ตอนที่ 9
ทำไมถึงเป็นนายอีกแล้ว!
ผมที่รู้สึกว่าเลขาคนสวยของผมเริ่มเงียบและไม่มีเสียงตอบรับกับคำถามของผม ด้วยความแปลกใจจึงหันหลังกลับไปมอง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือดวงตาของเธอกำลังปิดลงช้า ๆ พร้อมกับเท้าข้างหนึ่งที่กำลังจะก้าวลงบันไดก่อนที่จะทิ้งตัวเองลงมาจากชั้นสาม
สองเท้าของผมรวดเร็วกว่าสมองกระโดดเข้าไปรับร่างของผู้หญิงคนนี้มาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันกลิ้งเหมือนลูกขนุนตกลงสามสี่ขั้นสุดท้าย แต่เพราะที่แห่งนี้คือเขตก่อสร้างจึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายของพวกเราจะกระแทกนั่นนี่จนเกิดแผลไปไม่น้อย
“เห้ย!”
“พี่ม่านฟ้า! พี่เธียร!”
“เจ้านาย!”
เสียงของคนอื่นที่กรีดร้องดังระงมนั้น ไม่ได้ทำให้ผมสนใจไปมากกว่าผู้หญิงตรงหน้าเลยสักนิดเดียว ความร้อนของร่างกายที่ร้อนทะลุเสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอนั้นทำให้ผมตกใจมากกว่า
สองแขนแกร่งรีบอุ้มเธอให้วิ่งลงมาด้านล่าง พร้อมกับให้คนขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ใช้เวลาพักใหญ่ที่รถตู้ของผมนั้นติดอยู่บนถนนที่ดูจะไม่มีทีท่าว่าจะขยับง่าย ๆ ด้วยความร้อนใจผมเลือกที่จะอุ้มผู้หญิงคนนี้ลงจากรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่มองเห็นไกล ๆ ทันที
“เดชาไปส่งคุณหนูน้ำตาลที่บ้านด้วย”
“คุณเธียร!” ผมไม่รอฟังเสียงของใครทั้งนั้น สองแขนอุ้มม่านฟ้าไว้ในท่าเจ้าสาวแน่นใช้สองเท้าวิ่งผ่านหน้ารถยนต์มากมายบนท้องถนนก่อนจะตรงไปยังโรงพยาบาลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
“ช่วยด้วยครับ”
“คนไข้รอด้านนอกนะคะ” ผมยืนมองเตียงของเธอที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างไม่ละสายตา ด้วยความรู้สึกที่กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
“คุณไปทำแผลก่อนไหมคะ” ผมหันไปตามเสียงของคนที่เอ่ยขึ้นทางด้านหลัง เห็นว่าเป็นเสียงของพยาบาลคนหนึ่งที่ยืนมองมาที่ผมด้วยสายตาตกใจไม่น้อย
ผมเลื่อนสายตาของตัวเองมามองตามร่างกาย เห็นว่าเสื้อของผมนั้นเต็มไปด้วยทั้งฝุ่นทั้งเลือดเต็มไปหมด เมื่อเห็นแบบนั้นกลับทำให้ผมตกใจมากขึ้น เพราะร่างกายของผมนั้นรู้สึกเจ็บเพียงแค่ไม่กี่ที่ และรู้สึกได้เลยว่าเลือดไม่ได้ออกเยอะขนาดนั้น หากเป็นเช่นนั้นเลือดที่เห็นนี้อาจจะมาจากม่านฟ้า
“คือว่าไม่เป็นไรครับ” ผมมองเข้าไปด้านในด้วยสายตาที่ยอมรับแบบไม่อายเลยว่าเป็นห่วงม่านฟ้ามากจริง ๆ
“แต่ที่ศีรษะคุณเลือดออกเยอะมากนะคะ” ผมหันไปมองตามเสียงอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้วนิ่ง ใช้มือเลื่อนไปจับที่หัวของตัวเองถึงรู้ว่ามีเลือดไหลซึมออกมา
“ครับ” ผมตอบพยาบาลนิ่ง ๆ พร้อมทั้งเดินตามพยาบาลเข้าไปในห้องทำแผล ไม่รู้ว่าเลยว่าใช้เวลาไปนานแค่ไหน รู้เพียงแต่พยาบาลบอกว่าแผลของผมนั้นต้องเย็บหลายเข็มจนเมื่อจัดการจนเรียบร้อยแล้วก็ให้ผมนั้นไปทำเรื่องรับยาทันที
“เย็บสิบเอ็ดเข็มและต้องมาล้างแผลทุกวันจนกว่าจะหายนะคะ” พยาบาลยื่นใบสั่งยามาให้ก่อนจะกำชับนิ่ง ๆ แล้วเดินกลับไปในห้องทำแผลดังเดิม สองเท้าของผมก้าวกลับมายังหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้งจนเมื่อเห็นว่ามีคุณหมอนั้นเดินออกมาจากด้านใน
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“ครับ?”
“ผู้หญิงที่มาเมื่อครู่ เป็นยังไงบ้างครับ”
“คนไข้มีแผลบาดเจ็บฟกช้ำตามร่างกาย และเย็บที่ศีรษะเจ็ดเข็มครับ ร่างกายคนไข้อ่อนเพลียและมีไข้สูงตอนนี้กำลังนำเลือดไปตรวจครับ”
“แอดมิทไหมครับ”
“ต้องแอดมิทครับ ญาติสะดวกทำเรื่องห้องพักคนไข้เลยไหมครับ”
“ครับ” ผมเดินตามพยาบาลมาจัดการเรื่องเอกสารคนไข้และห้องพักฟื้น ก่อนจะเดินเบี่ยงไปยื่นเรื่องยาของตัวเอง รออยู่พักใหญ่จนเรื่องของผมนั้นเรียบร้อยดีแล้วจึงได้กลับมายังหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
“คุณแม่ไปทำงานหรอครับพี่ชบา”
“ใช่ค่ะคุณหนู.. วันนี้คุณธันวาจะมารับเราแทนคุณแม่นะคะ” ผมมองตามเสียงของเด็กที่ดูจะพูดเก่งไม่น้อย ในจังหวะหนึ่งที่เด็กคนนั้นหันมามองที่ผมมันกลับรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่าง
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้มองเด็กคนนี้ไปมากกว่านั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รถเข็นของม่านฟ้านั้นออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดี ผมรีบเด้งตัวเองวิ่งไปยังเธอทันที ม่านฟ้าในชุดคนไข้พร้อมบาดแผลถลอกตามตัวไม่น้อย
“คุณแม่!”
“คุณหนู! เป็นอะไรคะ” ผมหันไปมองตามเสียงของเด็กคนเมื่อกี้ เห็นว่าขาป้อมป้อมนั้นวิ่งผ่านหน้าผมไปยังรถนอนของม่านฟ้า ก่อนจะตามมาด้วยผู้หญิงอีกคนที่วิ่งตามมาติด ๆ
“คุณหนู!”
“คุณแม่! คุณแม่!”
“ว๊าย! คุณม่านฟ้าเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ผมมองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจ สายตามองไปยังผู้หญิงที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงนั้นไม่กะพริบ สลับกับมองเด็กน้อยที่เอามือของเขาเอื้อมไปจับมือของเธอไว้แน่น
“คุณเป็นเจ้านายของคุณหนูหรอคะ”
“ค.. ครับ”
“ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ทำไมพวกคุณมีสภาพแบบนี้”
“เดี๋ยวยังไงขอให้พยาบาลพาคนไข้ขึ้นห้องพักฟื้นก่อนนะคะ” พวกเราเงียบเสียงลงทันทีที่พยาบาลเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะเข็นเธอนั้นไปตามทางเดิน
“ทำยังไงดี โทร! ต้องโทรหาคุณธันวา”
“เอ่อ.. ห้องพิเศษ789 ชั้น6 นะครับ” ผมหันไปบอกผู้หญิงคนนี้ก่อนที่เธอนั้นจะพยักหน้ารับ และล้วงหาของในกระเป๋า คาดว่าน่าจะควานหามือถือ นั่นจึงทำให้ผมเร่งฝีเท้าที่จะเดินตามม่านฟ้าไปยังห้องพักฟื้นของเธอ
เพียงแต่ผมเดินมายังไม่ถึงห้าก้าว กลับรู้สึกได้ว่ามีแรงดึงที่ขากางเกงเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดเดินแล้วหันไปมอง เห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายคนนั้นที่ใช้มือของเขาเกาะขากางเกงผมเอาไว้แน่น
“ไปด้วย.. หาแม่” ผมหันไปมองคนที่คาดว่าน่าจะเป็นพี่เลี้ยงอีกครั้งก่อนจะหลุบตามองเด็กคนนี้ด้วยความชั่งใจ
“บอกคุณน้าหรือยัง”
“บอกแล้ว” ผมย่อตัวเล็กน้อยก่อนจะอุ้มเด็กผู้ชายคนนี้ขึ้นมานิ่ง ๆ เด็กคนนี้นอกจากจะไม่ได้รู้สึกกลัวคนแปลกหน้าแล้ว เขากลับยังใช้สายตาเรียบนิ่งจ้องมองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่อีกด้วย
“จะไปยังอะ”
“อ่อ.. ไป ๆ”
“พี่! ผมพาน้องขึ้นไปหาแม่ของเขาก่อนนะครับ” ผมหันไปตะโกนบอกพี่เลี้ยง ก่อนจะเห็นว่าเธอนั้นพยักหน้าให้จึงได้พาเจ้าเด็กคนนี้เดินตามไปหาม่านฟ้าไปทันที
สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องพักฟื้นที่เปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นฉ่ำ เห็นใบหน้าของม่านฟ้าที่มีผ้าก๊อซสีขาวปิดแผลตามร่างกายไม่น้อย ก่อนจะหันมามองที่เด็กน้อยในอ้อมแขนที่ดิ้นขยุกขยิกจะลง
“จะไปหาคุณแม่”
“อย่าเสียงดัง” เด็กน้อยคนนี้หันมาพยักหน้าให้ผมเล็กน้อยอย่างเด็กที่รู้ความ ก่อนจะเดินไปที่เตียงของเธอ
“ปีนไม่ได้นะคะหนูน้อย.. คุณพ่อดูแลคุณลูกก่อนนะคะ” ผมมองหน้าพยาบาลเหวอ ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปที่เด็กคนนี้ใช้สองมือคว้าอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน
“คุณแม่ต้องพักผ่อน.. เราออกมานั่งที่โซฟากันดีกว่า” ผมมองพยาบาลที่จัดการเครื่องมือแพทย์ของเขาจนเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินออกไปถึงได้ปล่อยมือออกจากเด็กน้อยที่เอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ
“มีอะไร”
“คุณลุงเป็นใคร”
“เป็นเพื่อนร่วมงานของคุณแม่ไง”
“แต่คุณลุงหน้าคุ้นมากเหมือนผมเคยเห็น”
“จำผิดคนแล้ว ไม่เคยเห็นหรอก”
“หรอ”
“แล้วหนุ่มน้อย.. เราชื่ออะไร”
“เตชินครับ”
“ลุงชื่อลุงเธียรนะ” เด็กน้อยคนนี้พยักหน้าให้หงึก ๆ ก่อนจะหันไปมองที่ม่านฟ้าอีกครั้ง ทันทีที่สองเท้าเล็กแตะพื้น ก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาจากด้านนอก เด็กน้อยคนนี้หันหลังกลับมาใช้แรงที่มีของตัวเองกระโดดขึ้นมาบนโซฟาพร้อมทั้งกอดคอผมไว้แน่นด้วยท่าทางของเด็กที่ตกใจ
“ม่านฟ้า!”
“พยาบาลบอกอย่าเสียงดัง”
“ทำไมถึงเป็นนาย!” ผมมองหน้าของผู้ชายที่เข้ามาใหม่ด้วยความไม่พอใจโดยไม่มีสาเหตุ ไม่เพียงเท่านั้นอาการของเขาทำเหมือนกับว่ารู้จักผมเป็นอย่างดี หรือว่าม่านฟ้าจะเคยบอกว่าผมเคยเป็นแฟนเก่าของเธอหรือเคยบอกว่าผมเป็นเจ้านายของเธอกันนะ
“ผมเป็นเจ้านายของเธอ” แววตาที่แสดงออกถึงความตกใจของผู้ชายคนนี้ทำให้ผมงุนงงไม่น้อย
“คุณเป็นแฟนเธอหรอ”
“ม.." ผมหันไปมองที่ผู้ชายคนนี้ที่มีท่าทีอึกอักไม่น้อยและเขาเองก็ไม่ได้ตอบคำถามของผมเช่นกัน
“ธันวา”
“ห้ะ”
“ชื่อของผม.. ธันวา” เขาเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะเดินไปดูผู้หญิงที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงด้วยท่าทางของคนที่เป็นห่วง มือข้างหนึ่งของเขาปัดปอยผมของเธอออกอย่างเบามือ
“หนูน้อย.. เดี๋ยวคุณลุงจะกลับแล้วไปอยู่กับคุณพ่อนะ” เด็กผู้ชายที่ยังนั่งกอดคอผมมองหน้าผมนิ่งแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เลี้ยงของเขานั้นเข้ามาอุ้มออกไปพอดี
“มาอยู่กับพี่ชบานะคะคุณหนู”
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“คุณลุงจะกลับแล้วหรอครับ”
“ครับ ลุงจะกลับแล้ว”
“แต่คุณลุงก็ป่วยจะกลับยังไง”
“เขาจะกลับยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราหรอเตชิน.. หืม?”
“คุณลุงธันวาก็ไปส่งคุณลุงเจ้านายคุณแม่สิ”
“ลุงไม่ว่าง”
“ลุงว่างเห็น ๆ”
“ลุง?”
“ใช่ครับ ลุงธันวาเป็นลุงของผม”
“ปกติเราไม่พูดเยอะขนาดนี้นะ.. วันนี้พี่ชบาพาไปกินอะไรมาหรอ” ผมมองหน้าผู้ชายคนนี้สลับกับเด็กน้อยที่หยอกล้อกันไปมาก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นว่าผู้หญิงบนเตียงนั้นกำลังขยับตัวแล้วลืมตามามองทางพวกเรา
“พวกพี่คุยอะไรกันเสียงดังมาก”