ตอนที่ 6
อยากเป็นโรคหัวใจ
เมลินญาน์มาทำงานที่บ้านคุณยายได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว งานที่ทำก็เริ่มเข้าที่ หญิงสาวไปเก็บเงินที่ตลอดทั้งสามแห่งจากนั้นก็กลับมาทำบัญชีที่ห้องทำงาน
ในระหว่างที่ทำงานนั้นคุณยายราตรีก็จะให้เธอนั่งทำงานตามลำพังและท่านจะเข้ามาชวนคุยบ้างเป็นครั้งคราวหรือบางครั้งเมลินญาน์ก็จะออกมาชวนท่านคุย
หญิงสาวรู้สึกว่าคุณยายราตรีเป็นผู้ใหญ่ใจดีและเธอก็รู้สึกนับถือท่านเหมือนกับเป็นคุณยายแท้ๆ เนื่องจากตอนนี้หญิงสาวไม่มีญาติที่ไหนเลย
บ่ายวันนี้หลังจากทานอาหารกลางวันแล้วเมลินญาน์ก็กลับเข้ามาทำงานในห้องเหมือนกับทุกวัน หญิงสาวกำลังมีสมาธิกับตัวเลขตรงหน้าเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“เข้ามาได้เลยค่ะ”
“เมลิน ยุ่งอยู่ไหม”
“ไม่ค่ะพี่ปัท มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ออกไปดูคุณท่านหน่อยสิ เหมือนท่านจะไม่สบายเลย”
หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกมาจากห้องทำงานก็เห็นคุณยายกำลังนั่งดมยาดมและน้าประนอมกำลังพัดให้ท่านอยู่
“คุณยายเป็นอะไรคะ” เมลินญาน์ถามด้วยความร้อนใจ
“ยายเวียนหัวนิดหน่อยจ้ะ”
“หนูว่าไปหาหมอดีกว่านะคะคุณยาย”
“น้าก็ชวนแล้วแต่คุณยายท่านไปยอมไป หนูเมลินช่วยน้าหน่อยนะ” น้าประนอมรีบฟ้อง
“คุณยายคะ ทำไมถึงไม่อยากไปโรงพยาบาลล่ะคะ”
“ก็ยายไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อยแค่เวียนหัวแล้วก็มีใจสั่นอีกนิดหน่อย”
“หนูว่าไม่หน่อยแล้วนะคะ ไปหาหมอเถอะค่ะ นะคะเดี๋ยวหนูจะไปกับคุณยายด้วย น้าประนอมคะบอกน้าเดชเตรียมรถเลยค่ะ”
น้าประนอมวิ่งไปบอกสามีส่วนเมลินญาน์และปัทมาก็ช่วยกันประคองคุณยายไปที่รถ
ระยะทางจากบ้านมาที่โรงพยาบาลใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีรถของคุณยายราตรีก็มาถึง
“คุณยายคะให้หนูเข้าไปด้วยเพื่อนมั้ยคะ” เมลินญาน์ถามเมื่อพยาบาลหน้าห้องตรวจเรียกชื่อคุณยายราตรี
“ไม่เป็นไรจ้ะ ยายเข้าไปคนเดียวได้ ถ้ามีอะไรยายจะให้พยาบาลออกมาตามนะ”
“ได้ค่ะคุณยาย”
พยาบาลหน้าห้องตรวจประคองคุณยายเข้าไปด้านในห้องตรวจส่วนเมลินญาน์นั้นนั่งรออยู่หน้า เธอค่อนข้างเป็นกังวลเพราะไม่รู้เลยว่าคุณยายจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า
“สวัสดีครับคุณยาย” คุณหมออำนาจทักทายอย่างเป็นกันเองเขาเป็นแพทย์ประจำตัวของคุณยายราตรีมานานหลายปีซึ่งรับช่วงต่อมาจากบิดาที่ท่านเกษียณไปแล้ว
“คุณยายไม่สบายตรงไหนครับ ทำไมไม่โทรให้ผมไปตรวจที่บ้านจะลำบากมาเองทำไมล่ะครับ”
“ยายก็อยากจะออกมาสูดอากาศนอกบ้านบ้างสิหมอ”
“คุณยายครับที่โรงพยาบาลอากาศไม่น่าสูดหรอกนะครับ ว่าแต่วันนี้คุณยายเป็นอะไรมาครับ”
“ยายไม่เป็นอะไรหรอกจะหมอ”
“แต่พยาบาลลงในประวัติว่าคุณยายเวียนหัว แล้วก็ใจเต้นแรงนะครับ นอกจากที่บอกพยาบาลแล้วมีอาการอย่างอื่นอีกไหมครับ”
“ถ้ายายไม่บอกแบบนั้นแล้วเขาจะให้ยายเข้ามาตรวจกับหมอไหมล่ะคะ”
“คุณยายหมายความว่ายังไงครับ”
“ยายอยากจะให้หมอช่วยอะไรยายสักหน่อย”
“อะไรครับคุณยายหรือว่ายายอยากตรวจสุขภาพชุดใหญ่เดี๋ยวผมจะดูให้นะครับว่าคุณยายต้องตรวจอะไรบ้าง แต่คุณยายเพิ่งตรวจสุขภาพไปไม่กี่เดือนเองนะครับ สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงดีทุกอย่างแข็งแรงกว่าคนอายุเท่ากันตั้งเยอะ” คุณหมอดูประวัติของคุณยายจากหน้าจอแล้วก็ถามด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องตรวจให้เสียเวลาหรอกค่ะหมอ ตอนนี้ยายป่วยเป็นโรคหัวใจ”
“อะไรนะครับ คุณยายไปตรวจที่ไหนมา ผมขอฟังเสียงหัวใจหน่อยนะครับ”
หมออำนาจมีท่าทางตกใจเขารีบจับหูฟังขึ้นมาจากนั้นก็ฟังเสียงหัวใจของคุณยายอย่างละเอียด
“คุณยายครับเท่าที่ผมฟังดูไม่มีอะไรผิดปกติเลยแต่เพื่อความมั่นใจเดี๋ยวผมจะส่งคุณยายไปทำตรวจเพิ่มนะครับ” คุณหมออยากจะตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะวินิจฉัย
“ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอกยายไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่เมื่อกี้คุณยายบอกผมว่าเป็นโรคหัวใจ”
“ยายก็แค่อยากเป็นโรคหัวใจค่ะคุณหมอ”
“คุณยายกำลังเล่นอะไรอยู่ครับนี่”
คุณหมอก็แค่ช่วยไปบอกหลานชายของยาย ว่ายายเป็นโรคกำลังเป็นโรคหัวใจและอาการไม่ดีเท่าไหร่ เพื่อให้เขาทำตามที่ยายต้องการ ถ้าเขาขัดใจอาการของยายจะกำเริบและเกิดหัวใจวายตายได้”
“คุณยายจะทำแบบนั้นไปทำไม”
“ยาก็แค่อยากให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ยายหาให้” คุณยายบอกความจริงกับคุณหมอเพราะอยากจะให้เขาช่วย
“ผมขอโทษนะครับคุณยาย ผมคงช่วยคุณยายไม่ได้ มันผิดจรรยาบรรณครับคุณยาย ผมว่าคุณยายลองคุยกับหลานชายดีก่อนไหมเผื่อเขาจะทำตามที่คุณยายบอก”
“ยายผิดหวังมานะที่หมอปฏิเสธแบบนี้ ยายนึกว่าที่ผ่านเราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องแค่นี้หมอก็ช่วยยายไม่ได้”
“คุณยายครับ”
คุณยายราตรีทำหน้าผิดหวังและนั่นก็ทำให้คุณหมอเองก็รู้สึกหนักใจ
“คุณยายกำลังบังคับผมอยู่นะครับ”
“มีตรงไหนบ้างที่ยายบังคับ ยายก็แค่ขอร้อง ช่วยยายหน่อยได้ไหมคะ”
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครับคุณยายและคนเป็นโรคหัวใจมันต้องมียานะ”
“หมอก็จัดยาบำรุงแล้วก็เขียนหน้าซองให้ยายว่าเป็นยาโรคหัวใจสิ เรื่องแค่นี้ยายคิดว่าคนเก่งอย่างหมอทำได้อยู่แล้ว ยายเชื่อใจหมอ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เรื่องยาเดี๋ยวผมจะเอาไปส่งที่บ้านครับ แล้วจะผมโทรบอกคุณอัลเฟรโด้เลยไหม”
“ถ้าจะให้โทรตอนไหนยายจะโทรมาบอกหมอนะ ขอบคุณหมอมากที่ช่วยยาย”
เมื่อคุยกับคุณหมอแล้วคุณยายราตรีก็ปรับสีหน้าให้เรียบเฉยก่อนจะเดินออกมาด้านนอกซึ่งตอนนี้เมลินญาน์เดินกระวนกระวายใจอยู่
“หมอว่ายังไงบ้างคะคุณยาย”
“เดี๋ยวเรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ”
“คุณยายคะแล้วไม่มียาเหรอคะ”
“เดี๋ยวคุณหมอจะเอายาไปส่งให้ที่บ้านเองนะ เพราะยาที่ยายใช้ที่โรงพยาบาลนี้ไม่มีมันเป็นยาชนิดพิเศษ”
“คุณยายไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอกจ้ะเรากลับบ้านกันก่อนนะ”
กว่าเมลินญาน์และคุณยายราตรีจะถึงบ้านก็เกือบจะเป็นเวลาเย็นแล้ว
“คุณยายท่าทางเหนื่อยมากๆ เลยนั่งพักก่อนนะคะ” หญิงสาวพาคุณยายมานั่งที่ห้องรับแขกจากนั้นเดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำส้มกับองุ่นที่อยู่ในตู้เย็นเอามาให้คุณยาย
“ขอบใจนะเย็นนี้อยู่ทานข้าวกับยายได้ไหม”
“ได้ค่ะ” เพราะเห็นว่าคุณยายไม่ค่อยสบายเมลินญาน์เลยอยากอยู่ทานข้าวกับท่านแล้วค่อยกลับบ้านตอนหัวค่ำก็ได้
ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นคุณยายราตรีนอนดูทีวีห้องรับแขกส่วนเมลินญาน์ก็นั่งอยู่บนพื้นพรมคอยนวดให้คุณยายด้วยความเป็นห่วง