เมื่อฉันเข้าไปในคาบครั้งแรก สอนนักเรียน ม 6 ฉันอายุ 22 นักเรียนม 6 บางคนอายุ 18 จะ 19 แล้วด้วยซ้ำ ฉันก็มีหวั่นๆบ้าง แต่ต้องพยายามเก็บอาการ ฉันจะให้นักเรียนรู้ไม่ได้ว่าฉันกำลังกลัว เด็กๆ เมื่อเจอกันครั้งแรก ฉันก็แนะนำว่าชื่ออะไร มาจากไหน จบจากมหาวิทยาลัยอะไร แน่นอน บางคนก็แอบกวนตีนฉัน หรือบางคนก็มีคำถามแปลกๆ เช่น ฉันมีแฟนรึยัง ฉันชอบคนแบบไหน หรือแม้แต่ ฉันมีลูกกี่คน ซึ่งฉันก็พยายามที่จะไม่ตอบคำถามไร้สาระเหล่านั้น ฉันต้องทำเคร่งครึมเมื่ออยู่ในคาบเรียน แต่พอฉันเริ่มสอน แน่นอนว่าอีตาหัวโจกของห้อง พรหมเทพ เริ่มฟุบลงบนโต๊ะทันที
‘พรหมเทพ ลุกขึ้นตอบคำถามข้อนี้เลย’ ฉันก็พยายามจัดการขั้นเรียน เลยเรียกนักเรียนที่กำลังหลับอยู่มาตอบคำถาม แน่นอนว่าเขาตอบไม่ได้ ฉันเลยบอกว่า ถ้ารอบหน้าหลับอีก ฉันจะให้ยืนเรียนจริงๆ ด้วย เขาทำหน้าเบื่อหน่ายราวกับว่าฉันเจ้ากี้เจ้าการเกินไป
พอออกจากห้องปุ๊ป
‘โหหหห ครูลิน มาใหม่แต่เข้มมาก งัยไอเพชร ไม่กล้านอนกันเลยทีเดียว’ ต้นเอ่ยแซวเพื่อนที่ปกติมันจะกลับทุกวิชา
‘กูรำคาญ ไม่อยากฟังเสียงบ่น เลยไม่หลับต่างหาก’
‘สวยเหน๊าะ อายุแค่ 22 ห่างจากพวกเราแค่ 4 ปีเอง 5555 มีกำลังใจเรียนขึ้นเยอะ’ เด็กผู้ชายอีกคนกล่าวสมทบ
ฉันที่เดินตามหลังพวกมันมาอดกระแฮ่มบอกให้รู้ว่า ได้ยินนะที่กำลังนินทาอยู่
เฮ้อ ความฝันที่จะเจอเด็กน่ารักๆ พังสลายลงในพริบตา ได้แต่กรอกตาไปมา..
แล้ววันเสาร์ - อาทิตย์นี้ ก็เป็นวันที่ฉันต้องออกไปเยี่ยมบ้านนักเรียน ฉันให้นักเรียนส่งgoogle map มาให้แล้วปักหมุดให้สัญญาณ แน่นอนว่านักเรียนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยกเว้น พรหมเทพ ที่มันแกล้งปักหมุดบ้านผิดหลังให้ฉัน จนฉันต้องถามคนแถวนั้นว่าบ้านของนักเรียนคนนี้อยู่ที่ไหน อย่าให้เจอนะ แม่จะด่าให้เข็ด ไอเด็กบ้า ฉันไปหลงเสียเวลาอยู่ตั้งนาน
พอฉันขับไปถึงบ้านของพรหมเทพ ปรากฏว่าเป็นอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ มีลูกน้องที่เป็นผู้ชายหลายสิบคน ฉันลงไปยืนเก้ๆกังๆอยู่อย่างงงๆ จึงตัดสินใจถาม พนักงานที่อู่คนนึงที่กำลังก้มๆเงยๆ ซ่อมรถอยู่
‘ขอโทษนะคะ นี้บ้านนักเรียนที่ชื่อ พรหมเทพ ใช่มั๊ยค่ะ’ พนักงานคนนั้นหันมามอง แม่เจ้า.. หน้าตาก็หล่อดีนะ แต่เถื่อนๆ รอยสักโผล่ออกมาจากแขนขวาทั้งแขน ดูรวมๆแล้วน่ากลัวมาก พอฉันพูด ทุกคนในอู่ก็หันมามองฉัน แต่ละคนเป็นผู้ชาย พอมองฉันเป็นตาเดียวก็รู้สึกกลัวมาก บางคนก็แอบยิ้มเขินๆ บางคนก็ทำเสียงแซว จนฉันอยากจะหนีไปจากตรงนี้ ยกเว้นพนักงานที่ฉันถามคนแรก เขาหันมามองเรียบๆ แววตาน่ากลัวพอๆกับหน้าตา
‘ไอยอด ไปปลุกให้เพชรดิ๊ บอกว่าสาวมาหา’ เขาหันไปสั่งเพื่อนอีกคน ให้ไปปลุกพรหมเทพให้ฉัน
‘เอ่อ ไม่ใช่สาวค่ะ เป็นครูที่ปรึกษามาเยี่ยมบ้าน’ ทันทีฉันพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น
‘โห ทำไมตอนดูเรียนไม่มีแบบนี้ว่ะ มีแต่ครูแก่ๆ เหี่ยวๆ’
‘ว่าทำไมไอเพชรตั้งใจเรียนขึ้นช่วงนี้’
‘เห้ย ไอโจ มึงไปเป็นผู้ปกครองวันก่อน ไม่กลับมาบอกเลยนะ ว่าเจอของดี’
‘เป็นครูได้งัย ทำไมเด็กจัง แถมจังขาววว สวยมาก’ และอีกมากมาย เรียกได้ว่าฉับแทบอยากให้ธรณีสูบฉันให้หายไปจากตรงนั้น
‘แล้วเอ่อ ขอพบผู้ปกครองพรหมเทพด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าคนไหน’ ฉันรวบรวมความกล้า พยายามรักษาความเคร่มขรึม แล้วพูดอย่างเป็นทางการ อีตาพนักงานคนเถื่อนนั้นก็พูดขึ้น
‘ฉันนี้แหละ ผู้ปกครองไอเพชร’ ฉันมองเขาอย่างตกตะลึง
‘คุณพ่อของพรหมเทพหรอค่ะ’
‘ไม่ใช่ ฉันเป็นพี่ชาย’ เขาตอบเสียงเรียบแต่แววตาเป็นกระกายขบขัน คิดได้งัยว่าเขาเป็นพ่อมัน เขาจะมีลูกตอนอายุ 9 ขวบรึงัย เพลิงคิดในใจ ยัยครูคนนี้ดูเด็กชะมัด เพิ่งจบใหม่แน่ๆ จะเอาไอเพชรอยู่หรอ ขนาดเขาเป็นพี่ บางครั้งเขาห้ามปรามอะไรมันแทบไม่เชื่อ ต้องคุยกับหมัดเท้าเข่าศอก ตามประสาพี่น้องที่รักกันดี ตีกันตาย
พะ พี่ชาย !!!
‘แล้วไม่ทราบว่า พ่อแม่ของพรหมเทพไปไหนหรอค่ะ ขอพบพ่อแม่ได้มั๊ยค่ะ’ นลินนา คิดว่าเธอน่าจะคุยกับพี่ชายเขาไม่รู้เรื่องแน่ เพราะดูแล้ว เขาไม่น่าจะปกครองใครได้ แม้แต่ตัวเอง
‘ตายหมดแล้ว เฮ้ย ไอโจ มึงมาดูคันนี้ซิ กูต้องคุยกับครูไอเพชรก่อน’ เธอมองท่าทีห่ามๆนั้นแล้ว ก็พอเข้าใจแล้วว่า ทำไม พรหมเทพ ถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ ก็เขาขาดพ่อแม่ แถมยังมีพี่ชายแบบนี้อีก เห้อ!!! นลินนาจะถอดหายใจ
เธอนั่งรอพรหมเทพอยู่บนโซฟาในห้องรับรองแขกของอู่ซ่อมรถ โดยที่มีช่างทำงานด้านนอกเยอะแยะมา ถือว่าเป็นอู่ขนาดใหญ่ มีรถเข้ามาใช้บริการเยอะแยะ อีตาพี่ชายของพรหมเทพ ยื่นสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก ยังดีที่เขาให้ลูกน้องยกน้ำ ยกขนมมาให้เธอ แต่เธอก็กินไม่ลงหรอก เธอชะเง้อจนคอยาวเหมือนยีราฟเพื่อรอนักเรียนลงมาจากห้อง เป็นครึ่งชั่วโมงกว่าพรหมเทพจะลงมา แถมยังลงมาในสภาพที่เพิ่งตื่นนอน แต่ยังดีที่ลงมาแล้วยกมือไหว้เธอ ยังดีที่เห็นเธอเป็นครูอยู่
‘พรหมเทพ ไปตามผู้ปกครองมาคุยกับครูไป’ หญิงสาวหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า เพื่อเตรียมตัวสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้ปกครอง บอกเลยไปบ้านไหน ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าบ้านนี้