน
ความเจ็บปวดดั่งเข็มพันเล่มเข้าทิ่มแทงทั่วกายนาง ความทรมานเมื่อเสี้ยวลมหายใจสุดท้ายได้ถูกพรากไปจากกายเนื้อ ลมหายใจนางแผ่วลง หยดเลือดไหลซึมออกจากมุมปากอวบอิ่ม เขายกมือเช็ดเลือดที่มุมปากให้นาง มองหน้างามที่คล้ายเพียงหลับใหลในอ้อมกอด
“ม่อซาน เข้ามา” เขาตะโกนเรียกหัวหน้าองครักษ์เข้ามา
ชินหวางอ๋องอุ้มร่างนางไปวางบนเตียงกว้าง คลุมผ้าห่มให้นางอย่างอ่อนโยน เขาจับมือนางขึ้นมากุมไว้ มองหน้างดงามล่มแคว้นค่อยซีดลง เขานั่งอยู่อย่างนั้น นั่งมองนางจนรุ่งสาง
หัวหน้าองค์รักษได้แต่ยืนเฝ้าผู้เป็นนายอยู่ด้านข้าง ยืนมองชินหวางอ๋องนั่งจ้องร่างไร้วิญญาณของพระชายาเอก
“นางตายแล้ว” เล่ออี้เอ่ยออกมาแผ่วเบา
“ให้เคลื่อนขบวนศพพระชายาไปสุสานราชวงศ์ยามใดพ่ะย่ะค่ะ”
“ปลายยามเซิน”
ชินหวางอ๋องเล่ออี้ประทานสุราพิษให้ชายาเอก บุรุษผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นดั่งร่มไทร เป็นโลกทั้งใบของภรรยา
เขาฆ่าเมียของตัวเอง