ผู้หญิงหน้าเงิน
" อย่าคิดว่ามีคุณย่าหนุนหลังแล้วฉันจะไม่กล้าหย่ากับเธอนะ อย่าคิดว่าฉันจะรักเธอ ฉันไม่มีวันรักผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอ จำเอาไว้ "
คำพูดของธามธารา ที่ตอกย้ำเธอในวันแต่งงาน
เธอจำได้ดี ตลอดสามปีที่ขวัญพิชชาอยู่ในบ้านอนันตโชติ ตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดตระกูลหนึ่ง ขวัญพิชชาอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เคยร้องขอสิ่งใดแม้กระทั่งเงินทอง เวลาเธอซื้อของใช้ส่วนตัว เธอใช้เงินของตัวเองที่เธอมีอยู่ ไม่เคยแตะต้องเงินของเขาแม้กระทั่งสินสมรส ซึ่งพ่อของเธอเสนอให้เก็บไว้ที่บ้าน พ่อจะเป็นคนดูแลให้ ซึ่งเธอก็ไม่ขัดข้อง และไว้ใจให้พ่อดูแลสินสมรสให้
จะมีก็แต่ค่าอาหารเท่านั้นที่เธอขอ ลำพังถ้าเอาเงินเธอออกมาใช้อย่างเดียวคงหมดในไม่ช้า เพราะขวัญพิชชาไม่ได้ทำงาน เธอเป็นแม่บ้านคอยปรนนิบัติดูแลสามีเพียงอย่างเดียว แต่ขวัญพิชชาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมธามธาราถึงยังคิดว่าเธอเห็นแก่เงิน
อาจจะเป็นเพราะธามธาราเคยมีแฟนที่คิดจะแต่งงานด้วย แต่พอเจอคนที่ร่ำรวยกว่าเขา ผู้หญิงคนนั้นกลับทิ้งเขาไป ทำให้เขาฝังใจมาจนทุกวันนี้
" ขวัญก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากคุณนะคะ เงินที่ขวัญขอก็เอามาทำอาหารให้คุณทาน แล้วขวัญก็จดรายการให้คุณดูทุกวันว่าขวัญซื้ออะไรเท่าไหร่ " ทุกครั้งที่ขอเงินซื้ออาหาร ธามธารามักแสดงท่าทีไม่พอใจ และชอบพูดจากระแนะกระแหนว่าให้เท่าไหร่ก็เคยพอ
" เมื่อไหร่คุณจะเลิกดูถูกขวัญซักทีคะ "
บางครั้งขวัญพิชชาก็อยากจะหนีไปให้พ้นๆคำดูถูกพวกนี้ คำก็หน้าเงิน สองคำก็หน้าเงิน
" เมื่อเธอเซ็นใบหย่าให้ฉัน และไปให้พ้นๆบ้านนี้ "
เป็นสิ่งที่ขวัญพิชชาก็อยากจะทำนะ แม้ใจจะรักเขามากแค่ไหน แต่ขวัญพิชชาก็เห็นแก่คุณปรางค์ทิพย์คุณหญิงย่าที่เมตตาเธอ เธอรู้ว่าคุณหญิงปรางค์ทิพย์ต้องการให้เธออยู่เพื่อกันผู้หญิงโลภมากออกจากชีวิตของธามธารา เธอจึงไม่กล้าทำให้คุญหญิงย่าผิดหวัง
" ขอเวลาขวัญหาเหตุผลให้คุณย่าก่อนได้มั้ยคะ หรือไม่ก็ขอเวลาขวัญตอบแทนบุญคุณท่านก่อน "
" อย่ามาอ้าง เธออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา หรือจะต้องรอให้พ่อเธอมาผลาญจนหมดก่อน ฉันไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ "
ขวัญพิชชาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดถึงพ่อเธอแบบนั้น
" แล้วพ่อขวัญไปเกี่ยวอะไรด้วยละคะ "
ธามธาราหันไปมอง แสยะยิ้ม
" หึ .. ไปถามพ่อเธอเองสิ น่าจะรู้นิสัยกันดี พ่อยังไง ลูกก็อย่างนั้น "
พูดจบธามธาราก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ขวัญพิชชามึนงงกับคำพูดของเขา
ตลอดสามปีที่แต่งงาน ธามธาราไม่เคยนอนกับเธอ เขาแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจผู้หญิงอย่างเธอ เขาจึงแยกห้องนอน จะเข้ามานอนในห้องก็ต่อเมื่อคุณหญิงย่ามาที่บ้าน
วันนี้ก็เช่นกัน
" แต่งงานกันมาตั้งสามปีแล้ว เมื่อไหร่จะมีหลานให้ย่าได้อุ้มซักทีละ "
" คือ ... ขวัญยังไม่พร้อมคะคุณย่า "
คำตอบที่เธอมักตอบคุณหญิงปรางค์ทิพย์ เมื่อคุณหญิงถามเรื่องหลาน
" ไม่พร้อมอะไรกันลูก เงินทองก็มีมากมายแล้ว จะมีลูกซักสิบคนก็ยังเลี้ยงไหว ตาธามก็หาเงินเก่งขนาดนี้ไม่พร้อมอะไรอีก "
" ผมว่าเรื่องลูก ค่อยว่ากันเถอะครับ ผมก็ยังไม่อยากมี กลัวลูกเกิดมาจะเห็นแก่เงิน ยิ่งรู้ว่ามีเงินมาก จะคุมนิสัยยาก " ขวัญพิชชามองหน้าเขา ทำไมต้องกระแนะกระแหนเธอต่อหน้าคุณย่าด้วย
" หมายความว่ายังไงตาธาม "
ไม่ใช่ว่าคุณหญิงปรางค์ทิพย์ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ที่บาดหมางของหลานทั้งสอง ธามธาราแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากแต่งงาน และรังเกียจผู้หญิงที่คุณย่าหาให้ แต่เธอก็ไม่ละความพยายามที่จะทำให้ทั้งสองรักกัน หลานชายเธอเป็นคนหน้าตาดี ทั้งหล่อทั้งรวยมีผู้หญิงเข้าหามากมายซึ่งผู้หญิงเหล่านั้นล้วนสนใจในหน้าตาและเงินทองเพียงเท่านั้น ไม่ได้จริงจังกับหลานชายของเธอหรอก เธอรู้ดี เธอเชื่อว่า เธอเลือกผู้หญิงที่ดีที่สุดให้หลานชายของเธอ และเธอก็เชื่อว่า เธอมองคนไม่ผิด แต่หลานชายเธอกลับมองไม่เห็น
" ก็หมายความตามที่พูดครับ " ผมมีนัด คงไม่อยู่ทานข้าวเย็นด้วย
ไม่รอให้คุณหญิงปรางค์ทิพย์ได้พูดอะไร ธามธาราลุกออกไปทันที
คุณหญิงปรางค์ทิพย์ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับความเอาแต่ใจของหลานชาย พลางหันไปมองหน้าหลานสะใภ้ ก็อดสงสารไม่ได้
คุณหญิงปรางค์ทิพย์รู้จักขวัญพิชชามาก่อน ขวัญพิชชาเคยช่วยเธอตอนประสบอุบัติเหตุเมื่อครั้งไปดูงานที่เชียงใหม่ วันนั้นเลือดไม่พอ ขวัญพิชชาที่ไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล ได้ยินหมอคุยกับพยาบาลว่าเลือดไม่พอ ความบังเอิญที่ขวัญพิชชามีเลือดกรุ๊ปที่คุณหมอต้องการ เธอตัดสินใจบริจาคเลือดให้คุญหญิง วันนั้นถ้าไม่ได้ขวัญพิชชา คงไม่มีชื่อคุณหญิงปรางค์ทิพย์มานั่งอยู่ตรงนี้ หนำซ้ำพอบริจาคเลือดให้ ขวัญพิชชาก็อยู่ดูแลคุณหญิงปรางค์ทิพย์จนกระทั่งฟื้น หลังจากสลบไปห้าวันเต็มๆ ขวัญพิชชารู้ว่าคุณหญิงปรางค์ทิพย์เป็นใคร เหมือนกับที่คุณหญิงปรางค์ทิพย์เองก็รู้ว่าขวัญพิชชาเป็นใคร แต่ขวัญพิชชาอาจไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคุณหญิง
ขวัญพิชชาเธอน่ารัก ชอบช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย คุณหญิงปรางค์ทิพย์ประทับใจในตัวขวัญพิชชา เธออยากให้ขวัญพิชชาแต่งงานกับหลานชายของตระกูล จึงไปขอขวัญพิชชากับพ่อของเธอ โดยเสนอสินสอดร้อยล้าน ซึ่งแน่นอนว่าพ่อของเธอไม่ปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาลนี้ ขวัญพิชชาเองอยากจะปฎิเสธเพราะเธออายุแค่ 18 เธออยากเรียนให้จบก่อน แต่พ่อไม่ยอม หนำซ้ำยังบอกถ้าไม่แต่งก็ให้ออกไปอยู่ที่อื่น
" ได้ผัวรวยแล้ว จะเรียนไปทำไม นั่งกินนอนกินเป็นคุณนาย สบายไปทั้งชาติแล้ว ถ้าไม่แต่ง ก็ออกจากบ้านไป "
นี่หรือคำพูดของคนเป็นพ่อ เธอพยายามขอร้องหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล
ธามธาราจึงมองว่าเธอแต่งงานกับเขาเพราะเงิน
แต่หลังแต่งงาน คุณหญิงปรางค์ทิพย์ก็ทำตามความฝันของขวัญพิชชา นั่นคือส่งเธอเรียนจนจบ ตามที่เธอต้องการ
ขวัญพิชชาทำหน้าที่ภรรยาดูแลสามีไม่มีขาดตกบกพร่อง และคิดว่าชายหนุ่มจะมองเห็นความตั้งใจและเจตนาดีของเธอ และหวังว่าเขาจะรักเธอบ้าง แต่กลายเป็นขวัญพิชชาคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น
ขวัญพิชชาจำสายตาเย็นชาของชายหนุ่มได้ดีในวันที่จดทะเบียนสมรส พร้อมคำพูดที่บอกว่า 'จะไม่มีวันรักผู้หญิงอย่างเธอ จะไม่มีวันรักผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอ จำเอาไว้ '
" ไม่เป็นไรนะลูก อย่าไปสนใจตาธามเลย โง่จะตาย เดี๋ยวหนูขวัญอยู่ทานข้าวกับย่าก็ได้ เดี๋ยวย่าจะลงมือเข้าครัวเองเลย วันนี้เรามาทำอาหารสูตรชาววังกันดีกว่า "
" เดี๋ยวขวัญช่วยนะคะคุณย่า ขวัญอยากทำอาหารชาววัง คุณย่าสอนขวัญบ้างได้มั้ยคะ "
" ได้สิลูก เดี่ยวย่าจะสอนให้หมดไม่มีกั๊กเลย "
การทำอาหาร ทำให้ขวัญพิชชาผ่อนคลาย และยิ้มได้
คุณหญิงปรางค์ทิพย์ กับขวัญพิชชาก็เดินจับมือกันเข้าครัว โดยมีสายตาของธามธาราที่แอบมองอย่างหมันไส้
" หึ .. แสดงเก่ง ประจบสอพลอคุณย่า เพื่อเงินจริงๆ ผู้หญิงอย่างเธอถึงทำได้ทุกอย่าง แต่ฉันไม่หลงกลคนอย่างเธอหรอก "