ตอนที่ 12
รักษาสัญญาในอดีต
หลานชายเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปแล้วคุณยายราตรีก็ยิ้มอย่างมีความสุข และตอนนี้เธอก็กำลังรอให้เมลินญาน์กลับมาจากการเก็บเงินที่ตลาด วันเสาร์แบบนี้เป็นวันที่หญิงสาวเก็บเงินในตลาดหน้าหมู่บ้านจึงขออนุญาตขี่รถจักรยานยนต์ไปเก็บเองจากนั้นค่อยเข้ามาที่นี่
เสียงรถจักรยานยนต์ของเมลินญาน์เข้ามาจอดในเวลาสิบเอ็ดโมงคุณยายราตรีรีบเดินออกมาหาเธอด้วยความร้อนใจเพราะอยากจะฟังคำตอบที่คุยกับหญิงสาวไว้เมื่อวาน
“สวัสดีค่ะคุณยาย”
“สวัสดีจ้ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะเมลินเก็บได้ครบหรือเปล่า”
“ไม่ครบสองคนค่ะ พอดีคุณน้าเจ้าของแผงผักกับแผงปลาไปทำบุญที่ต่างจังหวัดหนูโทรคุยแล้วแกบอกว่ากลับมาจะจ่ายควบสองอาทิตย์ค่ะ คุณยายล่ะคะวันนี้เป็นยังไงบ้างเหนื่อยหรือเปล่า”
“ไม่เหนื่อยเลย”
“คุณยายทานยาตอนเช้าแล้วใช่ไหมคะ”
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ แล้วหนูล่ะลูกกินข้าวกินปลามาแล้วใช่ไหม”
“ข้าวเช้ากินมาแล้วค่ะ ข้าวกลางวันก็มาฝากท้องกับคุณยายอย่างเดิม”
“หนูไปหาน้ำหาขนมกินก่อนนะอย่าเพิ่งเริ่มงานเลย เอาขนมมานั่งกินกับยายที่ห้องนั่งเล่นก็ได้ ยายมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ได้ค่ะ”
เมลินญาน์เดินเข้าไปในครัวเตรียมน้ำขนมและผลไม้สำหรับคุณยายจากนั้นก็เดินไปหาท่านที่ห้องเล่นซึ่งเป็นที่ประจำของคุณยายไม่ใช่ห้องรับแขกที่ไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่
“คุณยายจะคุยอะไรคะ” หญิงสาวเดาว่าท่านคงจะคุยเรื่องการแต่งงานอย่างแน่นอน
“ก็เรื่องที่เราคุยค้างกันไว้เมื่อวานหนูตัดสินใจแล้วใช่ไหมล่ะเมลิน”
“หนูยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะคุณยาย หนูมีคำถามอยากจะถามคุณยายเหมือนกันค่ะ” แม้ว่าตอนนี้ใจของเมลินญาน์ก็เอนเอียงไปบ้างแล้วแต่หญิงสาวก็อยากจะรู้ว่ามีเหตุผลอะไรเพิ่มเติมจากเมื่อวานหรือเปล่า
“หนูเมลินอยากรู้อะไรหนูถามมาได้เลยนะลูก”
“ทำไมคุณยายถึงอยากได้หนูเป็นหลานสะใภ้คะ ทั้งที่หนูไม่มีอะไรเลยแล้วคุณยายก็รู้ว่าสิ่งที่หนูต้องการมันก็คือบ้านกับตึก ถ้ามองจากมุมนี้มันเหมือนกับหนูแต่งงานเพื่อหวังสมบัติเหล่านั้นและคงไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัวเลย”
“หนูอย่าคิดมากเรื่องตึกกลับบ้าน สองอย่างนั่นมันเป็นสมบัติที่หนูควรจะได้รับ”
“แต่คนที่เอาของพวกนั้นไปจากหนูไม่ใช่คุณยายนะคะ น้าวารีต่างหากล่ะ คุณยายจะมารับผิดขอบเรื่องนี้แทนเขาทำไมคะ”
“ยายรู้แต่ยายก็มีอีกผลหนึ่งที่ยายอยากได้หนูมาเป็นหลานสะใภ้ หนูมานั่งข้างๆ ตรงนี้สิ” คุณอย่าขยับให้เมลินญาน์เขามานั่งข้างๆ แล้วเธอก็หยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดไปยังรูปถ่ายที่ตัวเองถ่ายกับเพื่อนรักไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน
“รูปคุณยายเหรอคะ”
“ใช่แล้วนี่เป็นรูปถ่ายของยายในวันที่เรียนจบ ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คือเพื่อนรักของยายเอง”
“คุณยายสวยมากเลยนะคะเพื่อนของคุณยายก็สวยมากด้วยค่ะแต่เพื่อนคุณยายหน้าตาคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“เพื่อนของยายเธอชื่อทับทิมจ้ะ”
“ชื่อเหมือนคุณยายของหนูเลยนะคะ แต่หนูไม่เคยเจอคุณยายทับทิมตัวจริงหรอกค่ะแม่บอกว่าท่านเสียไปนานแล้ว”
“ถ้ายายบอกว่าคนที่อยู่ในรูปก็คือยายทับทิมของหนูล่ะจะเชื่อยายไหม”
“อะไรนะคะคุณยาย นี่คุณยายของหนูจริงๆ เหรอคะ หนูไม่เคยเห็นรูปคุณยายเลยคุณแม่บอกว่าตอนออกมาจากบ้านไม่ได้เอารูปถ่ายของท่านติดตัวมา” หญิงสาวถามคุณยายด้วยน้ำตาคลอ
“คุณยายของหนูกับยายเป็นเพื่อนรักกัน ตอนสมัยเรียนเราช่วยเหลือกันตลอด แต่พอเรียนจบต่างก็แยกย้ายกันไปตามทาง ยายก็ได้ข่าวคราวบ้างแต่ไม่ได้เจอกันบ่อยจนรู้ว่าทับทิมเสียชีวิตไปแต่ก่อนหน้านั้นเรามีสัญญาบางอย่างต่อกัน”
“สัญญาอะไรเหรอคะคุณยาย”
“เราสัญญากันว่าถ้ามีลูกแล้วจะให้ลูกของเราแต่งงานกัน แต่มันก็น่าเสียดายที่ยายมีลูกคนเดียวและเป็นผู้หญิงส่วนทับทิมก็มีลูกคนเดียวเป็นผู้หญิงซึ่งก็คือคุณแม่ของหนู”
“จริงเหรอคะคุณยายบังเอิญมากเลยนะคะ”
“ตอนแรกยายก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วจนกระทั่งเจอกับหนู แล้วหนูบอกว่าตึกหลังนั้นเป็นสมบัติของแม่ ยายก็เลยให้คุณสืบดูว่าเดิมทีมันเป็นของใคร ยายจึงรู้ว่าหนูคือหลานสาวของทับทิม”
“โลกมันกลมจริงๆ เลยนะคะคุณยาย”
“ใช่จ้ะโลกมันกลมมาก”
“เหตุผลที่คุณยายอยากจะให้หนูแต่งงานกับหลานชายคุณยายเพราะคำสัญญาในอดีตเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ หนูอาจจะมองว่ามันเป็นคำสัญญาที่ไร้สาระแต่สำหรับยายแล้วมันเป็นเรื่องจริงจังมาก ยายกับทับทิมรักกันคอยช่วยเหลือกันมาตลอด เราก็ได้แต่หวังว่าเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ยิ่งตอนนี้ยายป่วยยายก็อยากเห็นคำสัญญาของยายเป็นจริงก่อนที่ยายจะเป็นอะไรไป”
“คุณยายอย่าพูดแบบนั้นสิคะ ถึงคุณยายจะป่วยแต่ถ้าทานยาตามที่หมอสั่งคุณยายก็จะมีอายุยืนยาวนะคะ อย่าเครียดเลยนะคะคุณยาย” หญิงสาวจับมือของคุณยายไว้ เธอรู้ว่าท่านคงกำลังเครียดเรื่องนี้อยู่มากและ เธอได้มีโอกาสคุยกับหมออำนาจถึงเรื่องอาการของท่านคุณหมอก็กำชับว่าอย่าทำให้ท่านเครียดหรือไม่สบายใจเพราะมันจะกระทบกับหัวใจของท่านได้
“จะไม่ให้ยายเครียดได้ยังไงล่ะตอนนี้ทับทิมก็ไม่อยู่แล้วเหลือแค่ยายอยู่บนโลกนี้แต่ยายกลับทำตามสัญญานั้นไม่ได้”
“คุณยายคะ......” เมลินญาน์กำลังใช้ความคิดหญิงสาวรู้ว่าจะตัดสินใจยังไงดี คำสัญญาที่คุณยายราตรีพูดหญิงสาวไม่รู้ว่ามันจะมีจริงหรือเปล่าแต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเศร้าของคุณยายราตรีเวลามองรูปถ่ายแล้วเธอก็เชื่ออย่างหมดใจว่ามันอาจจะมีคำสัญญานั้นจริงๆ ก็ได้
“ยายขอโทษนะที่ต้องพูดเรื่องในอดีตมันทำให้หนูเมลินต้องเครียดตามยายไปด้วย ยายก็แค่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังสักคน เพื่อนฝูงของยายก็แก่กันมากแล้ว ยายก็ไม่รู้จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง” คุณยายพูดอย่างสิ้นหวังเสียงเธอสั่นน้ำตาคลอ
“หนูจะแต่งงานกับหลานชายของคุณยายก็ได้ค่ะ”
“หนูเมลินยายรู้ว่าหนูอึดอัดใจกับเรื่องนี้มาก ยายไม่อยากจะบังคับหนูหรอกนะ ยายก็แค่อยากจะขอร้อง หนูไม่ต้องทำตามใจทุกอย่างก็ได้ เรื่องที่ยายขอมันมากเกินไป”
“คุณยายคะหนูเต็มใจจริงๆ ค่ะ ตอนนี้หนูก็ยังไม่มีแฟนเพราะฉะนั้นการแต่งงานกับหลานชายของคุณยายคนมันก็ไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ”
“หนูพูดจริงใช่มั้ยลูก หลานชายของยายเขาอาจจะอายุมากกว่าหนู” คุณยายยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ฟังคำตอบตกลงของเมลินญาน์
“หนูจะพยายามปรับตัวค่ะคุณยาย”
“ขอบใจนะเมลิน ยายขอบใจที่ทำให้ยายรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับทับทิมได้ ส่วนเรื่องการแต่งงานหนูอยากจัดงานแต่งงานแบบไหนยังไงล่ะ”
“หนูไม่ต้องการงานแต่งงานใหญ่โตอะไรหรอกค่ะคุณยาย”
“จะไม่มีพิธีการแต่งงานเลยก็ได้ไม่ได้หรอกนะลูก ยังไงเราก็ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องเรื่องนี้ยายว่าคงต้องเรียกหลานชายของยายมาคุยด้วย หลานชายของคุณยายเขายอมตกลงแต่งงานกับหนูเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ยายเพิ่งคุยกับเขาเมื่อเช้า ตอนนี้เขาก็อยู่บนห้องนอนของเขานั่นแหละกลางวันนี้ก็คงจะได้เจอกัน จากนั้นเราจะคุยกันเรื่องแต่งงานอีกทีตกลงไหม”
“คุณยายคะหนูขอคุยกับเขาตามลำพังก่อนได้ไหม คุณยายอย่าเพิ่งบอกว่าหนูตกลงจะแต่งงานกับเขานะคะ”
“ได้สิ หนูจะคุยตอนนี้เลยไหมยายจะได้ให้ปัทไปตาม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รอให้ทานอาหารกลางวันเสร็จก่อนค่อยคุยก็ได้ หนูขอเอาเงินเข้าไปเก็บในห้องก่อนนะคะคุณยายแล้วจะออกมาตอนทานข้าวค่ะ”
จากนั้นเมลินญาน์ก็ถือกระเป๋าใส่เงินเข้าไปเก็บในห้องทำงานจากนั้นก็นั่งทำงานต่อจนถึงเวลาทานอาหารกลางวัน